ตอนที่ 14 : บีบบังคับ
ใบหน้าหวานเลอะไปด้วยคราบน้ำตา เสียงสะอื้นไห้ที่ยากจะกลั้นได้ระบายออกมาเบาๆ เหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจ
แก่ก
ครืด...
สายตาที่พร่ามัวมองไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดออกโดยไม่ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้ ฉันรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆกลัวจะเป็นพ่อกับแม่ แต่แล้วสิ่งที่เห็นกลับไม่ตรงกับสิ่งที่ตัวเองคิด
"คุณพายุ" ริมฝีปากบางเรียกชื่อคนที่เกลียดที่สุด ร่างกายกำยำสวมชุดสูทสุดเนี๊ยบอย่างที่เคยเห็นแต่กลับไม่มีความลุ่มหลงในการแต่งตัวของเขาเหมือนแต่ก่อน
"แสดงว่าความจำยังดีอยู่สินะ" ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาคนที่นอนอยู่บนเตียง ต่อให้จะเห็นน้ำตาเธอเป็นครั้งที่สองเขาก็ไม่มีความรู้สึกสงสารแม้แต่น้อย
"ยะ อย่าเข้ามานะ" ฉันพยายามดันตัวเองลุกขึ้นทั้งที่ร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก แต่มันก็ช้าเกินกว่าที่จะหนีเขาได้ทัน
พรึบ
"อ๊ะ" แก้มใสร้องออกมาเสียงหลงเมื่อถูกฝ่ามือหนากระชากข้อมืออย่างแรงจนตัวฉันถลาเข้าไปหาแผงอกแกร่ง แรงบีบรัดกดทับรอยแผลจากที่โดนเชือกเสียดสีทำเอาใบหน้าหวานถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด "จะ เจ็บ ปล่อย"
"จุ๊ จุ๊...อย่าเสียงดังไป ระวังพ่อแม่เธอจะได้เข้ามาเห็นหนังสด"
"คุณจะมาทำอะไรฉันอีก แค่นี้ยังเห็นฉันเจ็บปวดไม่พอเหรอไง แค่ฉันเห็นการกระทำที่ชั่วช้าของคุณถึงกับดีดดิ้นทุรนทุรายเลยเหรอ" ไม่แปลกที่เขาจะรู้ทุกความเคลื่อนไหวของฉัน เพราะแม้แต่หมอที่รักษาฉันยังเข้าข้างคนใจร้ายคนนี้ และการที่พยาบาลสาวคนนั้นเปิดทางให้พ่อกับแม่ฉันออกไปนอกห้องก็ไม่พ้นฝีมือคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาแน่นอน
"ปากเก่งขนาดนี้แสดงว่าไม่ราบจำสินะ" มือหนาบีบข้อมือเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมกริบจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานที่แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างเปิดเผย
"โอ๊ยยย...เจ็บ!" ฉันถึงกับร้องออกมาเพราะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่เขาทำอยู่ตอนนี้ได้ แววตาวูบไหวเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดเลอะผ้าพันแผลแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ "เจ็บ...พอสักที ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว"
"หึ...นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน" พายุคลายมือออกจากข้อมือคนตัวเล็ก พลางมองฝ่ามือตัวเองที่มีเลือดของเธอติดมาด้วย ก่อนจะยกขึ้นมาเลียคราบเลือดนั้นราวกับคนโรคจิตต่อหน้าต่อตาเธอ "เลือดเธอหวานใช่เล่น"
ร่างบางประคองมือตัวเองและลูบรอยแผลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด หยดน้ำตาหยดลงบนแผลครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันหายเจ็บเลยสักนิด
"ฉันแค่จะมาเตือนสติเธอ หวังว่าเธอจะหุบปากไว้แน่นพอ ฉันให้เวลาเธอรักษาตัวต่ออีกสองวัน หลังจากนั้นฉันต้องเห็นเธอไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม" พายุออกคำสั่งพร้อมกับขู่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"แต่พ่อกับแม่ฉันบอกว่าคุณให้รักษาตัวจนกว่าจะหายไม่ใช่เหรอไง สองวันฉันไม่มีทางเป็นปกติได้"
"งั้นเหรอ ไหนหลักฐานที่ฉันบอกล่ะ? ทำตัวเองให้หายดีต่อหน้าคนอื่นภายในสองวัน ต่อให้ข้างในเธอจะเจ็บปางตายก็เรื่องของเธอ แต่ฉันต้องได้เห็นเธอที่บริษัท ไม่งั้นคนที่เธอช่วยชีวิตไว้มันจะได้ไปนอนเล่นในทะเลด้วยสภาพที่ไร้ลมหายใจ"
"คุณมันไม่ใช่คน" มือบางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเพราะไม่สามารถต่อรองอะไรกับคนอย่างเขาได้เลย
หมับ
พายุเอื้อมมือไปบีบลำคอระหงอย่างแรง ต่อให้เธอพยายามตะเกียกตะกายแกะมือเขาออกแต่ก็ไม่มีทางที่จะทำมันได้สำเร็จ
"อึก..."
"เพราะฉันไม่ใช่คน ฉันเลยบีบคอเธอโดยไม่รู้สึกอะไรไง เวลาเธอหน้าแดงตาเหลือกมันทำให้ฉันเร้าใจนะแก้มใส"
"อ่อย..." ปัก ปัก ปัก! ฉันพยายามทุบมือหนาให้คลายออกจากลำคอตัวเอง ต่อให้ให้เล็บจิกหรือหยิกเขาก็ไม่สะทกสะท้าน เป็นอีกครั้งที่ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง ลมหายใจเหมือนจะขาดหายไป อยู่ๆใบหน้าคมคายโน้มเข้ามาใกล้จนรับรู้ลมหายใจอุ่นผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ
จ๊วบบบ…
"อื้อ...อี๊ดดด" ฉันทำได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องในลำคอเมื่อถูกจู่โจมด้วยปาก ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรู้ว่าลิ้นสากเริ่มหาทางเข้าไปด้านใน ต่อให้พยายามดิ้นยังไงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากน้ำมือเขาได้เลย
มือหนาเปลี่ยนจากบีบลำคอระหงมาประคองใบหน้าหวานไม่ให้สะบัดออกและจัดการหว่านล้อมทุกวิถีทางเพื่อจะตักตวงน้ำหวานจากปากเธอ
"อ๊ะ...อื้อ ออ" แรงบีบที่กรอบใบหน้าทำให้ฉันร้องออกมาเสียงหลงและเปิดช่องทางให้เขาแทรกซึมเข้าไปในโพรงปากได้สำเร็จ สิ่งที่น่าขยะแขยงคืบคลานเข้ามาไม่หยุด ลิ้นสากตวัดไปทั่วโพรงปากอย่างน่าสะอิดสะเอียน
ปึก ปึก ปึก
หมัดเล็กๆทุบแผงอกแกร่งอย่างแรงหวังให้เขาผละริมฝีปากออกแต่มันเหมือนเป็นการกระตุ้นให้เขาทำรุนแรงขึ้นกว่าเก่า ไม่ใช่แค่ลิ้นที่พยายามชอนไชไปทั่วโพรงปาก แต่โดนฟันอันแหลมคมขบที่ลิ้นจนกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วจนรู้สึกพะอืดพะอม สุดท้ายร่างกายที่พยายามต่อต้านก็ต้องจำยอมให้เขาทำเรื่องที่น่ารังเกียจ แม้แต่เรี่ยวแรงจะผลักตัวเขาออกยังไม่มี นานหลายนาทีที่ฉันได้แต่นั่งนิ่งเพราะถูกมือหนาทั้งสองข้างล็อคหน้าไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ไม่มีแม้แต่อารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เขาทำสักนิดเดียว ตั้งแต่ฉันรู้จักเขาในคาบซาตานร้ายใบหน้าก็เลอะไปด้วยคราบน้ำตา
"อื้ม..." พายุส่งเสียงในลำคอเบาๆเมื่อพึงพอใจกับรสจูบที่แสนเร่าร้อนที่มอบให้เธอก่อนจะผละออกทั้งริมฝีปากและร่างกายจนคนตัวเล็กล้มหงายหลังไปนอนตามเดิมอย่างแรง
ตุบ
"โอ๊ย...ฮรือ...ฮือ" หลังมือรีบเช็คคาบน้ำลายสกปรกออกจากปากลวกๆ
สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่นอนสะอื้น ผ้าพันแผลที่ข้อมือของเธอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงจนเปียกชุ่ม ลำคอของเธอปรากฏรอยแดงทั้งห้านิ้ว
"อีกห้านาทีพ่อแม่เธอจะขึ้นมา หวังว่าน้ำตาจะหายไปจากหน้าเธอ และปั้นหน้ายิ้มด้วยละถ้าอยากให้พ่อแม่เธอสบายใจ คนอย่างเธอคงไม่ชอบเห็นคนอื่นทุกข์ใจหรอกจริงไหม"พายุพูดอย่างรู้ทันเพราะสายตาเธอบ่งบอกทุกอย่าง ร่างสูงถอยกลับไปนั่งบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ในห้อง มองคนที่นอนร้องไห้อยู่บนเตียงอย่างไร้ความหมาย
ไม่นานทุกอย่างก็อยู่ในความสงบ ดวงตากลมโตมองเลื่อนลอยออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ภายในห้องตกอยู่ในความอึดอัดเพราะถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องไม่วางตา
"ห้า สี่ สาม สอง..."
แก่ก
พายุดูนาฬิกาเลือนหรูที่ข้อมือพลางนับเหมือนส่งสัญญาณให้คนที่นอนอยู่รับรู้และมันก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดการณ์ คู่สามีภรรยาสูงวัยเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับส่งสายตาแปลกใจมาที่เขาอย่างเปิดเผย ร่างสูงลุกขึ้นยืนและก้มหัวให้เล็กน้อยพร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรอย่างที่เคยทำต่อหน้าคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอพ่อแม่ของเธอเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาจะให้ดนัยมาเยี่ยมแทน
"สวัสดีครับ ผมพายุ เจ้านายของแก้มใสครับ"
"น้าจำได้ค่ะ ถึงคุณจะไม่เคยเจอน้าก็เถอะ น้าเห็นคุณผ่านโซเชียลบ่อยๆ ลูกสาวน้าก็พูดถึงคุณอยู่บ่อยค่ะ แต่ที่น้าแปลกใจไม่คิดว่าคุณพายุจะมาเยี่ยมลูกสาวน้าด้วยตัวเอง จริงๆแค่ช่วยเหลือครอบครัวเราน้าก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วค่ะ" แม่ของแก้มใสพูดด้วยรอยยิ้มและเห็นท่าทางนอบน้อมของชายหนุ่มถึงกับถูกใจเพราะดูไม่ถือเนื้อถือตัว
"ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณพายุยังไงที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อกี้ไปเซ็นเอกสารการรักษาของแก้มใสมาเห็นค่ารักษาเป็นแสนเลย บุญคุณนี้ไม่รู้จะชดใช้ยังไง ถึงพวกเราจะไม่ได้อยู่ในฐานะครอบครัวที่ลำบากแต่เงินแสนก็ถือว่าไม่ใช่น้อยๆเลย" พ่อของแก้มใสพูดเยินยอชายหนุ่มต่อจากภรรยา
ฉันมองการกระทำและคำพูดที่เสแสร้งของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนริมฝีปากบางคงยิ้มจนหุบไม่ลงที่เจ้านายในดวงใจมาเยี่ยมถึงที่ แต่ตอนนี้มันมีแต่ความเกลียดชัง สิ่งที่เขาแสดงออกมาเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น
"ไม่ต้องขอบคุณผมเลยครับ เพราะแก้มใสเป็นพนักงานของผม ยังไงผมต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยดี" พายุพูดเน้นประโยคหลังพลางส่งสายตาไปที่หญิงสาวร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง
"ตายจริง ทำไมเลือดไหลเต็มผ้าพันแผลขนาดนั้นละลูก" แม่ของแก้มใสร้องด้วยความตกใจเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นข้อมือของลูกเต็มไปด้วยเลือด
"หมามันบีบจ้ะแม่" ฉันพูดอ้อมแอ้มออกมาเบาๆ
"เลอะเทอะใหญ่แล้วเรา หมาเหมออะไร เจ็บน่าดูเลยเลือดไหลขนาดนี้ ตายจริง"
"คงเป็นเพราะเมื่อกี้แก้มใสไม่ยอมให้ผมช่วยพยุงลุกขึ้นเลยใช้แขนดันตัวเองเลยทำให้เลือดซึมออกมา เดี๋ยวผมจะแจ้งพยาบาลให้เขามาทำแผลให้นะครับ หลับไปสามวันระบบประสาทคงมาไม่เต็มร้อยสักเท่าไหร่" พายุกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำตอบจากปากคนตัวเล็ก
"เรานี่นะอยากทำอะไรด้วยตัวเองตลอดเลย" พ่อของแก้มใสพูดพลางส่ายหัวเบาๆ แต่เป็นคำบ่นที่เป็นห่วงลูกสาว
"งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" พายุก้มหัวให้พ่อแม่ของแก้มใสเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปที่เธออีกครั้ง "ถ้ายังไม่หายดีก็พักผ่อนนะแก้มใส แต่ถ้าเธอยืนยันจะกลับมาทำงานในอีกสองวันข้างหน้าฉันก็ห้ามเธอไม่ได้ ฉันเป็นห่วงสุขภาพพนักงานทุกคน"
"เหอะ...ฉันไหวค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันซาบซึ้งฝังลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจเลยค่ะ" ฉันหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ พร้อมกับพูดแดกดันเขากลับทันที ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่ใบหน้าคมคายจนร่างสูงนั้นก้าวขาออกประตูไป มือบางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
"สองวันร่างกายจะหายทันเหรอลูก"
"ยังไงก็ต้องหายจ้ะแม่" ฉันเลือกที่จะไม่สบตาผู้เป็นพ่อและแม่ มันไม่มีทางหายทันอย่างที่แม่ฉันเข้าใจ แต่เพราะถูกบีบบังคับจากคนใจร้ายทำให้ฉันต้องทำแบบนี้ หวังแค่สักวันเขาจะเจ็บปวดกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า