'พวกนายรู้ข่าวหรือยัง! มีนักเรียนมาเข้าเรียนกลางเทอม หลังเปิดเรียนแล้ว 2 อาทิตย์ คนปกติทำอย่างนี้ได้ซะทีไหนกัน นอกจากต้องบริจาคหนัก ๆ เท่านั้น แต่ก็แหง๋ล่ะเพราะเด็กใหม่นั้นเป็นหลานชายของตระกูลยามากูชิเชียวนะ...'
โรงเรียนมัธยมปลายเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความโหดหินในรับนักเรียนเข้าเรียนสุด ๆ เพราะศิษย์เก่าที่จบจากที่แห่งนี้ล้วนได้ดิบได้ดีเป็นถึงนักธุกิจ นักการเมือง รัฐมนตรีตามกระทรวงใหญ่ ๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น...ถ้าอยากได้ดีในอนาคตต้องเข้ามามีสังคมที่โรงเรียนนี้ให้ได้
คุณสมบัติที่คู่ควรของที่นี่คือ นิสัย...ต้องนิสัยรวย แม้ค่าบำรุงการศึกษาจะสูงสักหน่อย แต่แลกกับคุณภาพและเส้นสายก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
เพราะความต้องการสร้างสังคมกับคนชั้นสูง เส้นสายทางการเมืองของโซอิจิกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
"สวัสดีครับทุกคนผมยามากูชิ ยูตะครับ เพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" นักเรียนใหม่ยืนแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน เพื่อนร่วมห้องคงคิดในใจเป็นถึงคุณหนูจากตระกูลดังคงเลือกคบคนระดับเดียวกันด้วยหรือเปล่า
แต่มันไม่ใช่เลยสักนิด
ยูตะเป็นคนมีน้ำใจ ร่าเริงและเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดีกว่าที่คิดและไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของย้ายโรงเรียนกะทันหันในครั้งนี้ แต่ที่ทุกคนรู้ก็คือโรงเรียนนี้กำลังจะปรับปรุงสนามเบสบอลครั้งใหญ่และจะกลายเป็นสนามเบสบอลที่ดีที่สุดในเมืองอีกด้วย
"ดูนั่นสิเรียวคุง เขากำลังก่อสร้างสนามเบสบอลใหม่ ว้า~ ทำไมไม่แบ่งงบมาชมรมเคนโด้บ้างล่ะเนี้ย" คนบ่นยกมือกอดอก ขมวดคิ้วมุ่น
"ชมรมเคนโด้ของเราน่ะเหรอ? พูดอะไรของนายน่ะมาโคโตะ ถ้าหรูกว่านี้ก็สนามแข่งโอลิมปิกแล้วนะ นายจะเอาอะไรมาเพิ่มอีก จริงมั้ยเซริ เฮ้! เซริ..."
เรียวและมาโคโตะหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนอีกคน จนพบว่าเขาเดินเลี่ยงไปยืนคุยโทรศัพท์ห่าง ๆ
ทั้งสองคนหันหน้ามองกัน ต่างคนต่างรู้ว่าระยะหลัง ความสัมพันธ์ของเซริกับแฟนสาวที่เป็นถึงดาวโรงเรียนสตรีชื่อดังไม่ค่อยดีนัก เซริทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกซ้อมหนักเพื่อรักษาแชมป์รายการเคนโต้เยาวชนระดับชาติจนไม่เหลือเวลาให้อีกฝ่ายเลย
เพราะการได้ที่หนึ่งไม่ยากเท่ารักษาอันดับที่หนึ่งไว้
"ไม่ยักรู้ว่าค่ายเก็บตัวที่เราไม่ได้ไปและโชคดีที่ไม่ได้ไป เขาจะยึดโทรศัพท์ด้วย"
"ไม่ได้ยึดสักหน่อย ได้ยินว่าที่ค่ายฝึกกันหนักมากตื่นตั้งแต่เช้าตรู่แล้วยาวถึงหัวค่ำเลย เหนื่อยสุด ๆ กลับถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับยาวจนไม่มีเวลาติดต่อกับใครทั้งนั้น ถึงวันออกค่ายเหลือนักเรียนไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ คนที่อยู่ได้คือต้องอึดทั้งกายและใจ"
เซริ เรียนอยู่ชั้นมัธยมชั้นปีที่ 6 เจ้าของส่วนสูง 1.86 เมตร แต่รูปร่างสมส่วน มีกล้ามเนื้อกำลังดี หุ่นไม่ล่ำจนเหมือนนักกล้ามเกินไป เป็นขวัญใจของสาวรุ่นน้องทั้งในและต่างโรงเรียน
ถ้าคนไม่รู้จักคงไม่คิดว่าเซริยังเรียนแค่ ม. ปลายด้วยซ้ำ
ครู่ต่อมาคนร่างสูงลดโทรศัพท์ในมือลง จ้องหน้าจออยู่สักพักก่อนจะกดลบชื่อและเบอร์โทร. ใครคนหนึ่งออกจากเครื่อง แล้วเดินกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนอีกสองคนด้วยสีหน้าราบเรียบ
"นายโอเคมั้ย เย็นนี้ไปกินเนื้อย่างแล้วกรึ๊บแก้เซ็งกันสักหน่อยมั้ยล่ะ" มาโคโตะเข้าใจเรื่องราวได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องถามเยอะ เซริแค่ยักไหล่ตอบแทนคำพูด
"แสดงว่ายังไงก็ได้ใช่มั้ย งั้นเราไปกันสามคน ชั้นว่าจะชวนเจ้าชินจังไปด้วย นายสองคนโอเคมั้ย" เซริตอบแบบเดิมแต่ตบท้ายด้วยคำพูดเล็กน้อย
"ถ้าพวกนายเมาเละเทอะกันอีก ชั้นไม่แบกพวกนายแล้วนะ"
"นายแข็งแรงที่สุดแล้วเซริ ถือว่าออกกำลังกายแล้วกัน" เรียวยกมือตบไหล่หนาของเซริ "ถ้าแข็งแรงกว่านายก็คงต้องวูฟเวอรีนเท่านั้นแหละ"
เมื่อทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ มีรถยนต์ยี่ห้อหรูมากมายจอดเรียงรายเพื่อรอรับนักเรียนถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ อันที่จริงเซริก็มีพ่อบ้านที่พร้อมจะขับรถมารับด้วยเช่นกัน แต่เขาเองเป็นถึงลูกชายผู้บัญชาการตำรวจต้องหัดใช้ชีวิตลุย ๆ ไว้บ้างเพราะลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นแน่นอน
"มาโคโตะคุง คนนั้นใช่คนที่เป็นนักเรียนใหม่หรือเปล่า" เรียวชี้นิ้วไปที่นักเรียนชายร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถเมอร์ซิเดสเบนซ์คันงาม
"ไหน ๆ ขอมองชัด ๆ หน่อย โอ้~ใช่เลย หมอนั่นล่ะ เป็นหลานชายคนโตของโซอิจิเลยนะ"
"โซอิจิจากตระกูลยามากูชิ พ่อใหญ่คนมีอิทธิพลน่ะเหรอ ได้ข่าวแกมีหลานชายสองคนนี่นา" เรียวเคาะปลายคางยาวเบาๆ
"เห็นว่ารู้จักนักการเมืองท้องถิ่นหลายคน นักเลงหรือแม้แต่ตำรวจก็เกรงใจแกน่าดู" คำพูดมาโคโตะสร้างความหงุดหงิดให้คนฟังอีกคนเข้าแล้ว
"ตำรวจเกรงใจงั้นเหรอ? เกรงใจเรื่องอะไรเพราะตระกูลดังเหรอ เพราะรวยล้นฟ้า เพราะเป็นผู้มีอิทธิพล ชั้นจะบอกอะไรให้อย่างนะ จะเป็นใครหน้าไหนถ้าทำผิดกฏหมายก็ต้องถูกลงโทษตามกฏหมายเหมือนกันหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น!"
วันนี้อากาศดีนะ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ไหงมีฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาได้ มาโคโตะรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
เอาเถอะ~คนไม่รู้จริงย่อมไม่ผิด
'คนจากยามากูชิงั้นหรือ ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ด้วย' เซริคิดในใจขณะมองตามหลังอีกฝ่าย
เวลาเดียวกันยูตะที่นั่งอยู่บนรถ ก็บังเอิญหันมาสบตาด้วยพอดี
'ใครกัน ตัวสูงชะมัด รูปร่างอย่างงั้นเล่นบาสได้สบาย ๆ เลยมั้งแล้ว...ทำไมต้องจ้องหน้าเราซะขนาดนั้น แปลกคน อย่าไปสนใจเขาเลย'
รถยนต์หรูคันนั้นเคลื่อนจากไป
เซริยังยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมลางสังหรณ์บางอย่างที่กระซิบบอกเขาว่า 'หมอนี่มีแววตาจริงใจซื่อตรง อ่อนโยนต่างจากพวกยามากูชิเขารู้จัก เป็นไปได้ยังไงเรื่องแบบนี้...'
"เฮ้! เซริไปกันเถอะ ยืนมองรถอยู่ได้ บ้านนายก็มีตั้งหลายคันไม่ใช่เหรอ"
เรียวหันมาเสะกิดเรียก เซริกระพริบตาถี่ ส่ายหน้าเรียกสติกลับคืนจากความคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินตามเพื่อนสองคนไป