บทนำ
ฉันชอบผู้ชายคนหนึ่ง...
เขาอายุมากกว่าฉัน 3 ปี รูปร่างหน้าตาจัดอยู่ในประเภทสมบูรณ์แบบชนิดหาที่ติไม่ได้ โดยเฉพาะแววตาลึกลับคู่นั้นที่ดำมืดเหมือนถูกปกคลุมด้วยม่านหมอก ซึ่งบางครั้งฉันกลับมองว่ามันเซ็กซี่และแสนจะน่าค้นหา
ชื่อของเขาคือคิม
และ 'พี่คิม' คือสรรพนามที่ฉันใช้เรียกเขา
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มกังวานที่ฟังแล้วอดใจเต้นไม่ได้กระชากฉันออกจากภวังค์ความคิดทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งสิ่งนั้นนำพาฉันกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ความจริงที่ว่าตอนนี้นั้นฉัน ‘กลายเป็นของเขา’ แล้ว
ตอนนี้ฉันอยู่บนเตียงสีดำสนิทภายในห้องหรูหราราคาแพงระยับของเขา และใช่ ใต้ผ้าห่มผืนนี้ เนื้อตัวฉันเปล่าเปลือย ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยสักชิ้น
“ตื่นแล้วค่ะ” ฉันตอบเขาด้วยเนื้อเสียงที่กระท่อนกระแท่นเอามากๆ
ก็...มันทำตัวไม่ถูก
เรามีอะไรกันเมื่อคืนในห้องนี้ บนเตียงนี้ และแทบจะทุกซอกทุกมุมบนร่างกายก็ถูกสัมผัสด้วยพี่คิมคนนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียว โดยด้านบนเปิดโชว์กล้ามเนื้อหนั่นแน่นเรียงตัวสวยกับรอยสักเถื่อนๆ มากมายซึ่งต้องยอมรับเลยว่าเป็นอันตรายต่อหัวใจเอามากๆ
อันตรายทั้งภาพลักษณ์ น้ำเสียง แววตา และทุกๆ การกระทำที่เกิดขึ้น...
สาธยายมาจนถึงตรงนี้ความทรงจำที่ยังคงตกค้างอยู่ก็ผุดวาบเข้ามาในหัวทันทีจนฉันต้องเม้มริมฝีปากแน่น
เมื่อคืนฉันไม่ต่างอะไรไปจากกระต่ายตัวน้อยถูกเสือขย้ำเลย
นัยน์ตาคมกล้าของเสือร้ายอย่างพี่คิมสะท้อนภาพฉันอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่วินาแรกที่ริเริ่ม เข้าสู่นาทีที่หนึ่ง นาทีที่สิบ นาทีที่สามสิบ จนหน่วยเวลากลายเป็นชั่วโมง...
ฉันยังจำลมหายใจร้อนระอุกับสัมผัสดิบเถื่อนของเขาได้เป็นอย่างดี
ไหนจะหยาดเหงื่อที่เกาะพรมบนผิวขาวจัดกับรอยสักมากมายเหล่านั้น
รวมไปถึงโทนเสียงทุ้มต่ำกับการเคลื่อนไหวที่ดุดันและร้อนแรงของเขาด้วย
ไม่ไหว...
ทำไม ‘ไอ้อาย’ ถึงมีสามีฮอตขนาดนี้!
“อืม” พี่คิมพยักหน้าเนือยๆ สองครั้งก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเสยเรือนผมที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำลวกๆ
ภาพตรงหน้าทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก
การละสายตาไปจากเขาถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำได้ยาก
คนอะไร ใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารระดับโลก
ยิ่งตอนเขาเคลื่อนไหวร่างกาย...กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ มันจะปรากฏชัดออกมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง บอกตามตรงเลยว่าเห็นกี่ครั้งก็ลมจับแทบประคองสติตัวเองไม่ไหว
“ละ แล้วพี่คิม...” ฉันอยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบในขณะนี้ แต่เมื่อนัยน์ตาคมกริบเคลื่อนมาทางฉัน ตรึงไว้แค่ฉัน...ไอ้อาการติดอ่างมันก็กลับมาเล่นงานกันอีกแล้ว
“ทำไม อยากได้อะไรว่ามา” พี่คิมเหมือนอ่านความคิดฉันได้
จริงๆ แล้ว...ฉันมีความลับข้อสำคัญที่อยากจะบอกทุกคน และอยากคุยเรื่องนี้กับพี่คิมด้วย
การที่ฉันชอบเขา และเรื่องของเรามันมาบรรจบลงที่ตรงนี้ ถ้าเล่าให้ใครฟังอาจมองว่าฉันคงคอมพลีทและโชคดีมาก แต่ลึกๆ แล้วฉันว่าไม่จริงเลย
ในเมื่อพี่คิมคือศัตรูเบอร์หนึ่งของพี่ชายฉัน
พวกเขาบาดหมางกัน เกลียดกัน แทบฆ่ากันทุกครั้งที่เห็นหน้า
ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้ตัวเองเกินเลยกับเขา...
คือเรื่องมันเริ่มตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ ฉันเลิกเรียนและกำลังยืนรอรถเมล์ตรงป้าย แต่เมื่อวานรถเมล์สายที่ต้องการจะขึ้นไม่ค่อยผ่านมาให้เห็นเลย หรือถ้ามี คนก็เยอะจนไม่สามารถขึ้นไปยืนเบียดเสียดได้
นั่นคือเหตุผลที่ฉันอดทนรอเป็นชั่วโมง
กระทั่งฝนตกลงมา...
นักศึกษาคนอื่นๆ รวมถึงผู้คนรอบกายฉันเริ่มบางตาลงเรื่อยๆ ตอนแรกฉันคิดไม่ตกเลยนะว่าจะทำยังไงดี อยากโทรให้พี่มารับก็เกรงใจเพราะช่วงนี้มันก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะ
จนเวลาผ่านไปราวๆ สิบนาทีเห็นจะได้ พี่คิมที่ขับรถผ่านมาทางนี้พอดีเห็นฉันยืนอย่างน่าสงสารจึงเป็นฝ่ายอาสาว่าจะไปส่ง
พี่คิมเป็นถึงคนที่ฉันชอบเลยนะ การที่เขาผ่านมาแล้วเห็นอกเห็นใจเด็กกะโปโลอย่างไอ้อายคนนี้ บอกตามตรงว่าทั้งดีใจและปลาบปลื้มจนกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่
แต่ช่วงแรกๆ ฉันก็อ้ำอึ้งอยู่เหมือนกัน เหตุผลคือ...ทุกครั้งที่เจอหน้า เราไม่เคยคุยกันยาวเกินสองประโยค
ตั้งแต่ฉันรู้ว่าตัวเองรู้สึกดีกับพี่คิมก็ราวๆ หนึ่งปีเห็นจะได้
ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เจอหน้าทั้งๆ ที่เขาเรียนจบไปเป็นปีแล้ว และการเจอกันของเรามันก็มักจะตามมาด้วยการทักทาย การพูดคุยประสาคนคุ้นหน้าแต่ไม่สนิท
และใช่ อีกเหตุผลสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องที่เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพี่ชาย
ฉันบอกตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าชอบเขามากไปกว่านี้เลย ถอยห่างออกมาแล้วตั้งใจเรียนดีกว่า
แต่ก็นั่นแหละ...ให้คิดน่ะมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยให้ลิงกิน พอลงมือทำจริงๆ ปรากฏว่ามันยากเกินความสามารถกากๆ ของตัวเองยังไงไม่รู้
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ในเมื่อการเลิกชอบเขามันยากนัก ฉันก็ควรคว้าโอกาสทองนี้ไว้ เผื่อเราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ...
รถพี่คิมเกิดเสียขึ้นมากลางคันท่ามกลางสายฝนรุนแรง ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่านะที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับที่พักเขาพอดี พี่คิมจึงขอเวลาเพื่อให้คนเอารถไปอู่ โดยระหว่างนี้ฉันสามารถเข้าไปนั่งเล่นในบ้านเขาก่อนได้...
ฉันเกร็งมาก
รู้สึกเหมือนอะไรมันปุบปับไปหมดจนทำตัวไม่ถูก แต่เพราะฉันเป็นคนไม่อะไรมากเท่าไหร่ ก็เลยคิดว่าจะเอาการบ้านขึ้นมาทำระหว่างรอรถซ่อม
พี่คิมดูหงุดหงิดอยู่เหมือนกันที่รถเสียไม่รู้เวล่ำเวลา ต่อให้เขาไม่พูดออกมาว่าขอโทษ แต่...รับรู้ได้ว่าเขาเองก็รู้สึกผิดที่ทำให้เด็กน้อยน่ารักอย่างฉันต้องมานั่งรอ
เวลาผ่านไปพอสมควร ฉันรู้สึกง่วงมากหลังจากทำการบ้านเสร็จ บวกกับบรรยากาศเย็นฉ่ำน่านอนจึงทำให้ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของเตียงนอนกับกลิ่นเบียร์อ่อนๆ จากพี่คิม...
ฉันขัดขืนอยู่เหมือนกันในช่วงแรก แต่พี่คิมทำให้ฉันอ่อนปวกเปียกได้ในเวลาไม่ถึงสองนาที
และชุดนักศึกษาก็ถูกถอดออกไปจนหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งกางเกงชั้นในสีชมพูของฉัน
เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ...
แม้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมากรีดร้องดีใจ แต่คิดว่าโชคดีแล้วที่ตอนนี้พ่อให้ฉันพักที่คอนโดฯ เก่าของลุง เวลากลับบ้านค่ำหรือไปค้างบ้านเพื่อนท่านจึงไม่รู้
“คือเรื่องไอ้พี่แอล...” เงียบไปพักหนึ่งฉันก็ยอมพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด และใช่ พี่ชายฉันชื่อ ‘แอล’
พี่คิมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เป็นปฏิกิริยาที่แบดบอยอย่างกับเจ้าพ่อในหนังมาเฟีย
ตอนแรกฉันคิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมาให้สบายใจบ้าง แต่แล้วไม่ถึงสองนาทีให้หลังฉันก็ได้เข้าใจคำว่า ‘โลกถล่มลงตรงหน้า’ มันเป็นยังไง
ก็พี่คิมน่ะสิ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นดังที่วางไว้ตรงหัวเตียงก่อนหน้านี้ ทำอะไรอยู่พักหนึ่งถึงโยนมันลงบนตักของฉันที่ถูกผ้าห่มคลุมไว้
ฉันหยิบมันขึ้นมาเพ่งมองให้เห็นชัดๆ ถึงพบว่าสิ่งที่พี่คิมอยากให้ดูคือภาพของฉันในโทรศัพท์เขา
ภาพของฉันซึ่งกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเขาในสภาพโป๊เปลือยไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น
...อะไร?
คอฉันแห้งผาก เกิดคำถามมากมายจนต้องเงยหน้าขึ้นมองพี่คิมที่ไม่รู้ว่าเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบตั้งแต่ตอนไหน
“คิดว่าควรเอาไปบอกไอ้แอลไหม?” แล้วสิ่งที่เขาถาม...มันทำให้ฉันหน้าชายิ่งกว่าถูกตบด้วยฝ่ามือที่มองไม่เห็นนับสิบมือ และแน่นอนอยู่แล้วว่ารูปนั้นไม่ใช่สิ่งที่พี่แอลควรจะเห็น “เป็นเด็กดี...”
พี่คิมดึงโทรศัพท์ไปจากมืออันแข็งทื่อของฉัน
“...” และใช่ ฉันช็อกจนทำอะไรไม่ถูก มันเหมือนว่าเขากำลังจะแบล็กเมล์ฉันเลย
ไม่สิ ไม่ใช่ ‘เหมือน’ ไม่ใช่ ‘จะ’ เพราะตอนนี้ถือว่าเขาได้ลงมือทำไปแล้ว
ทั้งแบล็กเมล์ ทั้งเหยียบขยี้หัวใจ
“แล้วพี่จะไม่เอารูปนี้ไปให้มันดู”
เชื่อไหมว่าหลังจากเรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ฉันเกินเลยกับศัตรูของพี่ชายแถมยังถูกข่มขู่เรื่องภาพโป๊ พี่คิมก็หายไปจากชีวิตฉัน
หายไปอย่างไร้ร่องรอย