“เจ้าหาด้านในนี้แล้วหรือยัง” เซี่ยอันหรานชี้ไปในพงหญ้าอย่างร้อนรน จนบ่าวไพร่ที่มาช่วยกันค้นหาของสำคัญนึกใจเสียไปด้วย คงจะมีเพียงสาวใช้คนสนิทอย่างจือจือ ที่มีสีหน้ารำคาญหนักหนา
“บ่าวหาแล้วเจ้าค่ะฮูหยินน้อย ไม่พบกำไลข้อเท้าของคุณหนูเลยเจ้าค่ะ”
“เจ้าแน่ใจหรือจือจือ ลองแหวกหญ้าหาอีกทีเถิด เจ้าก็รู้ว่ากำไลข้อเท้าอันนั่น พ่อสามีข้าเป็นคนให้ไว้ก่อนสิ้นลม อย่างไรก็ทำหายมิได้”
“เจ้าค่ะ” เอ่ยตอบรับเสียห้วน แล้วจือจือก็มุดเข้าไปดูในพงหญ้าอีกรอบ แต่ในใจนึกบ่นอุบอย่างเบื่อหน่าย
“หึ หากข้าเก็บเงินได้มากพอ ข้าจะหนีไปเมืองอื่นเสีย”
“จือจือ เจ้าว่าอันใดนะ”
“มิได้ว่าอันใดเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวเพียงบ่นเจ้ามดที่มันกัดบ่าว แหะๆ” ร่างมอมแมม หัวเราะกลบเกลื่อน
“อ่อ เช่นนั้นหรือ แล้วทางนั้นพบหรือไม่ ลูกข้ามักมาวิ่งเล่นที่นี่” อันหรานหันไปสั่งการบ่าวไพร่คนอื่นๆ
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นกลางสวน ทำให้ฮูหยินเฒ่าฉินเยว่เผิง กับฮูหยินใหญ่เจียจางลี่ ต้องจูงมือเด็กน้อยมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“อันเอ๋อร์ นี่เจ้าให้บ่าวไพร่ทำสิ่งใดอยู่หรือ”
“คำนับท่านย่า คำนับท่านแม่ หลิงหลิงก็มาด้วยหรือ” อันหรานทักทายย่าและแม่ของสามี ก่อนจะหันไปยิ้มให้บุตรสาวตัวน้อยที่เคี้ยวขนมเต็มปาก ราวกับกระรอกน้อย
“อืม แล้วนี่มีเรื่องอันใดกัน”
“กำไลข้อเท้าของหลิงหลิงหายไปเจ้าค่ะท่านแม่”
“…”
“เมื่อเช้า ข้าจะนำเครื่องประดับออกมาเช็ดทำความสะอาด แต่พอลองนับของในหีบดูแล้ว กลับไม่พบกำไลข้อเท้าที่ท่านพ่อให้หลิงหลิงไว้ก่อนสิ้นใจ”
“กำไลที่ท่านพี่ให้ไว้หรือ ทำหายได้อย่างไร! เจ้ามันมิได้เรื่อง” ฮูหยินใหญ่ว่าเสียงแข็ง กำไลวงนั้นมีคุณค่าทางจิตใจ และยังเป็นของล้ำค่า ที่ขายได้หลายตำลึงทอง
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านแม่”
“ลี่เอ๋อร์อย่าพึ่งใจร้อน ตอนนี้ช่วยกันหาก่อน…เจ้าไปตามบ่าวไพร่เรือนหลังมาช่วยกันหา เน้นบริเวณที่หลิงหลิงของเราชอบไปเล่น” ฮูหยินเฒ่าเตือนลูกสะใภ้ ก่อนจะหันไปสั่งการบ่าวคนสนิท
บ่าวในเรือนสกุลหลิวจึงมารวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้าง เพื่อค้นหากำไลล้ำค่าของคุณหนูน้อย ต่างคนก็ต่างเร่งรีบหา ทุกซอกทุกมุม แม้แต่ในพื้นหญ้าพวกบ่าวไพร่ก็ตรวจสอบทุกต้น ไม่เว้นแม้แต่ต้นเดียว
ทว่า…
“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ ในเรือนของฮูหยินน้อย พวกเราก็ช่วยกันหาแล้ว ลานกว้างนี้ก็เช่นกันเจ้าค่ะ” ได้ฟังจือจือว่า อันหรานถึงกับหน้าเสีย
“เช่นนั้นมันจะหายไปที่ใดได้”
“ฮูหยินเจ้าคะ เช่นนั้นลองค้นเรือนบ่าวไพร่ดีหรือไม่” คนสนิทของฮูหยินเฒ่าเสนอ นางเป็นบ่าวมาทั้งชีวิต ย่อมรู้อะไรเป็นอะไร
ของมันอยู่ของมันดีๆ หากไม่มีผู้ใดหยิบไป มันจะหายไปที่อื่นได้อย่างไร
จะว่าเป็นเจ้านายที่หยิบฉวยไปก็ไม่น่าเป็นไปไม่ได้ เรื่องเช่นนี้ต้องพุ่งเป้าไปที่บ่าวไพร่อยู่แล้ว
“อืม ก็ลองค้นหากันดู”
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากผู้อาวุโสของเรือน บ่าวไพร่ก็สลับกันค้นตัว และตรวจสอบที่หลับที่นอนของกันและกัน ส่วนนายของเรือนก็นั่งรอฟังข่าว อยู่ที่ศาลากลางสระน้ำ
“เจ้าอย่าพึ่งวิตกไปเลยอันเอ๋อร์ ประเดี๋ยวก็หาเจอ แต่หากหาไม่พบจริงๆ ก็มิเป็นไร สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ของนอกกายเท่านั้น”
“ท่านแม่อย่าเอ่ยให้ท้ายนางนักเลยเจ้าค่ะ มือห่างเท้าห่าง! เพราะเช่นนี้ข้าจึงไม่อยากได้สะใภ้จากสกุลพ่อค้า วันวันมุ่งแต่คิดเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่สนใจสอนสั่งเรื่องในเรือนหลัง” เห็นสะใภ้เอ่ยบ่น ฮูหยินเฒ่าถึงกับส่ายหัว
ตอนนั้น…หลังจากที่รับรู้ว่าหลานชาย ได้ล่วงเกินเซี่ยอันหราน บุตรสาวของสกุลเศรษฐี หญิงชราก็รีบจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องตามม่านประเพณี
แม้จะไม่พอใจ เรื่องที่อันหรานล่อลวงอาเฟิง แต่เมื่อแต่งเข้ามา หลานสะใภ้ก็ปฏิบัติตัวดีกับทุกคนในเรือน ทั้งยังรักและเทิดทูนหลานชายของนางยิ่งกว่าผู้ใด ฮูหยินเฒ่าจึงมิรังเกียจรังงอน ดีใจเสียด้วยซ้ำที่หลานชายได้คู่ชีวิตที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุข
จะมีก็แต่ฮูหยินใหญ่ของเรือนที่ชอบเอ่ยกระทบกระทั่งลูกสะใภ้ ทว่าก็ไม่ได้มีเรื่องร้ายแรง เพราะฮูหยินใหญ่เป็นคนปากร้าย แต่จิตใจดี
พูดเหมือนชิงชัง แต่ก็คอยเตือนคอยสอน และไม่ยอมให้บุตรชายแต่งสตรีอื่นเข้ามาเป็นภรรยาสอง ภรรยาสาม เพราะบิดาของอี้เฟิงเองก็มีฮูหยินเพียงคนเดียวเช่นกัน
“ข้าขออภัยเจ้าค่ะท่านแม่” เซี่ยอันหรานก้มหน้าสำนึกผิด พลันเหลือบไปเห็นลูกสาวที่มองมาทางนาง จึงส่งยิ้มไปให้
แต่เด็กน้อยกลับเบือนหน้าหนีเสียอย่างนั้น ทำเอาใจผู้เป็นมารดาเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันใด
ฮื้อ~ ขนาดลูกยังเบือนหน้าหนีเลย
“เจอแล้วขอรับ เจอแล้ว!” เสียงของบ่าวชายดังขึ้น เหล่านายของเรือนก็พากันยิ้มออก โดยเฉพาะอันหรานที่ทำสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“อยู่ที่ใด เอามาใส่ให้คุณหนูเร็วเข้า”
“นี่ขอรับ เอ่อ เจออยู่ที่ใต้เตียงของจือจือขอรับ” เพียงได้ยิน เหล่าฮูหยินก็ชะงัก หันไปมองจือจือที่นั่งอยู่ด้านล่างของศาลา จนหญิงสาวรีบร้อนแก้ต่าง
“เจ้าพูดอันใดของเจ้า กำไลของคุณหนูจะไปอยู่ที่เตียงข้าได้อย่างไร ไม่จริงนะเจ้าคะฮูหยิน พวกมันต้องใส่ความบ่าวเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“นั่นสิ เจ้าเข้าใจผิดหรือไม่” เซี่ยอันหรานรีบถามย้ำ
“มิได้เข้าใจผิดขอรับ บ่าวที่ไปค้นเตียงนอนของจือจือ ล้วนเป็นพยานได้ขอรับ”
“จือจือ…เจ้าเป็นคนอย่างนั้นหรือ ข้าเลี้ยงดูเจ้าไม่ดีหรืออย่างไร” เซี่ยอันหรานเริ่มตัดพ้อ ทั้งที่นั่นใจนึกยิ้มเยาะ เพราะเรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นไปตามแผนการที่นางได้วางไว้
เช้าของวันนี้ เซี่ยอันหรานแสร้งทำว่ากำไลข้อเท้าของบุตรสาวหายไป เลยขอแรงบ่าวไพร่มาช่วยกันหา
ระหว่างที่ทุกคนกำลังค้นหากำไลอยู่ในเรือนของนาง อันหรานใช้ช่วงเวลานั้นแอบเอา กำไลไปไว้ใต้เตียงของจือจือ
“บ่าวมิได้ทำนะเจ้าคะ ต้องมีคนคิดใส่ร้ายบ่าวเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“หากไม่ทำ แล้วกำไลของหลานข้าจะไปอยู่ที่เตียงเจ้าได้อย่างไร! เซี่ยอันหราน เจ้าดูแลคนของตนเองอย่างไร ให้นางกล้าขโมยของมีค่าเช่นนี้”
“ขะ ขออภัยเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็ไม่คิดว่าจือจือจะทำเช่นนี้” เซี่ยอันหรานยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ หวังให้ขอบตาแดง จะได้สมบทบาทมากกว่านี้
“เฮ้อ แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรต่อ หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่เช่นนี้”
“แล้วทุกครั้งจัดการอย่างไรหรือเจ้าคะ ท่านย่า ท่านแม่” คำถามของอันหราน เป็นพ่อบ้านหานชุนที่เอ่ยปากตอบแทน
“หากเป็นบ่าวของเรือน จะถูกโบย แล้วนำไปขายเป็นทาสต่างแคว้นขอรับ”
“ไม่เอานะเจ้าคะฮูหยินน้อย บ่าวมิได้ทำสิ่งใดผิดนะเจ้าคะ ฮูหยินจะสั่งลงโทษบ่าวมิได้!”
“เงียบปาก! มีหลักฐานชี้ชัดถึงเพียงนี้ เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ ข้าเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีแท้ๆ เหตุใดจึงตอบแทนข้าเช่นนี้” ว่าแล้วอันหรานก็ส่ายหัว พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่พยายามเค้นออกมาแทบตาย
แต่ภาพตรงหน้า กลับทำให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจฮูหยินของท่านราชครูเป็นอย่างมาก เพราะฮูหยินไว้ใจจือจือเป็นที่สุด แต่นางกลับทรยศผู้เป็นนายได้ลงคอ
“…”
“พ่อบ้านหานจัดการตามกฎของเรือนเถิด ข้าแต่งเข้าเรือนสกุลหลิวแล้ว อย่างไรก็ต้องเคารพกฎของที่นี่ ขอเพียงอย่าลงโทษนางต่อหน้าข้าเลย ข้ายังทำใจมิได้”
“เข้าใจแล้วขอรับ” พ่อบ้านหาน สั่งให้บ่าวชายลากจือจือออกไปจากบริเวณนี้
หญิงสาวที่รู้ว่าผู้เป็นนายมิยอมช่วย จึงพยายามดิ้นหนีด้วยตนเอง ทั้งยังก่นด่าเซี่ยอันหรานด้วยถ้อยคำเสียหาย จนฮูหยินเฒ่าต้องรีบเอามือปิดหูหลานสาวเอาไว้
เซี่ยอันหรานเองก็อยากเข้าไปตบปากอดีตคนสนิทสักฉาด แต่ก็ทำมิได้ เพราะต้องสวมบทบาทผู้ถูกกระทำ
ภาพความวุ่นวายเหล่านั้น ตกอยู่ในสายตาของท่านราชครูหนุ่มที่พึ่งกลับมาจากวังพอดิบพอดี เจ้าตัวจึงรีบเข้ามาถามผู้เป็นมารดาและย่าให้รู้ความ
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ”
“จือจือ บ่าวของอันเอ๋อร์แอบขโมยกำไลข้อเท้าของหลิงหลิงไป” ฮูหยินเฒ่าว่า พลางประคองหลานสาวที่จะลุกเดินไปหาบิดา
ความสัมพันธ์พ่อลูก ดูเหมือนจะดีกว่าผู้เป็นแม่ คงเพราะอี้เฟิงมักจะแวะมาหาบุตรสาวทุกครั้งหลังเสร็จงาน เห็นดังนั้นเซี่ยอันหรานก็นึกใจอ่อน ความหวังที่จะให้บุตรกลับไปอยู่กับนางที่เรือนสกุลเซี่ย ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก
“หึ ดูแลบ่าวไพร่อย่างไรให้กำเริบถึงเพียงนี้ ต่อไปเรือนหลังสกุลหลิวคงวุ่นวายเพราะเจ้า”
“ขออภัยเจ้าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้ารับความผิด ทั้งที่อยากจะด่ากลับเหลือเกิน แต่ก็ต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น เมื่อมีมือน้อยๆ หยิบยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
“หลิงหลิงให้แม่หรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะ บุตรสาวแม่เป็นเด็กดียิ่ง” อันหรานรับเอาผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปกอดบุตรสาว ทว่าเด็กน้อยกลับวิ่งหนีเข้าไปซุกอกผู้เป็นย่าแทน
“เป็นมารดาที่ดีเหลือเกินนะ ขนาดบุตรยังไม่อยากเข้าใกล้” หลิวอี้เฟิงยิ้มเยาะออกมาอย่างสาแก่ใจ ขนาดเลือดในอกยังไม่อยากชิดเชื้อ ดูเอาเถิดว่ากิริยาของนางเลวทรามถึงเพียงใด
อันที่จริง สตรีผู้นี้ไม่สมควรแทนตนเองว่าแม่เสียด้วยซ้ำ