ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สุขสบายดีไหมล่ะชนิณ

951 Words
ชนิณจึงไม่รอช้าที่จะตอบรับการช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไข และรอการมาถึงของพี่ชายตัวเองในวันนี้หลังจากที่ทางนั้นบอกว่าจะเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยเพื่อทำข้อตกลง ชนิณไม่รู้ว่าข้อตกลงที่ว่านั่นคืออะไร แต่เขาพยายามไม่คิดมาก ขอแค่ให้มีใครสักคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเหลือเขาก็พอ ต่อให้ไม่รู้จักรัญญ์มาก่อน แต่ขึ้นชื่อว่าร่วมสายเลือดกัน อย่างไรเสียก็น่าจะไว้ใจได้มากกว่าพวกฝูงหมาป่ารอบกายเขาอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็พี่น้องกัน... เขาเชื่อแบบนั้น ดวงตาคมของชายหนุ่มเหลือบมองที่นาฬิกาบนผนังอย่างเริ่มร้อนใจ ใกล้ถึงเวลานัดหมายตามที่อีกฝ่ายแจ้งไว้แล้ว แต่กลับยังไม่มีการติดต่อใดๆ มา ในคราแรก เขาอาสาจะไปรับรัญญ์กับคนติดตามที่สนามบินด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อถูกปฏิเสธ เขาจึงทำได้แค่นั่งรออยู่ในห้องทำงานเท่านั้น ไม่นาน การรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเลขาฯ แจ้งมาว่าแขกที่เขาเฝ้ารอเดินทางมาถึงบริษัทแล้ว ชนิณรีบตอบรับให้เชิญแขกเข้ามา พลันผุดลุกขึ้น ดึงปมเนกไทให้เข้าที่ สำรวจตัวเองเล็กน้อยว่าเรียบร้อยพอที่จะรับแขกหรือยัง ก่อนจะยืดอกผายทันทีที่เห็นชายราวสี่ชีวิตเดินเข้ามาในห้อง สายตาปราดมองพลางพินิจ ชายทั้งหมดแต่งกายโทนสีดำเหมือนกันทั้งสิ้น ต่างกันเพียงรายละเอียด ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่สองคนหลังน่าจะเป็นบอดี้การ์ด ส่วนคนที่ใส่สูท สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมบางๆ เหมือนกับเขา ในมือถือแฟ้มเล่มเขื่อง ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนติดตาม ส่วนผู้ชายอีกคนที่สูงในระดับสายตาเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่งตัวค่อนข้างทันสมัย ทรงผมยาวระต้นคอ มองผ่านๆ คล้ายพวกบาร์โฮสต์หนุ่ม ไม่ก็พวกดารานักร้องวัยรุ่นของญี่ปุ่น ดูไม่เข้าพวกกับคนอื่นแม้แต่น้อย ท่าทางจะเป็น... ...อาจจะเป็นคนติดตามหรืออะไรอย่างอื่น แล้วคนที่ใส่แว่นที่คิดว่าเป็นคนติดตามในตอนแรกคงจะเป็นพี่ชายเขาล่ะมั้ง แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ชนิณรู้สึกได้อย่างเดียวว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะดวงหน้าที่ดูอ่อนโยนทว่าในขณะเดียวกันก็แลน่าเกรงขามอย่างชวนประหลาดใจ คล้ายกับว่าชายคนนี้มีมนตร์สะกดตรึงสายตาเขาไว้ให้อยู่กับที่ อีกทั้งยังรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เผลอจ้องไปเสียนาน กว่าจะรู้สึกตัวว่าทำเสียมารยาทก็เมื่อได้ยินเสียงทุ้มของชายใส่แว่นดังขึ้นเป็นภาษาญี่ปุ่น “คุณชนิณสินะครับ” “อะ...เอ่อ ครับ” ชนิณสะดุ้งเล็กน้อย ชำเลืองสายตาไปยังผู้พูด ตอบกลับไปในภาษาเดียวกัน “คุณก็คงจะเป็น...พี่รัญญ์ใช่มั้ยครับ” สีหน้าสงสัยฉาบพรายทั่วใบหน้าชายหนุ่ม เพ่งมองหน้าของชายใส่แว่นแล้ว ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนหรือละม้ายคล้ายคลึงเขาเลยสักนิด หรือว่าอาจจะเหมือนมารดาเลี้ยงของเขากัน? ฝ่ายที่ถูกทักเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลันส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ผม ยาชิดะ มาโมรุ เลขาฯ ของคุณรันมารุครับ” “รันมารุ?” สีหน้าของชนิณดูแปลกใจมากขึ้นไปอีก ขณะที่ชายที่สะกดสายตาเขาในตอนแรกเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามโต๊ะทำงานของเขา ยกขาเรียวขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายๆ “ชื่อภาษาญี่ปุ่นของฉันเอง” สิ้นเสียง ชนิณก็หันขวับไปมองยังผู้พูดอีกทีขณะที่อีกฝ่ายคีบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อสูท ครู่เดียว บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก็ตรงปรี่เข้ามาจุดไฟให้ ชนิณมองคนที่พ่นควันบุหรี่คละคลุ้งไปทั่วห้องอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก ปากอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่อนุญาตให้ใครสูบบุหรี่ในห้องนี้ แต่ก็จำต้องเก็บอาการไว้เพื่อรักษามารยาทเมื่อริมฝีปากสีสวยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สุขสบายดีไหมล่ะชนิณ” รัญญ์ก็ไม่ได้พูดภาษาไทยกับเขา ทุกคำที่หลุดออกจากปากล้วนเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดถ้อยชัดคำทั้งสิ้น ชนิณจึงเลือกที่จะสื่อสารภาษาเดียวกันกลับไป “สบายดีครับ คุณ...เอ่อ พี่รัญญ์ล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง” รู้สึกตะขิดตะขวงในใจเล็กน้อย ลังเลพอสมควรว่าควรจะเรียกคนตรงหน้าว่า ‘คุณ’ หรือ ‘พี่’ ดี เอะใจด้วยว่าทำไมรัญญ์ถึงทักเขาอย่างนั้น ไม่ได้เจอกันตั้งนานอย่างนั้นเหรอ จำไม่เห็นได้เลยว่าทั้งชีวิตนี้เขาเคยเจอรัญญ์ด้วย อาจจะเคยเจอตอนเขายังเด็กมากก็ได้ รัญญ์คงจะจำได้ แต่เขาไม่ กระนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะถามออกไป ได้แต่นั่งปิดปากเงียบเมื่อรัญญ์ไม่ตอบคำถามเขา เอาแต่พ่นควันบุหรี่สีขาวจนเหม็นฉุนตลบอบอวลไปทั่วห้อง ชนิณใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือรำคาญกลิ่นบุหรี่ออกไป กระทั่งรัญญ์สูบบุหรี่จนเกือบหมดมวนถึงได้ฤกษ์เริ่มบทสนทนาอีกครั้ง “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันมาหานายทำไม” ชนิณพยักหน้ารับโดยเร็ว รัญญ์เผยอยิ้มทันทีที่เห็นท่าทางกระตือรือร้นนั้น “ดี งั้นเราจะได้เริ่มเจรจาธุรกิจกันเลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD