หยกงามหลงยุค 1

1259 Words
หลังจากสวมอาภรณ์ตัวในเรียบร้อย เขาจึงสวมเสื้อคลุมสีดำ ท่านแม่ทัพฟางก้าวออกจากจวน ตั้งใจไปคิดบัญชีกับใครบางคน ที่กล้าทำให้เขาขายหน้าต่อสตรีผู้งามราวอย่างเทพธิดา อันนี้เขาประจักษ์ต่อสายตา หากว่าเชื่อเถอะนางต้องถูกปราชญ์เจ้าสำราญ ส่งตัวมากลั่นแกล้งตน เช่นคราวก่อนๆ เห็นเป็นเรื่องขบขันหรือไร การที่เขาบริสุทธิ์นั้นแปลกนักหรือไร หากว่าความบริสุทธิ์ทุกกระเบียดนิ้วในตัวเขา ได้ถูกนางก่อกวนแค่เพียงมองร่างกายมีเพียงเสื้อตัวบางคลุมร่างกาย นางช่างเป็นหญิงไร้ความอาย เขารู้สึกบางสิ่งบางอย่างกระแทกหัวใจ ความต้องการบางอย่างอันไม่เคยมีต่อสตรีได้ปรากฏ ภายในรับรู้ได้ถึงความร้อนรุ่ม คล้ายมีเปลวไฟสุมอยู่ข้างในทรวง “มีสตรีน่าอายอยู่ในห้องอาบน้ำของข้า หาเสื้อให้นางสวมซะ” ฟางเจี๋ยเกิงสั่งสาวใช้เย่าจื่อ สีหน้าอ่านยากแต่ความโกรธกรุ่นอยู่ภายใน ซ้ำในเวลาเดียวกันยังมีระลอกคลื่นร้อนรุ่มด้วย เขาแยกไม่ออกดีใจหรือโกรธ บุรุษผู้นี้หน้าตายตั้งแต่ไหนแต่ไร ก่อนจะก้าวออกจากประตูตรงไปยังจวนปราชญ์เจ้าสำราญ อย่างไรซะต้องเป็นฝีมือคนผู้นั้นเชื่อได้เลย พอไปถึงจวนกุนซือพ่อบ้านแจ้งแก่เขา ท่านกุนซือไม่อยู่ที่จวน คนเช่นกุนซือเจ้าสำราญจะอยู่ที่ใดได้นอกจากหอสุรารื่นรมย์ มิตรสหายของกุนซือลั่วเต็มเมือง หายตัวไปไหนคนทั่วเมืองซานซีย่อมรู้กันทั่ว บุรุษรูปงามหน้าหยกรูปร่างสูงสง่า หน้าใส ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ ซึ่งเป็นอาภรณ์ประจำตัว นอกจากเสื้อเกราะยามออกรบ เขาสืบเท้าก้าวมาดมั่นตรงไปถึงหอสุรารื่นรมย์ ที่ๆ บุรุษหนุ่มทั่วแคว้นไม่ว่าคุณชายสกุลสูง บรรดาขุนนาง คหบดี ต่างไปหาความสำราญกับสุรายาเมา เห็นจะยกเว้นท่านแม่ทัพผู้เคร่งขรึมเพียงหนึ่งเท่านั้นไม่ชอบมาหาความสำราญ “ท่านแม่ทัพ อุตส่าห์มาถึงหอสุรารื่นรมย์เป็นเกียรติยิ่งนัก” เถ้าแก่ก้าวเข้ามาต้อนรับขับสู้ นับเป็นวาสนาของหอสุราแห่งนี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ต้อนรับชายผู้แกร่งกล้านามฟางเจี๋ยเกิงแม้แต่หนเดียว “ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาหาคน” เขายกมือห้ามอาการค้อมศีรษะของเถ้าแก่หอสุรา ไว้หนวดสีดอกเลายาวปิดปลายคาง “เชิญท่านแม่ทัพด้านในก่อนขอรับ” เถ้าแก่ผายมือไปเชื้อเชิญบุรุษหนุ่มในชุดดำที่เขาคุ้นเคย ได้ยินกิตติศัพท์มาช้านาน ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพโด่งดังไปไกล ด้วยฝีมือการรบบัญชาการทหาร ประจักษ์แก่สายตาประชาชนถ้วนหน้า จึงทำให้เขามีชื่อเสียงโด่ง อีกทั้งความกล้าหาญ ดุดัน เด็ดขาด นิสัยโผงผางปั้นหน้าได้หน้าเดียว รวมถึงไม่ใช่คนยอมคน คนเช่นเขาจึงไม่มีผู้ใดกล้าล้อเล่นด้วยได้ เว้นแต่ชายสวมชุดขาวที่กำลังร่ำสุรา กล่าวบทกวี เล่นดนตรีอย่างสำราญใจอยู่โต๊ะทางโน้น พร้อมกับสหายร่ำสุราด้วยกัน เขายกมือห้ามนัยว่าจะเดินเข้าไปเอง สายตาดุจเหยี่ยวมองหาเป้าหมาย บุรุษสวมอาภรณ์สีขาว เกล้าผมปักปิ่นบนศีรษะท่าทีเริงรื่นผู้นั้น มองตาเดียวย่อมรู้ว่าเป็นเป็นท่านกุนซือเจ้าสำราญ คนผู้ไม่เคยพกพาอาวุธติดกาย มีเพียงพัดจีบกับปากฆ่าคนได้เท่านั้น ยามกุนซือผู้นี้ออกรบมือเขาไร้การพกพาอาวุธ มีเพียงนิ้วและปาก สั่งการอยู่เหนือกำแพงเมืองเท่านี้คนผู้นี้กลับสามารถนำพากองทัพกวนหมิงหรงฮ่องเต้มีชัยเหนือศัตรู ผยองเช่นนี้จึงกล้ากลั่นแกล้งคนอย่างเขาให้ได้รับความอับอาย เขาสืบเท้ามั่นคงไปหาคนผู้นั้น “ข้ามีเรื่องจะคิดบัญชีกับท่าน” “เช่นไรหรือท่านแม่ทัพฟาง” ชายผู้ใช้สติปัญญาในการรบ ไม่เพียงไม่สะท้านกลับย้อนถามบุรุษผู้นำจอมทัพในสภาพในมือถือจอกสุรา “อย่ามากความ ร่ำสุรากับข้าสักจอกดีหรือไม่ท่าน” ย่อมรู้อยู่แม่ทัพหน้าใสผู้นี้ หาได้ชื่นชอบการดื่มสุรา กล่าวบทกวี เล่นดนตรีบันเทิงใจ “ธุระของข้าสำคัญกว่า” “นอกจากการรบ การฝึกทหาร การประลองฝีมือ พร้อมกับปั้นหน้าสงบ ท่านมีธุระที่สำคัญกว่าสิ่งเหล่านี้นี้เช่นนั้นหรือ” กุนซือเจ้าสำราญกล่าวไม่ยี่หระต่อความผิด “ท่านส่งสตรีมาก่อกวนจวนข้าถึงจวนตามเคย” จะเป็นใครไปมิได้กล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นคนผู้นี้ สนุกนักหรือไรก่อกวนเขามิหยุดหย่อน ท่านกุนซือเอียงหน้ามองคนตรงหน้า “เชิญนั่งก่อนท่าน เห็นทีจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเสียกระมัง” อาวุธของท่านกุนซือคือรอยยิ้ม เขาละลายหัวใจสตรีด้วยการแจกรอยยิ้ม เบิกตาหันไปชมทัศนียภาพรอบตัว สำราญกับการร่ำสุราในหอสุราแห่งนี้อยู่เนืองๆ “ย่อมเป็นท่าน” เขามั่นใจ “กระไร กล่าวหาข้าเช่นนี้” เขานั่งร่ำสุราอยู่กับพวกคุณชายชื่นชอบความรื่นเริง ยังไม่ได้ลุกไปทำอย่างที่คนองอาจกล่าวหา “ไม่เป็นท่านจะเป็นใครไปได้” “ท่านรูปงาม ร่างกายแข็งแรง ย่อมสตรีแอบชอบท่าน นางอาจจะทนไม่ไหวบุกเข้าไปจวนท่านย่อมเป็นได้” ท่านแม่ทัพโฉมงามน้อยเสียเมื่อไร หากเขาเป็นสตรีย่อมคลั่งไคล้ผู้นำทัพคนนี้ด้วยเช่นกัน “แต่ไหนแต่ไหน ก็เป็นท่านที่กล้าส่งสตรีเพื่อลองใจข้า” “กระไรข้าต้องลองใจท่าน” คนเจ้าเล่ห์บ่ายเบี่ยง ทุกทีเขายอมรับส่งโฉมสะคราญไปยั่วยวนคนหน้านิ่ง ไร้ใจ ไร้ความรื่นเริงกับสตรี มีทั้งความงาม ความเย้ายวน หวังใจจะให้สตรีอ่อนหวานเหล่านั้น เพื่อปล้นความบริสุทธิ์ผุดผ่องไปจากท่านแม่ทัพผู้สง่างาม ทว่าทุกคราเคยสำเร็จหรือไม่ ล้วนไม่เคยสำเร็จ ฟางเจี๋ยเกิงเกรงกลัวกระไรกับสตรีตัวเล็กๆ ซ้ำยังโฉมงามทุกนางที่เขาส่งไป แต่ครานี้ย่อมไม่ใช่ ในเมื่อเขายังนั่งร่ำสุราอยู่กับสหายสายสุรา ยังไม่ได้ลุกไปทำเรื่องที่ถูกใส่ร้ายนั้นเสียหน่อย “ท่านส่งสตรีแปลกประหลาดนั่นเข้าจวนข้า ซ้ำนางยังไร้สามัญสำนึก เข้าไปในห้องอาบน้ำของข้า” “ถึงขั้นเข้าห้องอาบน้ำของท่านเชียวหรือ นางช่างหาญกล้า ข้าชักอยากจะพบนางเสียแล้วสิ” “อย่าไขสือ ท่านส่งนางไป...” เขาอยากซัดกุนซือเจ้าสำราญผู้นี้กระดูกหัก ร่างกระเด็นหล่นไปตกสักหมื่นลี้ ยั่วโทสะท่านแม่ทัพ ช่างเป็นงานถนัดของท่านกุนซือ บุรุษเช่นไรถึงได้ไร้เดียงสาต่อสตรีเช่นนี้ เห็นหน้าคนผู้นี้ทีไรนึกอยากกลั่นแกล้งทุกครา อา...ทว่าครานี้ใครกันกล้าส่งสตรีบุกเข้าห้องอาบน้ำท่านแม่ทัพ ไม่กลัวตายหรือไร สำหรับเขาแล้วเพียงส่งไปยั่วยวนยามท่านแม่ทัพ ปั้นหน้าเคร่งฝึกทหารอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งๆ ยามปลอดข้าศึกศัตรูควรสำราญกับสุราและนารี กลับไม่วายเคร่งวินัยเคร่งการฝึกกับทหารเท่านั้น “หน้าตานางเป็นเช่นไร” “ท่านส่งไป ยังกล้าถามข้า” “ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ข้าหาได้ส่งโฉมสะคราญนางใดไปที่จวนท่าน แล้วยิ่งในห้องอาบน้ำแล้ว ข้ายิ่งไม่กล้า จะบอกได้หรือไม่หน้าตานางเป็นเช่นไร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD