และแล้วก็มาถึงคอนโดฯ จนได้...
ฉันใช้เวลากว่าสองชั่วโมงครึ่ง เริ่มตั้งแต่การเดินเท้าจากจุดที่พี่คิมปล่อยทิ้งไว้ จนมาถึงปากทางและสามารถไปจนถึงถนนใหญ่จนเห็นการสัญจรไปมาของรถได้
ปกติแล้วฉันเป็นคนขี้งกมาก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ใช้บริการแท็กซี่เป็นอันขาด
แต่อย่างว่าแหละ...วันนี้ฉันเปียกซกไปทั้งตัว หนาวจนแทบทนไม่ไหว หิวข้าวก็หิว การบ้านก็ต้องทำ
ปัจจัยมากมายพวกนี้ทำให้ฉันกล้าที่จะควักเงินร้อยกว่าบาทจ่ายเป็นค่าแท็กซี่เพื่อซื้อเวลาให้กับตัวเอง
เอาจริงๆ ฉันวางแพลนไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าทันทีที่กลับถึงคอนโดฯ จะเริ่มทำอะไรเป็นอย่างแรก แต่...
กริ๊ก
จังหวะเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของตัวเอง สิ่งแรกที่ฉันเห็นกลับไม่ใช่ตุ๊กตา ทีวี หรือข้าวของต่างๆ ที่ถูกวางไว้อย่างไร้ระเบียบตามประสาผู้หญิงขี้เกียจ
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
“ไอ้อาย! ทำไมเพิ่งโผล่หัวมา!”
พี่แอล...เป็นมันเองที่นั่งทำหน้าโหดอยู่บนโซฟาตัวโปรดของฉัน
จากจุดที่ฉันยืนผงะ จนถึงโซฟาตัวนั้นมีระยะห่างประมาณสามเมตร ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าด้วยระยะห่างขนาดนั้นจะทำให้ฉันเห็นประกายไฟในแววตาของมันได้ชัดเจนขนาดนี้
ฉันกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก สองมือซึ่งเดิมเย็นเฉียบจากการตากฝนเป็นระยะเวลานาน ขณะนี้เย็นลงกว่าเดิมจนแทบจะมีหิมะมาเกาะได้อยู่แล้ว
ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อน ซวยฉิบหายจ้า
“เข้าห้องหนูโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ไง นิสัยไม่ดี!” ฉันทำทีเป็นไม่สนใจน้ำเสียงเกรี้ยวกราดกับสายตาคมเฉียบคู่นั้น ทั้งที่ความจริงกลัวโดนตีจนฉี่จะราดอยู่แล้ว
เดิมทีแล้วเราสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก แก้ผ้าต่อหน้ากันได้ จุ๊บกันได้ กอดกันได้ ตบหัวกันได้ กระโดดถีบได้ ด่าหยาบๆ ได้ ปรึกษาเรื่องลับๆ ต่อกันได้
แต่เพราะฉันถูกสั่งสอนให้รู้จักหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นเมื่อเผลอทำเรื่องที่ไม่ควรทำเข้า ถึงจะกลัว แต่ฉันบอกตัวเองอยู่เสมอว่าการถูกตักเตือนหรือโดนลงโทษมันเป็นสิ่งที่ฉันควรจะได้รับ
ถ้าถามว่าฉันผิดอะไร
ความจริงฉันไม่ผิดหรอก พี่คิมต่างหากที่ผิด แต่จะให้บอกไอ้พี่แอลว่าเป็นเพราะใครก็ไม่ได้อีก
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” มันลุกขึ้นจากโซฟาแล้วย่างสามขุมเข้ามาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าในที่สุด ส่วนฉันซึ่งยืนตัวสั่นงันงกอยู่ที่เดิมได้แต่มองมันตาปริบๆ
“แล้วทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้อ่ะ ไหนบอกว่ามีธุระสำคัญไง”
“ไอ้อาย พี่บอกแกว่าอย่าเปลี่ยนเรื่องไง ตอบพี่มาเดี๋ยวนี้...ทำไมกลับค่ำ ทำไมปล่อยให้ตัวเองเปียกขนาดนี้ แล้วทำไมปิดเครื่อง!”
มันพรั่งพรูคำถามออกมายาวยืดเป็นหางว่าว
“หนูไม่ได้ปิดเครื่องนะ แบตฯ หมดต่างหาก!” พูดพลางล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์เพราะอยากให้ไอ้พี่ชายใจร้อนรู้ว่าฉันไม่ได้โกหก
แต่เรื่องที่นอกเหนือไปจากนี้ล่ะก็...ไม่ขอพูดถึงแล้วกันเนอะ
“แล้วทำไมไม่หัดพกพาวเวอร์แบงก์ใส่กระเป๋าไว้วะ” ว่าแล้วก็ส่งมะเหงกให้ฉันหนึ่งที ทำเอาฉันที่สูงเพียงระดับอกมันเท่านั้นถึงกับซวนเซจนเกือบล้ม
ดูสภาพหนูสิ เปียกปอนขนาดนี้ ตัวซีดตัวเซียวขนาดนี้ สั่นระริกขนาดนี้ ไม่น่ารัก ไม่น่าสงสารเหรอ อย่างน้อยก็ให้หนูได้เข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ยังดี
นี่อะไร มาถึงก็ปั้นหน้ายักษ์ทำตัวโหดร้ายทารุณกับน้องสาวตัวน้อยๆ ได้ลงคอ ใจไม้ไส้ระกำจริงๆ เลย…
คอยดูเถอะ หนูจะฟ้องพี่ ‘ลูกพลัม’
ได้ข่าวว่าช่วงนี้กลัวแฟนหนักมากด้วยนี่นา หึๆๆ
“ก็หนูลืมอ่ะ ขนาดร่มที่พี่ซื้อให้หนูยังลืมพกไปมอเลย ถึงได้เปียกอย่างที่เห็นไงเล่า!” ฉันจิ้มเสื้อนักศึกษาเปียกชื้นที่ตัวเองสวมอยู่ ซึ่งจุดที่ฉันจิ้มเป็นจุดที่เห็นลวดลายของซับในอย่างชัดเจน “ไม่หวงหน่อยไง? หนูตากฝนมาขนาดนี้ เสื้อนักศึกษาบางมาก ผู้ชายเห็นนมหนูหมดทั้งตำบลแล้ว!”
“ไอ้อาย นิสัย!” พี่แอลแทบจะต่อยฉันให้หงายได้อยู่แล้ว “ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมาเคลียร์กันต่อ”
ดีเลย...
เมื่อพี่แอลเปิดโอกาสแล้ว ฉันจึงไม่รีรอที่จะพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยระหว่างนี้ไม่ลืมคิดหาคำตอบดีๆ และสมเหตุสมผลพอที่คนอย่างมันจะสามารถปักใจเชื่อเมื่อได้ฟัง
ยังไงดีนะ...
Kim Describe.
ผมทิ้งอายไว้ที่นั่นแล้วขับรถจากมา...
ผมชำเลืองเธอผ่านกระจก เห็นใบหน้าที่น่าสงสารกับดวงตากลมโตมองตามรถจนแทบจะลับสายตาราวกับมีความหวังว่าผมจะกลับไปรับเธอ
แต่...ความคิดที่จะหวนกลับไปไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด
จนหลายนาทีผ่านไป ผมเลือกที่จะจอดรถเทียบฟุตบาตใกล้กับป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง คิดว่าไม่ถึงชั่วโมงอายต้องเดินออกมาจากเส้นทางลึกลับนั้นแน่ๆ ทว่ากลับกินไปเวลาร่วมสองชั่วโมงเลยทีเดียว
เธอเดินตัวสั่นงันงกออกมาจากทางลัดลึกลับที่น้อยคนนักจะรู้จัก สภาพเหมือนลูกสุนัขตกน้ำ ตัวซีดเซียว เสื้อนักศึกษาเปียกชุ่มจนเห็นไปถึงเนื้อใน
ผมเปิดกระจกรถไว้เพียงเล็กน้อยขณะนั่งสูบบุหรี่อยู่ในนี้
สองตามองดูเธอผ่านกระจกติดฟิล์ม แค่มอง...โดยไม่คิดจะยื่นมือไปช่วย
จากตรงนี้ไปตรงนั้นถือว่าค่อนข้างไกล ไม่แปลกที่อายจะมองไม่เห็นผม หรือบางทีเธอแค่อยากรีบกลับจนไม่ได้สนใจว่ากำลังถูกใครสักคนจ้องมองอยู่
นานอยู่เหมือนกันกว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมา จนเมื่อเธอจากไป ผมถึงได้เลี้ยวรถกลับที่พักตัวเองบ้าง แต่จังหวะนั้นหางตาพลันเหลือบเห็นวัตถุชิ้นเล็กตรงเบาะข้างๆ พอดี ความสนใจจึงเทไปที่มันจนเกือบหมด
แฟลชไดร์ฟ
อายน่าจะทำตกไว้ คงมีงานสำคัญอยู่ในนั้น
ผมจะเก็บไว้
...อยากได้ให้มาเอาเอง มาเอาที่บ้านผม
End Describe.