ตอนที่ 2 โจวอวี่2

1188 Words
ครั้นมาถึงโถงหลัก ถ้วยชาพลันลอยวูบเข้าหาในพริบตา โจวอวี่เบี่ยงใบหน้าหลบในเสี้ยวเวลา เขายกมือสกัดเอาไว้ได้ทัน กุมไว้ในมือมั่น พลางเดินเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย กวาดตามองนิ่งๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่สะเทือนต่อความพิโรธใดๆ เบื้องหน้าของเขาคือโจวเจ๋อผู่ผู้เป็นบิดา ด้านข้างฝั่งซ้ายมือคือฮูหยินเอกคนปัจจุบันที่ขึ้นมาแทนที่มารดาผู้ล่วงลับของเขา นางมีนามว่า จูเข่อเหริน ส่วนฝั่งด้านขวาคือพี่ชายที่เพิ่งเข้าสกุลมาด้วยฐานะบุตรชายคนโตในฮูหยินเอก โจวจือหยวน ภาพสามคนพ่อแม่ลูกที่ยืนอยู่ด้วยกันช่างเข้าทีแลดูรักใคร่สมัครสมานเหลือเกิน ทำเอาคนที่เกิดและเติบโตอยู่ที่นี่เกือบยี่สิบปีแต่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างเขาคล้ายเป็นเพียงแขกแปลกหน้าผู้มาเยือนอย่างไรอย่างนั้น โจวอวี่เดินมาหยุดยืนกลางห้องโถง มือคลึงถ้วยชาเล่น ท่าทางไม่แยแสต่อโทสะบิดา โจวเจ๋อผู่ยิ่งโกรธเกรี้ยวจนดวงตาแดงก่ำ เขาชี้หน้าบุตรชายคนรองอย่างคาดโทษ “เจ้าลูกเนรคุณ! รู้ตัวหรือไม่สิ่งที่เจ้าทำลงไปส่งผลให้ข้าถึงขั้นต้องรับหน้ากับโทสะของฝ่าบาทอย่างไร พระองค์สั่งพักงานข้า เจ้ารู้หรือไม่?” โจวอวี่เลิกคิ้ว “ก็แค่พักงาน ท่านพ่อจะได้พักผ่อนปะไร นี่มิใช่สมรสพระราชทานเสียหน่อย ท่านไม่ถูกสั่งตัดหัวหรอกน่า” “เจ้าลูกชั่ว!” คราวนี้เป็นป้านชาทีเดียวที่ลอยหวือใส่หน้า โจวอวี่เบี่ยงหลบ ไม่มีหรอกที่จะทำตัวดีๆ ยืนรับโทษนิ่งๆ อย่างที่ควรเป็น โจวเจ๋อผู่ยิ่งเดือดดาล ชี้หน้าบุตรชายด้วยนิ้วสั่นเทา “สกุลซุนแม้เป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือแต่เขาเป็นถึงสหายร่วมเรียนของฝ่าบาท ลูกศิษย์ในสำนักศึกษาก็ล้วนแต่เป็นองค์ชาย เจ้ากล้าดีอย่างไรไปหักหาญน้ำใจแม่นางน้อยเว่ยลี่ หา! ถึงขนาดเข้าไปขอถอนหมั้นเขาในสกุลซุนด้วยเหตุผลมีหญิงอื่น เจ้าเสียสติจนฟั่นเฟือนไปแล้วหรือไร?” โจวอวี่ยังคงเฉยเมยต่อคำพร่ำบ่นยาวเหยียดนั้น ทำเอาบิดาถึงขั้นตัวสั่น เขาไอโคลกออกมา สีหน้าท่าทางคล้ายจะกระอักเลือดตลอดเวลาแล้ว “ท่านพี่” จูเข่อเหรินที่เรียบร้อยอ่อนหวานและดูไร้พิษสงรีบขึงตามองโจวอวี่คล้ายปรามให้เขาหยุด พลางเข้าประคองสามีอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ท่านพี่ ท่านนั่งลงก่อนเจ้าค่ะ” โจวจือหยวนส่ายหน้าเอือมระอาและรีบยกเก้าอี้มาให้บิดา “ท่านพ่อใจเย็นขอรับ” โจวอวี่มองภาพสามคนพ่อแม่ลูกที่ห่วงใยกันหนักหนาอย่างเย็นชา “มีอันใดจะต่อว่าข้าอีกหรือไม่?” ความหมายคือมีอันใดจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ ข้าไม่ได้มีเวลาฟังท่านพล่ามมากนัก โจวเจ๋อผู่ยิ่งหายใจหอบด้วยโทสะที่อัดแน่นโพรงอก “เจ้าลูกทรพี ไสหัวไปซะ!” คนถูกไล่ด้วยคำรุนแรงเพียงหรี่ตา “ท่านพูดเองนะ” จบคำก็หมุนตัวเดินจากมาอย่างไม่ยี่หระ แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดจนด้านชา อย่างไรเสีย คนนอกสายตาก็ย่อมเป็นคนนอก ไร้คนใส่ใจ จะอยู่หรือไปล้วนมีความหมายเดียวกัน โจวอวี่รู้ตัวดีว่าตนเองมิใช่บุตรชายคนสำคัญของบิดา ปล่อยให้สามคนพ่อแม่ลูกเขาอยู่กันเองย่อมผาสุกกว่า ธรรมชาติของคนเรามักรักลูกที่เกิดจากสตรีอันเป็นที่รักมากกว่าลูกที่เกิดจากสตรีที่ไม่ได้รัก ตัวเขาเองก็คงเป็นเช่นนั้น หากให้แต่งงานกับสตรีที่เขาชัง อย่างไรเสียก็รักลูกที่เกิดจากนางไม่ลง ดังนั้นโจวอวี่ผู้นี้ย่อมต้องเลือกแต่งกับสตรีที่รักเท่านั้น ลูกที่เกิดจากภรรยาจะมีกี่คนล้วนเป็นดั่งแก้วตาดวงใจเท่าเทียม ไม่ลำเอียงแบ่งแยกเช่นที่เขากำลังเผชิญ แต่หากไม่รักต่อให้ต้องตายก็ไม่ขอแตะต้องเป็นอันขาด สัมพันธ์สวาทมิใช่สตรีใดจะได้รับจากเขาง่ายๆ เขาอยากมีลูกหลายคน มิได้อยากมีภรรยาหลายคน เมื่อเดินออกมานอกโถงหลัก ชายหนุ่มเพียงโบกมือให้ลู่ซี “เจ้าเก็บสัมภาระเรียบร้อยดีหรือไม่?” ลู่ซีเบิกตามองอย่างกังวล “คุณชายรอง บาดแผลท่าน” “ไม่มีใครถามสักคำ เจ้าจะใส่ใจไย รีบไปเถอะ” เมื่อผู้เป็นนายว่าอย่างนั้น บ่าวไหนเลยจะกล่าวคำใดได้อีก ลู่ซีจึงค้อมกายเดินตามหลังโจวอวี่ไปอย่างเชื่อฟัง บาดแผลของโจวอวี่แท้จริงมิได้หนักหนาอันใด เพียงเป็นรอยหมัดรอยเล็บขีดข่วนบนใบหน้าเท่านั้น แต่ปกติแล้วชายหนุ่มมีผิวพรรณที่ดีมากเหมือนมารดา ทั้งเนียนและขาวกระจ่างสะอาดตา การมีริ้วรอยเช่นนี้แม้เพียงเล็กน้อยทว่าย่อมโดดเด่นสะดุดตา กระนั้นบิดากลับไม่ถาม ทำเอาคนเป็นลูกให้รู้สึกยากจะบรรยาย “น้องรอง ช้าก่อน” เสียงทุ้มต่ำนั้นทำโจวอวี่หยุดเดินก่อนเอียงหน้าปรายตามองเงียบๆ ผู้เรียกคือโจวจือหยวน เขาเดินตามโจวอวี่ออกมาจากโถง “เจ้ากลับไปขอโทษท่านพ่อเถิด เรื่องราวจะได้ไม่บานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องแม่นางน้อยซุนเว่ยลี่ค่อยๆ พูดจากันดีๆ ย่อมแก้ไขได้ เจ้ากับท่านพ่ออย่าได้มีเรื่องหมางใจกันเลย” สีหน้าและแววตาของโจวจือหยวนสุภาพอ่อนโยน น้ำเสียงยังสัตย์ซื่อจริงใจปานนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมใดล้วนสมควรได้รับความไว้วางใจ ใครที่คิดคลางแคลงย่อมมีจิตใจที่ดำมืดไม่บริสุทธิ์ โจวอวี่มองพี่ชายนิ่งนาน ไร้ซึ่งวาจา แววตาเย็นชาลึกล้ำประหนึ่งก้นบึงน้ำแข็งที่ลึกลับยากหยั่งถึง “น้องรอง...” โจวจือหยวนครางชื่อน้องชายอย่างอ่อนใจ เขามองแววตาเย็นเยียบเยี่ยงนี้ไม่ไหวจึงเบี่ยงหน้าออกไม่มองอีก โจวอวี่ถอนหายใจ หันหลังเดินต่อพลางเอ่ยเสียงเรียบ “พี่ใหญ่กลับไปดูแลท่านพ่อเถิด ไม่ต้องมาสนใจคนเช่นข้า สกุลโจวที่ยิ่งใหญ่นี้ข้าฝากท่านใส่ใจให้มากหน่อยแล้วกัน วันทั้งวันอย่าเอาแต่ทำตัวเป็นเต่าหดหัวจึงจะดี” วาจาสบประมาทรุนแรงยิ่งกว่าคำว่าขลาดเขลาเสียอีก ทว่าคนกลับไม่โกรธ โจวจือหยวนเพียงเบิกตาถามยามเดินตาม “เจ้าจะไปไหนหรือ?” โจวอวี่ตอบโดยไม่หันมา “ข้าจะไปไหนก็เรื่องของข้า พี่กับฮูหยินอยู่กับท่านพ่ออย่างที่ควรเป็นเถอะ” “น้องรอง” น้ำเสียงของพี่ชายแฝงความเว้าวอนปานนั้น ทว่าคนฟังกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง เพียงเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD