ช่วงบ่าย
"ได้ข่าวว่าขับรถชนรุ่นน้องเหรอว่ะ ถึงขั้นพิการเลยไหม" พอลเอ่ยทักทายขึ้น เมื่อเห็นใบหน้ามิลตันไม่สบอารมณ์ กำลังเดินก้าวเข้าห้องส่วนตัวเฉพาะพวกเขา
"รู้แล้วมึงจะถามทำไมอีก" ร่างสูงโปร่งทิ้งกายอย่างเหนื่อยหน่าย นอกจากจะพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล เขาเองยังต้องแอบไปฉีดยากันบาดทะยักด้วย
เสื้อช็อปถูกถอดวางพาดบ่ากว้าง เหยียดแขนข้างที่เป็นรอยเขี้ยวโชว์ญาติห่างๆ
"อย่าบอกนะตอนที่มึงขับรถชน ยังโดนหมากัดอีก" คำพูดของพอลยิ่งทำให้เพื่อนอีกคนรุมดูรอยเขี้ยว พบเป็นวงกว้างเกือบลงชั้นใต้ผิวหนัง
"ในมหาลัยเรามีหมาจรด้วยเหรอว่ะ" ชนัตถ์ถาม หลังสนิทกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนรู้นิสัยกันดี
"หมาบ้าอะไรล่ะ คนชัดๆ " แค่นึกถึงใบหน้าสวยเมื่อช่วงก็พาลให้หงุดหงิด แถมยังต้องขับรถมาส่งกลับมหาลัย ไม่ได้ซักถามอะไรต่อเพราะไม่อยากเจอหน้าอีก
"เอ้าเชี้ย! ใครกล้ามาทำมึงว่ะ! ให้กูยกพวกไปตีแมร่งเลยไหม" พอลเตรียมคว้าไม้เมตรข้างลำตัว
"มึงเป็นนักเลงหรือไง ใจเย็นๆ กว่ามันสิว่ะ..แล้วมึงจะเอาไง" ชนัตถ์ถาม
"ช่างแมร่ง! ไม่อยากเก่งกับผู้หญิง"
"ผู้หญิง?"
"ผู้หญิงด้วยเหรอ?" ทั้งชนัตถ์และพอลต่างมองหน้ากัน ในเมื่อเพื่อนชายมีดีกรีความหล่อติดทอประดับเครือมหาลัย ทำสาวๆ ต่างกรี๊ดกร๊าดแต่ไหงถึงโดนทำร้ายได้
"มึงเอางานอาจารย์วิชาคาบเมื่อเช้ามาดูเหอะ แมร่งเสียเวลาเรียนฉิบ" เขาเลือกจะมองข้าม เพราะคงไม่ต้องเจอหน้าอีกฝ่ายต่อไปแล้ว
"เออๆ อยากรู้จังใครแมร่งได้ชิมเลือดมึง คงสยองน่าดู"
"คนนะไม่ใช่แวมไพร์ ว่าแต่เย็นนี้มึงอยู่สอนรุ่นน้องออกแบบโครงสร้างต่อได้ใช่ไหม" ชนัตถ์บอก
"อืม" มิลตันพยักหน้าส่งๆ รับสมุดเลคเชอร์เพื่อนชายมาอ่าน เขาก็มองออกแล้วว่าคำตอบโจทย์ที่อาจารย์สอนต้องเขียนแบบไหน
"จะไปช่วยพ่อมึงหาเสียงเหรอ" พอลพูดก่อกวนอารมณ์ทันที ไม่ได้มองว่าน้ำเสียงของเขามันข้ามหัวคนนั่งอยู่
"ใช่...อย่าลืมบอกพ่อมึงด้วย ให้เลือกป๊ากูเป็นนายกล่ะ" ชนัตถ์รีบตอบทันควัน ให้สมกับความสนิทที่แทบจะกัดกันเลือดสาด โดยลืมว่ามีเพื่อนอีกคนนั่งอยู่ตรงกลาง
"อย่าลืมบอกป๊ากูล่ะ อยากเลือกพ่อมึงอยู่พอดี" คนก้มหน้าอ่านหนังสือพูดขึ้น ก่อนจะเงยมองสบตาเพื่อนชายทั้งสองคน ส่งยิ้มราบเรียบเกินคาดเดาให้
ซู่ซ่าส์~ ซู่ซู่~ ซ่าส์ซ่าส์~
"อดไปเต้นกับคนอื่นเลย มันน่าสาปซะให้เข็ด!" เพลงพิณยังนึกอารมณ์เสียไม่หาย ในขณะที่คนอื่นต่างสนุกร่วมกิจกรรมรอบสุดท้ายของวันนี้
เธอต้องนั่งเพียงลำพัง ทำได้แต่ตบมือร่วมจังหวะ ส่วนผู้เป็นต้นเหตุพอมาส่งถึงมหาลัยได้ ก็ไร้ความรับผิดชอบอีก
"น่าสงสารเพลงจัง แต่โมเน่เต้นเผื่อแล้วนะ ไม่ต้องเศร้าไป" เพื่อนสาวรีบมานั่งลงข้างๆ พอเสร็จพิธีรับน้องทุกคนก็พากันแยกย้าย
"ระหว่างที่ทุกคนเต้น เราสาปคนทำไปหลายรอบแล้วโมเน่ มีอย่างที่ไหน...ขับรถเร็วในมหาลัยได้"
"ในมหาลัยเรามีแต่ลูกคนรวยนะ ไม่แปลกหรอกที่จะมีแต่คนไม่สนใจกฏระเบียบหน่ะ แต่เพลงไม่ต้องคิดมากหรอก"
"เราแทบเดินไม่ได้อีกหลายวันเลยนะโมเน่" เพื่อนสาวที่พึ่งจะรู้จักวันเดียว เอื้อมมาบีบมือให้กำลังใจ จนเธอรู้สึกตื้นตันในมิตรภาพ
"โมเน่จะช่วยสาปให้อีกคน ถ้ารู้ว่าเป็นใครนะ จะแอบไปเจาะยางรถให้แหลกสะบั้น!"
ครืน~ ครืน~
"เพลงพิณแป๊บนึงนะ พี่ชายเราโทรมา" โมเน่รีบคว้าโทรศัพท์มือถือ เดินไปตรงมุมเงียบๆ ให้ได้ยินเสียงปลายสาย
"โมเน่รับน้องเสร็จแล้ว แต่ว่าเพื่อนโมเน่โดนรถเชี่ยวมา จะให้เพื่อนไปด้วยอีกคนได้ไหม" ระหว่างนั้นเธอคอยมองดูเพื่อนสาวตลอด เผื่อจะวานให้ช่วยเรื่องใด
"โมเน่ก็ไม่รู้นะว่าใคร แต่ช่างเถอะ...ทั้งโมเน่กับเพื่อนสาปให้ไม่หยุดแล้ว"
"ค่ะ เดี๋ยวรอที่คณะนะคะ"
"จะลำบากโมเน่ไหม? เรียกแท็กซี่ให้เราได้นะ" เพลงพิณรีบถามตอนเพื่อนสาวเดินกลับมานั่งที่เดิม กลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระคนอื่นให้เดือดร้อน
"พี่เราใจดี แต่รถพี่เราเล็กนะนั่งเบียดๆ กันหน่อย"
"ต่อให้เป็นมอเตอร์ไซค์เก่าๆ เราก็ไม่กล้ารังเกียจน้ำใจเพื่อนหรอก" ใบหน้าสวยปริยิ้มกว้าง เธอเองก็ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้คนที่พึ่งรู้จักกันวันเดียว แม้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงน้ำใจที่มากล้นเหลือ
"ดีจัง โมเน่อยากรู้จักบ้านเพื่อนนะ ไว้เวลาหนีพี่ชายไปนอนด้วยคน"
"มีงี้ด้วย" คำพูดของเพื่อนสาวพาเธอหลุดหัวเราะ แล้วระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความคุยกับบุพการีแทน
..........................................