บทที่สี่ กระต่ายป่า

1647 Words
อวัชเดินเข้าป่าลึกตัวเปล่าปราศจากอาวุธนอกจากมีดสั้นคู่ใจ ระหว่างทางมีดงไผ่เขาจึงจัดการมันประยุกต์จากไผ่ท่อนใหญ่กลายเป็นธนูหนึ่งคัน ท่อนที่เหลือทำเป็นที่ใส่ลูกธนู เขาใช้เถาวัลย์ร้อยเป็นที่คาดหลัง หยิบเศษไม้ต่าง ๆ จับเหลาจนปลายแหลมคม เมื่ออาวุธครบมือก็พร้อมออกล่า ถึงบริเวณรอบโดยรอบจะมีแต่ต้นไม้ต้นหญ้ารกบังตา แต่ด้วยทักษะสัตว์ป่าหูไวตาไวของเขาสิ่งเหล่านี้ไม่แม้แต่เป็นอุปสรรค จู่ ๆ อวัชก็หยุดฝีเท้า เขาหลับตาลงช้า ๆ เพื่อจับเสียงที่ดังขึ้นหลายเมตร เขาหันไปทางสิบนาฬิกาเมื่อแน่ใจแล้วว่ามีสัตว์ตัวเล็กอยู่แถวนั้น เมื่อเสียงของพวกมันเริ่มใกล้ขึ้นจึงผ่อนฝีเท้าลงค่อยๆ ย้ำให้เสียงใต้ฝ่าเท้าเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เสียงนี้อยู่ตรงหน้าเพียงแค่เอื้อมแขนก็สามารถเห็นตัวพวกมัน ใช้สองมือแหวกพุ่มไม้สอดส่องก็พบกระต่ายป่าสี่ตัวกำลังหลงอยู่ในเวลากลางวัน เขาย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่สัตว์หูยาวขนฟู ปรกติแล้วกระต่ายป่าจะออกหากินตอนกลางคืน แต่เจ้าสี่ตัวนี้กลับทิศหลงทาง บางทีพวกมันอาจจะถึงคราวเคราะห์ เขาถอยมือที่แหวกพุ่มไม้ออก ยืนหลบหลังต้นไม้สูดลมหายใจเข้า เอื้อมมือหยิบลูกศร ดึงคันธนูและปล่อย! กระต่ายป่าผู้โชคร้ายทั้งสี่ตัวพากันล้มนอนพร้อมเพรียงกันเพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้น เขาดึงร่างไร้วิญญาณพวกมันออก ใช้เถาวัลย์ร้อยสัตว์ที่เพิ่งล่าได้และโยนพาดบ่า อวัชพินิจพิจารณาขนาดไซซ์ตัวของพวกมันน่าจะเพียงพอถึงมื้อเย็น มันอาจจะไม่อิ่มมากแต่ก็สร้างกำลังได้พอสมควร โชคดีที่เขาติดลูกมะพร้าวมาด้วยสองลูกซึ่งวางไว้กับพื้นตอนลูบเจ้าตัวเล็ก ****** ตอนนี้พละกำลังและจิตใจของฉันอ่อนแรงลงมาก นั่งห้อยตัวอยู่ข้างบนนี้มาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่ง ร้อนก็ร้อน เมื่อยก็เมื่อย อยากจะเดินยืดเส้นยืดสายก็ทำไม่ได้ เพราะดันมีเสือตัวโตคอยนั่งเฝ้าไม่ละสายตา ถอนหายใจเมื่อนึกถึงคำพูดของอวัช “ไม่ต้องเชื่อเจ้านายแกขนาดนั้นก็ได้! ละสายตาจากฉันบ้างก็ได้!” ก่นบ่นพลางถลึงตาใส่มัน ตัวเล็กร้องในลำคอแหงนหน้ามองธารรัก มันสะบัดหางตบพื้นซ้ายขวาอย่างสบายใจจนขี้ดินฟุ้งกระจายเป็นระยะ “หิวจัง...” บ่นพร้อมกับปล่อยมือจากล้ำต้นหนึ่งข้างลูบท้องวน “...แกก็หิวเหมือนกันใช่ไหม? ออกไปหาอะไรกินสิ ฉันไม่บอกเจ้านายแกหรอก!” ตัวเล็กคำรามอีกครั้งราวกับมันกำลังสื่อสารว่า ‘จะไม่ไปไหนจนกว่าเขาจะบอกให้มันไป’ ตลอดเวลาที่กำลังรออวัชกลับออกมาก็มีไอ้ตัวข้างล่างนี่แหละที่คอยคุยแก้เหงา ถึงแม้จะสะดุ้งทุกครั้งที่มันคำราม แต่มันแปลกดีตรงที่ว่าไม่ว่าฉันจะถามอะไรออกไปมันก็จะตอบกลับมาด้วยเสียงน่ากลัว ๆ ของมันทุกที ณ เวลานี้ฉันแทบทิ้งตัวพิงห้อยแขนห้อยขามีแค่แรงหายใจรออวัช เสียงท้องก็ร้องดังขึ้นและถี่ขึ้น เมื่อก้มมองเสือใหญ่อีกครั้งก็เริ่มเห็นเป็นสัดส่วน สันคอ ซี่โครง สันนอก...เนื้อสะโพกก็น่าจะดี “นี่ตัวเล็ก ตัวเล็กว่าเนื้อเสืออร่อยไหม?” แอบเหล่มองบั้นท้ายมันเล็กน้อย เนื้อตรงนั้นก็ไม่เลว สิ้นคำถามของฉันมันก็ลุกพรวดขึ้น จ้องด้วยแววตาเกรี้ยวกราด เผยอปากโชว์เขี้ยวอันแหลมคม ร้องคำรามเสียงดังกว่าปรกติ เล็บที่ซ่อนไว้ถูกกางออก มันยืนสองขาตะกุยจนเปลือกไม้หลุดเป็นแผ่น ฉันกรีดร้อง จิกลำต้นแน่น ร้องขอชีวิตกับมันทันที “พูดเล่น ฉันพูดเล่น เนื้อแกไม่อร่อยหรอก เนื้อฉันก็ไม่อร่อย หยุดเถอะ หยุ๊ดดดด!” ตัวเล็กแอ่นหลังจ้องธารรักอย่างไม่วางตา มันพ่นลมออกจากจมูกด้วยอารมณ์หงุดหงิดจากนั้นถึงถอนกรงเล็บออกจากต้นไม้ใหญ่และฟุบลงตามเดิม ฉันเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วเสียงบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ใจหวั่นวิตก ฉันนั่งนิ่งพยายามมองหาต้นเสียงว่าคืออะไร ในใจก็คิดว่าน่าจะเป็นอวัช แต่ถ้ามีสัตว์ชนิดอื่นโผล่มาล่ะ? … อวัชนี่เอง! เขากลับมาแล้ว! กลับมาพร้อมกับกระต่ายสี่ตัว เขาส่งสัญญาณบางอย่างให้ตัวเล็ก เมื่อมันรับคำสั่งจึงยืนขึ้นบึดหน้าบึดหลังก่อนก้าวขาอันใหญ่ ๆ ของมันหายลับออกนอกสายตาไป อวัชวางมื้อเที่ยงมื้อเย็นพักไว้บนก้อนหินใต้ต้นไม้ หักไม้เป็นฝืนและนำหินก้อนใหญ่วางเรียงเป็นวงกลมเหมือนเดิม ปอกมะพร้าวนำกะลาต้มน้ำเดือดเทราดร่างกระต่ายป่า เอามีดออกมาเลาะหนังเลาะเนื้อและแล่เป็นชิ้น ๆ ฉันที่นั่งมองเขาชำแหละเนื้อหนังกระต่ายอย่างชำนาญการด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน ย่นจมูกเล็กน้อยเนื่องด้วยกลิ่นเลือดที่เคล้าคลุ้งมันลอยโชยขึ้นมาเตะจมูก อวัชนำเนื้อที่แล่แล้วเสียบไม้และย่าง เขาเงยหน้ามองธารรักพร้อมกับชูเนื้อในไม้ให้เธอ ฉันกวาดสายตามองรอบบริเวณเพื่อสังเกตหาว่าตัวเล็กอยู่แถวนี้หรือไม่ “ไปแล้ว ตัวเล็กไปแล้ว” เขาพูดเหมือนรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไร “ปะไปไหน? ไปจริง ๆ ใช่ไหม?” อวัชพยักหน้า “ไปหาอาหาร” เขาปล่อยมันให้ไปหาล่าสัตว์กินตามสะดวก ฉันชั่งใจสักครู่จากนั้นจึงตัดสินใจที่จะลง… ทว่า… “นาย ฉันลงไม่ได้” ฉันเอ่ยเสียงแผ่ว ยิ้มแห้งหัวเราะกลบเกลื่อน “พาลงหน่อยสิ” อวัชเกาศีรษะแหงนหน้ามองธารรัก แอบเหนื่อยใจเล็กน้อย ถ้าเธอลงไม่ได้ก็ไม่ควรขึ้นไปตั้งแต่แรกสิ เขาปีนป่ายขึ้นไปบนกิ่งอย่างรวดเร็ว เธอเองก็ขยับห่างออกไปให้เหลือพื้นที่นั่ง เมื่อถึงแล้วเขาจึงใช้สองมือกอดเธอชิดติดลำตัวและพาลงมาอย่างปลอดภัย “ขอบใจนะ” ส่งยิ้มหน้าเจื่อนให้เขาอีกครั้ง พลางใช้มือปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและฝ่ามือ ระหว่างนั่งรอเนื้อสุกจึงถามเกี่ยวกับการนำหินมาวางรอบกองไฟ “ทำไมต้องเอาหินมาล้อมรอบทุกครั้งที่ก่อไฟเลยล่ะ?” “ไฟติดเร็ว นาน ไม่ลาม อุ่น” และนี่คือคำอธิบายกระชับและสั้นมาก จากนั้นเขาก็ก้มหน้าก้มตาตั้งใจย่างเนื้อต่อไป… แหมทีกับฉันถามคำตอบคำ ทีกับไอ้เสือตัวนั้นคุยยาวเชียวนะ! ไม่นานเนื้อดิบก็เปลี่ยนสี เขายื่นไม้ที่สุกแล้วให้ธารรัก ส่วนอีกไม้เขาก็ฉีกกินทันทีราวกับว่าความร้อนทำอะไรเขาไม่ได้เลย ฉันมองอวัชกินอย่างเอร็ดอร่อยจึงลองเอาลิ้นแตะดู “โอ้ย! ร้อน!” รีบหดลิ้นกลับเข้าไปให้น้ำลายช่วยดับ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ปลายลิ้นพุพองกินอาหารไม่อร่อยไปอีกหลายวันแน่นอน “กินเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?” นั่งมองเขากินคำแล้วคำเล่า ส่วนฉันยังไม่ได้กัดชิมเนื้อกระต่ายนี่สักคำเดียวเพราะมัวแต่เป่าลมให้ความร้อนระอุคลายออก “น่าสงสารจัง” จ้องมองก้อนเนื้อในมือก่อนจะยกขึ้นดมเล็กน้อยจากนั้นจึงลองชิม คำแรกถูกกัดและบดรสสัมผัสทำให้ดวงตาเบิกกว้างโตร้องอู้อ้าถูกอกถูกใจ “อร่อย!” มันหนิบหนับอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน “ขออีกไม้สิ” ส่งยิ้มให้อวัช มองตาปริบ ๆ มองตามเนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อครู่ อวัชที่กำลังอ้าปากจะเอามันเข้าปากก็หุบลงทันที เขาเหล่มองเธอเล็กน้อยและชะล่าใจนิดหน่อยจากนั้นจึงยื่นไม้ที่กำลังจะเข้าปากเขาอีกนิดให้เธอไปอย่างเสียดายที่ทำให้การกินต่อเนื่องชะงักไป “ไม่คิดเลยว่าจะอร่อยขนาดนี้ แล้วที่เหลือจะเก็บไว้ไหน ฉันเริ่มอิ่มแล้ว” อวัชหยิบเนื้อกระต่ายวางไว้บนใบไม้สดและพับเก็บต่อชิ้น จากนั้นเขาเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าเป้สีดำ รูดซิปเปิดและโยนห่อใบไม้ลงไป “เห้ย! กระเป๋าฉัน!” ฉันนั่งอึ้งกิมกี่อ้าปากหวอมองการกระทำคนตรงหน้า “มันว่าง” เขาบอกตามความเป็นจริง และการเก็บอาหารไว้ในเป้ของเธอนั้นสะดวกที่สุดแล้ว เมื่ออิ่มแล้วจึงยกลูกมะพร้าวส่งให้อวัช เขาปอกและส่งกลับฉันรับมันมายกซดล้างปากล้างคาว ฉันถอนหายใจมองมะพร้าวไร้น้ำไร้เนื้อ มันก็อร่อยดับกระหายได้อยู่หรอกนะ แต่ฉันอยากดื่มน้ำเปล่า “นาย ถ้ามะพร้าวหมดเราจะเอาน้ำที่ไหนดื่ม?” “ลำธาร” เขาตอบแบบไม่ต้องคิด “แถวนี้มีลำธารด้วยเหรอ? อยู่ตรงไหน?” เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลำธาร’ ก็รู้สึกเหมือนถูกน้ำชำระร่างกายสดชื่นคลายร้อนล้างเหนียว ฉันลุกขึ้นยืนแบกเป้พร้อมเดินทางไปหาลำน้ำที่ว่านั่น “ไปกันเถอะ” ดึงแขนอวัชให้เขาลุกขึ้นตาม ก่อนที่อวัชลุกขึ้นตามแรงดึงของธารรัก เขากำเศษดินสาดเข้าใส่กองไฟให้ดับมอด หยิบอาวุธขึ้นหลังและเดินนำพาไปยังลำธาร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD