นายมันหน้าด้าน

907 Words
"เป็นผมไม่อยู่ต่อหรอก มีแต่คนประเภทเดียวเท่านั้นแหละ ที่ยังนั่งอยู่ได้เหมือนทองไม่รุู้ร้อน"  นายตำรวจหนุ่มร่างสูงน่าเกรงขามในชุดสูทสีดำ ท่าทีเข้มขรึมพูดใส่ไมค์ถึงคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า สมาพันธ์เคนโด้ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปีถึงคราวลุกเป็นไฟก็วันนี้แหละ  "นายมันคนหน้าด้าน!"  สิ้นประโยคดังกล่าว ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบงัน องค์ประชุมต่างหันไปคุยกระซิบกระซาบกันเอง หลายคนรู้ว่าเขาทั้งสองเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน  คนถูกวิจารณ์กัดฟันกรอด กำหมัดสองข้างแน่นจนมือสั่นระริก ใบหน้าหล่อหลาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ถ้าเป็นคนอื่นด่าเขาด่าสวนกลับไปนานแล้ว แต่...เพราะเป็นเขาคนนี้นี่ล่ะ  "หยุดนะ! ตั้งแต่เปิดประชุมมา พี่พูดจาไม่ให้เกียรติผมเลยสักครั้ง พี่จำได้มั้ยเราเคยเข้าค่ายเก็บตัวด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน เป็นรูมเมทกัน ผมนับถือพี่เหมือนพี่ชายแท้ ๆ มาโดยตลอด ครั้งก่อนก็ขู่จะให้ยากูซ่ามาจัดการผม ถ้าผมตายไปพี่ก็ติดคุกไปแล้ว พี่เคยคิดบ้างมั้ย นับแต่วันนี้..."  ประโยคหลังจากนี้ประธานสมาพันธ์หนุ่มต้องกลั้นใจพูดอย่างที่สุด  "เราไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกันอีก!!!"  คำพูดดังก้องอยู่ในโสตประสาท สะเทือนถึงขั้วหัวใจคนทั้งสอง ที่เคยผูกสัญญาซึ่งกันและกัน "คุณฮายาม่า! ถอนคำพูดเถอะครับ" โชตะประธานอาวุโสเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตักเตือนด้วยความปรารถนาดีและเพื่อรักษาบรรยากาศในที่ประชุม "ผมพูดความจริงครับ สมาชิกสมาพันธ์เคนโด้ที่กระจายตัวอยู่ทั่วญี่ปุ่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายามากูชิ ยูตะไร้ซึ่งคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่ดีครับ ผมไม่ได้กล่าวลอย ๆ นะครับ ผมมีเอกสารอ้างอิงจากเหล่าสมาชิกด้วย"  เซริชูกระดาษปึกใหญ่เหนือศีรษะให้ทุกคนได้เห็นทั่วกัน  "เราใช้คำพูดคนอื่นมาอ้างในที่ประชุมไม่ได้นะครับคุณฮายาม่า คุณทราบกฎดี ขอความกรุณาถอนคำพูดครับ" โชตะยังคงใจเย็นและมีเหตุผลเสมอท่ามกลางบรรยากาศอันคุกรุ่น "ไม่ถอนคำพูดครับ ผมพูดคำไหนคำนั้น!"  ร้อยตำรวจโทเซริ ฮายาม่าเป็นคนตรงไปตรงมา มีความเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะพูดคำไหนคำนั้นและยืนยันจะไม่ถอนคำพูดเด็ดขาด แม้ประธานอาวุโสจะย้ำเตือนเป็นครั้งที่สองก็ตาม ในทางกลับกันยูตะ ยามากูชิที่ภายนอกดูเป็นคนขึงขัง ไม่สบอารมณ์กับคนรอบข้างมากนักกลับใส่ใจในความเป็นพี่น้องมาก เขาเองก็นึกไม่ถึงว่านายตำรวจรุ่นพี่ตนเองเคารพนับถือจะกล้าเอ่ยคำว่า 'หน้าด้าน' ใส่เขาต่อหน้าองค์ประชุมคนอื่่น ๆ  ยูตะรู้สึกสะเทือนใจระคนอับอายอย่างบอกไม่ถูกจึงลุกขึ้น หันหลังเดินออกจากห้องประชุมไป แต่ก่อนจะออกมานั้นยูตะไม่ลืมที่จะหันไปสะกิดปลุกเปโกะผู้ช่วยคนสนิทที่นั่งสัปหงกอยู่ให้ตื่นขึ้น เพราะองค์ประชุมกำลังจับมองเขาอยู่ "งั้นตามระเบียบผมต้องเชิญคุณฮายาม่าออกจากห้องประชุมครับ" ประธานอาวุโสจำต้องยืนตามระเบียบ นายตำรวจหนุ่มยอมทำตามแต่โดยดีแต่ยังคงเก็บความรู้สึกได้ดีเยี่ยม  ภายใต้ความเกรี้ยวกราด ดุดันนั้น เซริหรี่ดวงตาเรียวยาวมองต่ำลง ใครจะล่วงรู้ได้ว่าลึก ๆ ภายในใจเขาเจ็บปวดเพียงใดที่ต้องเอ่ยคำพูดแรง ๆ ใส่รุ่นน้องคนสนิท ด้วยนิสัยของเซริผู้มีเจตนาดีต่อคนรอบข้างเสมอ แม้คำพูดคำจาจะไม่หวานลื่นหูนัก เขาจำต้องดุด่าว่ากล่าวยูตะเพื่อรักษาเกียรติของสมาพันธ์เคนโด้นี้ไว้ และเป็นอีกครั้งในชีวิตที่เซริได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ...! ยูตะมองความเคลื่อนไหวอยู่หลังฉาก เมื่อในอดีตแผ่นหลังหนาแกร่งของคนร่างสูงที่เขาเคยวิ่งเข้ากอด ลาดบ่ากว้างที่เคยให้เอนศีรษะซบระบายความทุกข์ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาเรียวยาว ม่านตาดำคมกริบจ้องตอบยูตะเช่นคนรู้ใจ...บัดนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป  ยูตะลอบมองตามหลังเซริด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะความผูกพันธ์ตั้งแต่อดีตทั้งคู่เจอกันที่ชมรมเคนโด้ตอนเรียนมัธยมปลาย เข้าค่ายเก็บตัวฝึกซ้อมมาด้วยกัน ต่างคนต่างคอยเป็นกำลังใจให้กันและกันในทุกการแข่งขัน ยูตะรู้ว่าอะไรคือของโปรดของเซริ ในขณะที่เซริรู้ว่ายูตะชอบอ่านหนังสือของใคร  ความสัมพันธ์นี้ช่างซับซ้อนยิ่งนัก เพราะบทบาทในสมาพันธ์อันทรงเกียรติที่บังคับให้พวกเขาต้องแสดงบทบาทที่ไม่ใช่ตัวเอง จะแบ่งแยกกันไปเพื่ออะไรในเมื่อทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออนุรักษ์-สืบทอดศิลปะการต่อสู้นี้ไปจนชั่วลูกสืบหลาน ยูตะเองก็หลั่งน้ำตาแห่งความอัดอั้นเพื่อเซริด้วยเช่นกัน "พี่เซริ...ผมขอโทษ!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD