ตอนที่ 13 : เจ็บปวดทั้งกายและใจ
พรึบ
เสื้อสูทสีดำถูกคลุมทับร่างบางจนปกปิดร่างกายเปลือยเปล่า กระโปรงตัวจิ๋วถูกดึงลงกลับมาในสภาพเดิม มือหนาจัดการหยิบบุหรี่ราคาแพงออกมาสูบพลางมองคนตรงหน้าที่ยังถูกเชือกรั้งไว้ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ริมฝีปากหนาพ่นควันขาวคลุ้งใส่หญิงสาวที่ไร้สติไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลยสักนิด ปรายตามองถุงยางราคาแพงที่ตกอยู่ที่พื้นยังมีเลือดสีแดงสดที่พึ่งพรากความบริสุทธิ์จากเธอมาด้วยแววตาว่างเปล่า
"เข้ามา..." น้ำเสียงเข้มตะโกนเสียงดังลั่นท่ามกลางความเงียบงัน ไม่นานบรรดาลูกน้องที่เขาสั่งให้ออกไปรอด้านนอกก็มายืนเรียงแถวพร้อมรอรับคำสั่ง
"จัดการกับเธอเหมือนคนก่อนๆเลยไหมครับ" ดนัยเดินเข้ามาถามเจ้านายหนุ่มอย่างเช่นทุกครั้ง เพราะดูจากสภาพของหญิงสาวคงไม่พ้นคืนนี้
"ไปโรงพยาบาล"
"ครับ?" ดนัยถึงกับแปลกใจเมื่อได้รับคำสั่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่แล้วก็ต้องหลบสายตาคมกริบคู่นั้นและก้มหัวให้เพื่อทำตามคำสั่งเพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยคำสั่งของเจ้านาย
สายตาคมกริบปรายตามองลูกน้องคนสนิทอย่างไม่สบอารมณ์
"มึงน่าจะรู้ว่าบรรดาเพื่อนของเธอจุ้นจ้านขนาดไหน ถ้ากูทำให้เธอหายไปพวกมันคงแตกตื่นกันน่าดู อีกอย่างกูยังสนุกกับการทรมานแบบนี้อยู่ไม่น้อย ให้กูเล่นสนุกสักพัก"
"ครับคุณพายุ แล้วแม่บ้านคนนั้นคุณพายุจะทำอย่างไงต่อไปครับ ตอนนี้คนของเรากีดเอากระสุนออกให้เธอแล้ว"
"ทรมานมันจนกว่าจะเชื่องค่อยให้มันกลับไปทำหน้าที่ตัวเอง ให้มันเชื่อฟังคำสั่งกูและไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากพูดเรื่องกูกับใคร เอาลูกมันเป็นตัวล่อและยัดเยียดส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้เด็กคนนั้นจนกว่าจะเรียนจบให้มันไม่มีทางดิ้นหนีไปได้"
ดนัยก้มหัวให้เจ้านายหนุ่มก่อนจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่เหลือช่วยกันแกะเชือกและพาหญิงสาวไปโรงพยาบาลตามที่เจ้านายสั่ง
ทุกการกระทำของลูกน้องอยู่ในสายตาของพายุทั้งหมด สายตาที่ไร้ซึ่งความหมาย ไม่มีแม้แต่ความสงสารเมื่อได้เห็นร่างไร้สติถูกอุ้มผ่านหน้าไป ริมฝีปากหนายังคงพ่นควันขาวคลุ้งจากบุหรี่ราคาแพงไม่หยุด
------------------------------------------------
@โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ หญิงสาวร่างบางนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้สติ เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ ใบหน้าหวานซีดเผือด ยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อพยุงไม่ให้ร่างกายใช้งานหนักเกินไป เพราะร่างกายของเธอค่อนข้างสาหัส
"ลูกเราจะฟื้นใช่ไหมครับคุณหมอ" เสียงของผู้เป็นพ่อถามหมอที่เข้ามาตรวจดูอาการของลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ทุกอย่างโดยรวมเข้าสู่สภาวะปกติแล้วครับ พอคนไข้ฟื้นก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจได้ครับ อาการโดยรวมตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าวันแรก"
"แต่นี่ลูกฉันหลับมาสามวันเต็มๆแล้วนะคะ ทำไมยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นสักที ฮึก" แม่ของแก้มใสพูดพร้อมกับสะอื้นไห้ ก่อนหน้านี้เธอกับสามีพยายามตามหาลูกสาวทั่วทุกแห่งที่คาดว่าลูกสาวจะไป จนไปเจอรถของแก้มใสในที่เกิดเหตุ หัวใจของพ่อกับแม่สลายเมื่อเห็นสภาพรถของลูกสาวจนล้มทั้งยืนไปตามๆกัน ดีที่คนที่อยู่แถวนั้นช่วยกันปฐมพยาบาล และข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่าแก้มใสหายไปไหน เพราะเจอแต่รถไม่เจอคนขับ เธอและสามีต้องพากันไปแจ้งความด้วยสภาพไม่สู้ดี ไม่รู้ว่าลูกเป็นตายร้ายดีหรือหายไปไหน ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถัดมาได้รับสายจากตำรวจว่าลูกสาวของเธอเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ โดยมีคนที่ไปเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าช่วยไว้และนำส่งโรงพยาบาล พอได้ยินข่าวแบบนั้นเธอกับสามีก็รีบมาตามที่ตำรวจบอกและก็ได้เจอลูกสาวที่อยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว อีกทั้งยังใช้เครื่องช่วยหายใจ
"แก้มใส" พ่อของแก้มใสเรียกชื่อลูกสาว
สายตาของทุกคนมองปฏิกิริยาของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงเมื่อเห็นนิ้วเรียวยาวเริ่มขยับก็ทำเอาทั้งพ่อและแม่รีบพุ่งตัวเข้าไปหาลูกสาว
"อื้อ..."
"แก้มใสลูก ได้ยินแม่ไหน ฮืออ.."
"ได้ยินหมอไหมครับคุณแก้มใส" นายแพทย์วัยกลางคนรีบเข้าเช็คอาการคนป่วยทันที
"อื้อ..."
"ค่อยๆลืมตานะครับ ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณแก้มใสกำลังยืนอยู่ข้างเตียง"
แค่เพียงรู้สึกตัวความเจ็บปวดก็เข้ามาทักทายทันที ฉันอยากจะลืมตาขึ้นแต่มันกลับหนักเหลือเกิน แค่เพียงได้ยินเสียงของพ่อกับแม่พานทำให้น้ำตาไหล คิดว่าตัวเองจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาเจอหน้าพ่อกับแม่แล้วด้วยซ้ำ
"ค่อยๆลืมตานะครับ ค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง"
"แก้มใสลูก...ฮรืออ"
"เจ็บไหมลูก พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้"
น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆเปิดออกอย่างยากลำบาก แสงสว่างรอดเข้ามาผ่านนัยส์ตาจนทำให้ฉันต้องปิดเปลือกตาอีกครั้ง และพยายามเปิดตาออก นานกว่าหลายนาทีกว่าที่ฉันจะปรับภาพตรงหน้าได้ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆห้องโทนสีขาว ได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ยืนอยู่ไม่ห่าง ข้างๆกันเต็มไปด้วยเครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดร่างกายต่างๆเต็มไปหมด ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยต้องเข้าโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยเครื่องช่วยเหลือเยอะขนาดนี้ ไม่แปลกที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะใจสลาย
ฉันได้แต่มองหน้าของทุกคนแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะยังใช้ที่ครอบปากช่วยหายใจ สมองยังจำได้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น จำได้ทุกคำพูดของเขา ยกเว้นแค่ช่วงที่มาอยู่ที่นี่ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าคมคายและรอยยิ้มดั่งอสูรร้ายของเขา
"หมอจะลองถอดเครื่องช่วยหายใจออกนะครับ ถ้าเกิดว่าเหนื่อยเกินไปให้บอกหมอนะ อย่าฝืนตัวเองเพราะร่างกายของคุณแก้มใสยังไม่เต็มร้อย" นายแพทย์วัยกลางคนค่อยๆดึงที่ครอบปากออกอย่างเบามือและสังเกตอาการของคนไข้
"พ่อจ๋า...แม่จ๋า" เมื่อได้รับอิสระสิ่งที่ฉันอยากเรียกมากที่สุดก็คือสองคนที่ฉันรักจนสุดหัวใจ
"ฮืออ...ฮรือ..." ทั้งพ่อและแม่ของแก้มใสต่างโผลกอดลูกสาวพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา ทั้งเป็นห่วงทั้งดีใจที่ได้เห็นลูกสาวฟื้นขึ้นมาราวกับปฏิหาร
"หมดเคราะห์หมดโศกนะลูก แม่กับพ่อจะขาดใจตายอยู่แล้ว"
"ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูกพ่อ"
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...เสียงสะอื้นไห้สงบลง ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ มีเพียงร่างกายของฉันที่ไม่รู้จะกลับไปเป็นปกติได้อีกเมื่อไหร่ โดยเฉพาะความเจ็บปวดกลางหว่างขา ดวงตากลมโตมองข้อมือที่ถูกพันแผลไว้ทั้งสองข้างทำให้นึกถึงเชือกเส้นใหญ่ที่ค่อยรั้งไว้ ความเจ็บปวดจี๊ดเข้ามาในสมองเมื่อนึกถึงเรื่องราวอันเลวร้ายนั้น และพึ่งรู้จากปากพ่อกับแม่ว่าตัวเองหลับไปถึงสามวันสามคืน
"เท่าที่หมอเช็คอาการเบื้องต้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะครับ ที่หลงเหลือก็จะเป็นรอยฟกช้ำดำเขียวที่ต้องใช้เวลากว่าจะหาย ส่วนแรงกระทบกระเทือนภายในไม่มีจุดไหนที่เป็นอันตรายครับ พักฟื้นสักสามสี่วันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว" นายแพทย์วัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเหรอคะ ภายในไม่มีจุดไหนอันตรายเลยงั้นเหรอ" ฉันจ้องไปที่หน้าหมอคนนั้น รู้ดีว่าคำพูดพวกนั้นคงถูกคำสั่งจากใครบางคนมา ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ภายในตัวฉันจะปกติ ขนาดแค่จะขยับขยังไม่สามารถขยับได้เพราะความเจ็บแสบตรงนั้นยังระบมไม่แน่อาจจะฉีกขาดไปแล้วด้วยซ้ำ
นายแพทย์วัยกลางคนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาของแก้มใสจ้องมาตาเขม็งเหมือนกับรู้บางอย่าง
"งั้นหมอขอตัวนะครับ แล้วจะมีพยาบาลนำอาหารและยามาให้ คุณพายุสั่งให้ทางเรารักษาคุณแก้มใสให้เป็นอย่างดีเทียบเท่ากับคนไข้วีไอพีของโรงพยาบาล ถ้าเกิดมีอาการผิดปกติตรงไหนกดปุ่มเรียกทีมแพทย์ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พวกเราพร้อมสแตนบายสำหรับคนไข้วีไอพีทุกเมื่อ ส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างคุณพายุจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ" นายแพทย์ก้มหัวให้และรีบเดินออกไปอย่างลนลาน
"มีอะไรหรือเปล่าลูก หรือเจ็บปวดข้างในตรงไหนไหม" แม่ของแก้มใสถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าลูกไม่สู้ดีและคำพูดดูแปลกๆตอนพูดกับหมอ
"แก้มแค่รู้สึกปวดระบมข้างในเฉยๆจ้ะ แต่คงเป็นเพราะแรงกระแทกตอนรถชนกับต้นไม้" ฉันเลือกที่จะไม่พูดความจริงไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องทุกข์ใจไปมากกว่านี้ อีกอย่างคำขู่ของเขาฉันยังจำได้ดี ไม่ใช่เพราะตัวฉันเองแต่เป็นเพราะอีกคนที่รอความเป็นความตายอยู่ หวังแค่ว่าเขาจะทำตามในคำขู่นั้น ฉันจะยอมทำตามคำสั่งของเขาเพื่อให้อีกหนึ่งชีวิตได้มีโอกาสหายใจ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาไม่ทำตามคำพูดตัวเอง ฉันจะเป็นคนป่าวประกาศสันดานอันเลวร้ายที่ซ่อนอยู่ด้วยตัวฉันเองถึงแม้จะตายก็ตาม อย่างน้อยทุกคนจะได้รู้ว่าด้านมืดของเขาเลวทรามแค่ไหน
"คุณพายุเจ้านายแก้มนี่ดีมากเลยนะ ในระหว่างที่แก้มยังไม่ฟื้นก็ส่งเลขามาคอยถามอาการตลอด และยังซื้อกับข้าวมาไว้ให้พ่อกับแม่ทุกวัน ค่ารักษาก็ออกให้หมด และยังให้แก้มหยุดโดยไม่จำกัดวันจนกว่าแก้มจะหายด้วย หายากนะลูกเจ้านายแบบนี้"
"หายากจริงๆจ้ะ เจ้านายแบบนี้ นิสัยแบบนี้หาที่ไหนก็คงไม่มีใครเหมือน" ฉันกัดฟันพูดในสิ่งที่แม่เอ่ยออกมา มือบางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธและเกลียด หน้ากากที่แสนดีต่างทำให้หลายคนเยินยอแม้แต่พ่อกับแม่ของฉัน แต่สำหรับฉันเห็นแต่หน้ากากอสูรร้าย ไม่มีทางที่จะมองเขาเป็นคนดีอีกต่อไป