EP 1/3 หลานสาว

1518 Words
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา พราวฟ้าอยู่ที่คอนโดฯ อย่างอึดอัด ขวัญข้าวไม่ค่อยอยู่บ้าน เธอก็พยายามอยู่เงียบๆ ในห้องตัวเอง บางครั้งที่ออกไปหยิบน้ำในตู้เย็นแล้วได้ยินเสียงเดินลงบันไดของคนข้างบน เธอก็รีบวิ่งเข้าห้อง ลดการเผชิญหน้าให้มากที่สุด เธอรู้สึกได้ว่าอาเหนือไม่ค่อยชอบเธอนัก พอเข้าใจได้แหละ ชีวิตผัวหนุ่มเมียสาวที่มีส่วนเกินอย่างเธอมาอยู่ด้วย ความเป็นส่วนตัวมันก็คงลดลง พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว เธอศึกษาเส้นทางรถเมล์ไปพลางๆ เธอยังไม่เคยขึ้นรถเมล์เลย อยู่บ้านนอกเวลาจะไปตลาดที ก็ขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป แต่ทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้ และถ้าเธอไม่กล้า ก็คงทำไม่เป็น “ต้องไปก่อนเวลาเข้างานสักชั่วโมง เผื่อขึ้นรถผิดคัน เผื่อนั่งเลยป้าย เผื่อรถติดด้วย” บอกตัวเองแล้วเตรียมกระเป๋าไว้ ใส่ของที่จำเป็นลงไป งานพาร์ตไทม์ในร้านไอศกรีมชื่อดังในห้าง คงไม่ทำให้เธอรวย แต่จะทำให้เธอมีเงินเช่าห้องแล้วย้ายออกไปจากที่นี่ เธอสมัครงานไปหลายที่ ส่งใบสมัครแบบออนไลน์ แต่มีแค่ที่นี่ที่ตอบกลับมา “เงินยังเหลืออยู่สามพัน พอค่ารถกับค่าข้าวเที่ยงไปถึงสิ้นเดือนพอดี ถ้าไม่พอ ค่อยขอยืมอาขวัญ” เธอพับกระเป๋าสตางค์ลงกระเป๋าเป้ ก่อนที่เสียงท้องร้องจะบังคับให้ออกจากห้องมา เธอเดินตรงไปที่ครัว มันเป็นครัวแบบฝรั่ง มีเคาน์เตอร์สวยๆ วางเตาไฟฟ้า มีชั้นวางของอยู่เหนือเตา มีโต๊ะเตรียมอาหารตัวใหญ่ที่มีเคาน์เตอร์ยกสูงขึ้นไปราวกับบาร์ในร้านเหล้า และตอนนี้อาเหนือก็ยืนอยู่ข้างมัน มีถ้วยบะหมี่ซองวางอยู่ พวกเธอเผลอสบตากัน ไม่รู้เธอคิดไปเองไหม แต่ตาของอามักมองมาที่หน้าอกเธออยู่เรื่อย เหนือนทีมองหลานสาวนอกไส้ แค่เสื้อยืดธรรมดา ทำไมพราวฟ้าถึงทำให้มันดูโป๊ได้นะ เสื้อยืดมันรัดเข้าไปตามส่วนเว้าส่วนโค้ง หน้าอกที่น่าจะคัพ D มันเลยโดดเด่นเกินหน้าตา “ใส่เสื้อผ้าให้มันดีๆ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว” พราวฟ้าก้มมองตัวเอง นึกเคืองเสียงแข็งๆ ของเขานัก เธอก็ใส่เรียบร้อย เสื้อยืดสีทึบกับกางเกงยีนยาวคลุมเข่า มันโป๊ตรงไหน แต่ไม่เป็นไร ไม่อยากเถียงคนที่อายุมากกว่า เธอกลับไปที่ห้องตัวเอง หยิบเสื้อคลุมมาอีกตัว สวมแบบไม่รูดซิป มันช่วยพรางหน้าอกหน้าใจได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ค่อยสบายตัวเพราะห้องโถงโล่งๆ นี่ยังไม่ได้เปิดแอร์ เหนือนทีมองหลานสาวด้วยหางตา ผมที่หยักเป็นลอนหลวมๆ ช่างต่างจากขวัญข้าวอย่างสิ้นเชิง ผิวที่ขาวจัดของหล่อนก็ด้วย คนเหนือนี่ผิวขาวทุกคนหรือเปล่านะ “หิวเหรอ” “ค่ะ” “ฉันจะกินมาม่า” “มีข้าวนะคะ เมื่อเช้าพราวหุงข้าวไว้ อา...กินไหม” “ฉันทำกับข้าวไม่เป็น” “พราวทำได้ค่ะ ถ้าง่ายๆ นะ” เขาพยักพเยิดใส่เตาไฟฟ้า เธอเดินเข้าไป พยายามนึกให้ออกว่าเมื่อวานกดปุ่มไหน อาขวัญสอนแล้วแต่เธอยังจำไม่ค่อยได้ “กดตรงนี้ มันจะไม่ร้อนจนกว่าจะวางหม้อ” เหนือนทีขยับเข้าไป ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีน้ำใจ แต่ถ้าเขาไม่บอก วันนี้อาจจะไม่ได้กินข้าว พราวฟ้ามองนิ้วเรียวยาวที่กำลังสอนเธอกดเตา ไม่แน่ใจนักว่าเธอจะจำได้ เพราะตอนที่เขาเอื้อมมือมา แผงอกอุ่นๆ ของเขาก็คล้ายว่ามาอังที่หลังของเธอ เธอรู้สึกได้ถึงไออุ่น รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำ มันชวนให้อึดอัดแปลกๆ รู้สึกถึงพุ่มทรวงที่ขยายจนบวมเป่งเมื่อได้กลิ่นเขา “ขอบคุณค่ะ” เธอตอบเบาๆ พยายามข่มใจที่เต้นอยู่ตึกๆ ให้มันสงบลง ก่อนจะหยิบกระทะมาตั้งเตา แล้วเอาเนื้อหมูกับไข่ออกจากตู้เย็น เธอจะทำหมูผัดพริกกับไข่ดาวเป็นมื้อค่ำ เขาไม่ได้พูดอะไร แค่เดินไปนั่งรอที่โต๊ะตัวยาว เหนือนทีลอบมองคนที่ยืนอยู่ในครัว มันประหลาดมาก เพราะแม้แต่คนที่ชี้นิ้วว่าเอาเคาน์เตอร์แบบนี้มาตั้ง หล่อนก็เข้าครัวนับครั้งได้ ขวัญข้าวไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือน พวกเขาเลยไม่ค่อยได้ใช้เครื่องครัวมากนัก จากที่ลอบมองก็ยกมือเท้าคางแล้วจ้องอย่างเพลิดเพลิน คนตัวเล็กๆ ทำไมดูคล่องแคล่วนักนะ หล่อนหยิบจับเครื่องครัวราวกับว่าใช้มันจนชินมือ ท่าทางคงทำกับข้าวเก่ง แต่อาจจะไม่อร่อยก็ได้ ท่าสวยกับรสชาติ มันอาจไปกันคนละทาง เอาเป็นว่าเขาจะไม่คาดหวังก็แล้วกัน ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวังไงล่ะ พราวฟ้าใช้เวลาไม่นานในการทำมื้อค่ำ หล่อนยกจานข้าวมาให้เขา พวกเขานั่งกันคนละฝั่ง และกินข้าวไปเงียบๆ หล่อนกินเอาๆ ส่วนเขาเอาแต่จ้องสมาร์ตโฟน ก็น่าทึ่งอยู่น่ะ แค่หมูผัดพริกธรรมดาต้องทำอร่อยด้วยเหรอ มันรสชาติดีกว่าอาหารแช่แข็งที่ขวัญข้าวซื้อมาติดตู้เย็นไว้ให้เขาเยอะเลย ข้าวอุ่นๆ หอมๆ กับข้าวที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ถ้าเป็นขวัญข้าวที่ทำให้กิน ก็คงดี “กินได้ไหมคะ” พราวฟ้ากลั้นใจถาม อย่างน้อยก็อยากรู้ความเห็น เพราะนอกจากพ่อกับแม่ ก็ยังไม่เคยมีใครได้กินฝีมือเธอเลย “ก็ดี” เขาตอบสั้นๆ สั้นแบบสั้นมาก พราวฟ้าไม่รู้จะดีใจดีหรือเปล่า แต่เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ “อย่าขึ้นไปข้างบน” “ค่ะ อาขวัญบอกแล้วค่ะ” “ไม่ใช่ขอร้อง แต่เป็นคำสั่ง” ดวงตาเขาตวัดมองมา พราวฟ้าเสียวไปถึงสันหลัง “เธอเป็นผู้หญิง ฉันเป็นผู้ชาย และเราไม่ใช่ญาติกันแท้ๆ เราควรจะอยู่ห่างๆ กันไว้ เพื่อความปลอดภัย” พวงแก้มของพราวฟ้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งอาย ทั้งเคือง เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงนะ “ผู้หญิงสมัยนี้เชื่อใจไม่ได้ ฉันไม่อยากยุ่งยาก” “พราวไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ อาคิดว่าพราวจะ...” “ไม่รู้สิ แค่พูดเผื่อไว้” “งั้นพราวจะพยายามอยู่แต่ในห้องพราวค่ะ” “ก็ดี” พราวฟ้าอึดอัดใจอย่างที่สุด เธอรีบกินแล้วรีบกลับเข้าห้อง มันโมโหนะที่เขากล่าวหาอย่างอคติ แต่เธอก็จะอดทน “เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นละน่า อดทนไว้พราวฟ้า” ปลอบตัวเองอย่างต้องการส่งกำลังแรงใจ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ เขาไม่ได้รู้จักเธอ ไม่เคยใกล้ชิดจนรับรู้นิสัยใจคอ เขาเองก็คงแค่พูดเผื่อไว้เท่านั้นเอง เช้าวันถัดมา การทำงานวันแรกของเด็กบ้านนอกในเมืองใหญ่ คิดว่าตัวเองเตรียมตัวมาดี เตรียมตัวมาเต็มที่ แต่สุดท้ายก็เหลว พราวฟ้าไม่ได้รู้เลยว่า รถเมล์ตอนเช้าๆ นี่ยืนเบียดกันแค่ไหน เธอมองไม่เห็นป้ายที่ต้องลง และพอมองไม่เห็น เธอก็นั่งเลยป้าย สรุปก็ไปทำงานสาย ไปทำงานวันแรกแล้วไปสาย มันเป็นอะไรที่แย่มากๆ ฝนก็ตกทั้งวัน ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิด ไหนจะโดนผู้จัดการอบรม ไหนจะเพื่อนร่วมงานที่เหมือนไม่เต็มใจสอนงานให้ มันชวนให้เธออยากเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้านนอกจริงๆ ด้วยความที่เป็นคนซื่อคนเซ่อ ยังไม่รู้อะไร ก็โดนเอ็ดโดนด่าแบบฉ่ำมาก ฉ่ำแบบที่พ่อแม่ที่บ้านยังไม่ด่าขนาดนี้ เธอก็ได้แต่อดทนอดกลั้น เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีงานทำ เธอทนจนถึงเวลาเลิกงาน ต้องวิ่งตากฝนจากหน้าห้างมาที่ป้ายรถเมล์ เปียกน่ะสิ ทั้งเปียกทั้งหนาว แต่สุดท้ายก็พาตัวเองกลับมาถึงที่พักได้สำเร็จ อาเหนือนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าจอโทรทัศน์ เขากำลังดูข่าวภาคค่ำ และหันมามองเธอแวบหนึ่ง เธอรีบกอดกระเป๋าเป้ไว้เพราะรู้ว่าเนื้อตัวเปียกๆ มันโป๊แค่ไหน “จะยืนอยู่ตรงนั้นเหรอ พื้นมันเปียกนะ” “ขอโทษค่ะ” รีบขอโทษขอโพย เนื้อตัวที่เปียกฝน พอกระทบกับแอร์ในคอนโดฯ ก็ยิ่งหนาวจับใจ น้ำเสียงแข็งๆ ที่ทักท้วงมา เหมือนว่ามาช่วยสะกิดความทุกข์ที่ทนมาทั้งวัน ที่อดกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ยอมให้มันไหล บัดนี้มันเลยไหลตั้งแต่ยังวิ่งไปไม่ถึงห้องนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD