จะว่าไปเท่าที่เขาเห็นสตรีผู้นั้น นางโฉมสะคราญอวบอิ่ม เอวบอบบาง รูปร่างอ้อนแอ้น รูปหน้าเรียวงาม กลิ่นตัวหอมกรุ่น ยั่วยวนเขาได้ดีเกินกว่าสตรีนางอื่นๆ ที่กุนซือเจ้าสำราญผู้นี้ส่งไปยั่วยังสถานที่ฝึกทหารบ้าง ในจวนบ้าง ตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาก้าวผ่าน แปลกอยู่ส่วนหนึ่ง
หึ...เชื่อได้ง่ายๆ เสียที่ไหน หากพบงูเลื้อยผ่านหน้า กับพบท่านกุนซือ เขาคงเลือกฆ่าท่านกุนซือมากกว่าฆ่างู
“นี่ท่านจะไม่ยอมรับใช่หรือไม่” เขาชี้หน้าตราหน้าคนหน้าด้านหน้าทน เรื่องมึนยกให้คนผู้นี้ น่าตายนัก
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าจะยอมรับได้เช่นไร”
“เช่นนี้ก็ดี ข้าจะโยนสตรีผู้นั้นออกจากจวนเสีย ก่อนโยนนางทิ้งก็กุดหัวนางซะ อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน” ว่าเสร็จเขาจึงเดินอาดๆ ออกจากหอสุราตรงดิ่งกลับจวน เพื่อคิดบัญชีกับสตรีผู้นั้น หากไม่มีผู้คุ้มกัน บางทีอาจจะเป็นนางนกต่อ ไส้ศึกจากศัตรูเข้ามาสืบความในจวนย่อมเป็นไปได้ แต่แปลกอยู่อย่างนางหล่นลงมาจากเบื้องบน พร้อมกับเปลือกกล้วยหนึ่งชิ้น หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ ส่งเทพธิดาลงมาลองใจคนอย่างเขา นี่นอกจากกุนซือ ฮ่องเต้ ยังมีเง็กเซียนอีกหรือ
“ประเดี๋ยวท่านแม่ทัพฟาง”
“ท่านยอมรับแล้วสิเป็นฝีมือของท่าน”
“หาไม่...ข้าจะไปดูนางกับท่านต่างหาก”
“เกรงข้าจะทำร้ายคนของท่านเช่นนั้นล่ะสิ”
“เหลวไหลน่าท่านแม่ทัพฟาง” กุนซือลั่วปิงฉู่ ก้าวนำหน้าคนอารมณ์ฉุนเฉียว หากเป็นเขาสตรีมาถึงมือ ย่อมประโลมให้นางมีความสุข มากกว่าโยนออกนอกจวน ทว่า...เขาก็พวกรักสนุกยังไม่กล้าคิดถึงขั้นรับภรรยา ต่อให้ปรารถนาในรสรักจากสตรีโฉมงามมากเพียงไรก็ตาม
ท่านแม่ทัพฟางเจี๋ยเกิง กับ ท่านกุนซือลั่วปิงฉู่ อายุปีนี้ยี่สิบห้าปีเท่ากัน ต่างคนต่างยังไม่รับสตรีเป็นภรรยา เขาทั้งคู่ต่างสถานะกันในการเป็นคนของราชสำนัก ท่านแม่ทัพอยู่ขวา รบเคียงบ่าเคียงไหล่กวนหมิงหรงฮ่องเต้ ส่วนท่านกุนซือนั้นอยู่ซ้ายคอยเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน รวมไปถึงวางแผนรบอย่างชาญฉลาด
ไม่ว่าเมืองใดแคว้นอื่น ใช้กำลังรบเรือนหมื่นเรือนแสน หากแต่เมื่อท่านแม่ทัพกับท่านกุนซือร่วมมือกัน ล้วนจัดการข้าศึกได้สบายๆ โดยสูญเสียชีวิตทหารเพียงหยิบมือเท่านั้น
เหมยเยี่ยนอิงนั่งกระสับกระส่ายรอบุรุษหนุ่มเจ้าของจวนอย่างไม่เป็นสุข จะให้สุขได้อย่างไร ตอนนี้ท้องไส้ของนางปั่นป่วนยิ่งกว่าแผ่นดินไหว อาภรณ์เนื้อหยาบของสาวใช้ห่อหุ้มผิวบอบบางของนางรู้สึกคันคะเยอ เนื้อบางๆ ของนางไม่เหมาะกับเนื้อผ้าไร้ราคาเช่นนี้ นักแสดงสาวโด่งดังเช่นนาง ล้วนต้องสวมเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง ของพรรค์นี้อยู่บนผิวนางได้เช่นไร
นางทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเอง ทีแรกคล้ายจะจำทุกอย่างได้ หากแต่เสียงท้องร้องก่อกวนสมาธิของนางจนขาดสะบั้น อิ่มท้องคงพอนึกทุกสิ่งอย่างได้
“เจ้า...” นางเรียกสาวใช้ ที่ยืนเฝ้าอยู่ในห้อง ดูเหมือนแม่สาวใช้ผู้นี้ ไม่คิดปล่อยนางรอดสายตา สาวใช้แลหน้าแลหลังเลิกลั่ก “เจ้านั่นแหละ”
“ข้ามีนามว่าเย่าจื่อ” สาวใช้ผู้ได้รับคำสั่งจากพ่อบ้านตู้ให้เฝ้าสตรีนางนี้ไว้ สตรีไร้ความอาย กล้าเข้ามาจวนแม่ทัพ ด้วยอาภรณ์ปิดกายบางเบา ตั้งใจมายั่วยวนพรากพรหมจรรย์ท่านแม่ทัพ ไม่ว่าพวกทหาร หรือแม้แต่พ่อบ้าตู้ ยังต้องช่วยกันรักษาพรหมจรรย์ท่านแม่ทัพ ไยนางจิ้งจอกร้ายผู้นี้ถึงได้กล้ากระทำ หากไม่มีคนหนุนหลังเสียแล้วย่อมไม่กล้า
“เย่าจื่อ นั่นแหละคือเจ้าข้าหิว เจ้าพอมีของกินให้ข้ากินหรือไม่” เหมยเยี่ยนอิง ก้าวเท้าไปหาสาวใช้ ท่าทีดุจตนยังคงเป็นนางพญาในอาภรณ์สาวใช้ ที่เพิ่งถูกโยนมาให้สวมใส่ ต่อหน้าคนอื่นที่โลกของนาง นางก็ปฏิบัติตัวชี้นิ้วใช้ผู้อื่นเช่นนี้ แม่นางคนนี้เป็นสาวใช้ กระไรนางถึงจะชี้นิ้วสั่งไม่ได้
“เจ้าคือสตรีไร้ยางอาย”
“ใครบอกเจ้า”
“ท่านพ่อบ้านตู้”
“เขาว่าเช่นนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ล้วนเป็นการเข้าใจผิด มานี่สิ” เหมยเยี่ยนอิงกระดิกนิ้วเรียกสาวใช้หน้าอ่อน อายุอานามนางคงไม่เกินสิบแปด รูปร่างอ้อนแอ้น ในชุดยาวของสาวใช้ เกล้าผมเสียบปิ่นปักไม้ห้อยลูกปัด น่าชังทีเดียว
“เจ้า...จะทำอะไร” เพียงแค่สตรีผู้นี้สืบเท้าเข้าใกล้นาง กระไรถึงรับรู้ถึงไอแห่งความสูงส่ง สาวใช้นามเย่าจื่อเอนกายหนี นางมองท่าเยื้องย่างกิริยาดุจนางหงส์ กว่าสาวใช้ต่ำต้อยเช่นนางมากหลายเท่า
“ข้า...ตกลงมาจากข้างบน” นิ้วเรียวขาวสะอาดชี้ขึ้น
“เจ้า...ตกลงมาจากเบื้องบนเช่นนั้นหรือ อย่าบอกว่าเจ้าเป็นเทพธิดา”
นางฟ้า...เทพธิดาคงจะเป็นประเภทเดียวกัน เหมยเยี่ยนอิง จึงพยักหน้ารับความเข้าใจสาวใจวัยดรุณี
“เหลวไหล เจ้าเป็นคนชัดๆ จะเป็นเทพธิดาได้เยี่ยงไร”
“เอาล่ะเจ้าไม่เชื่อย่อมขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าหิวจนแสบไส้ ช่วยไปจัดสำรับมาให้ข้าที”
“เจ้ามาจากหอคณิกาละสิ”
หอคณิกาคือพวกที่ให้ความสำราญ ผ่อนคลายอารมณ์บุรุษเช่นนั้นหรือ สาวใช้ผู้นี้ไม่เคยตายเพราะปากเสียกระมัง ถึงได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อคนเช่นนาง ความหิวไส้แทบขาด ทำให้นางไม่อาจทนต่อความหิวได้ ต่อให้ต้องฆ่าคน นางก็สามารถทำได้
“เจ้า...ปากสามหาว เจ้ารู้หรือไม่ สาวใช้เช่นเจ้า ข้าหักคอมาแล้วกี่คน” ก็พวกตัวประกอบเอย คนรับใช้ที่บ้านของนางเอย หรือแม้แต่พวกปลายแถว ยามเข้าฉากชักช้า หรือแม้แต่พวกมักง่ายชอบลืมบท ไม่ทำการบ้านก่อนถ่ายทำ ทำให้นางเสียเวลาคิดเป็นเงินมหาศาล ย่อมถูกด่าเปิดเปิงไม่เหลือดี นางผู้นี้กล้าดีอย่างไรกล่าวว่านางคือสตรีจำพวกพลีกายให้ความสุขกับชาย
“เจ้าจะสังหารข้าเช่นนั้นหรือ” เย่าจื่อหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม สัมผัสได้ถึงไอสังหารจากนางจิ้งจอกผู้นี้
“เพื่อแลกกับอาหาร ข้าย่อมทำได้ ไปจัดการหาอาหารมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะหักแขนหักขาเจ้าแล้วกินแทนอาหาร” เหมยเยี่ยนอิงชักจะทนไม่ไหว กระไรกันรอบกายนางถึงได้มีแต่คนบ้าๆ ทั้งนั้น เปลือกกล้วยเพียงชิ้นเดียว กลับแปรเปลี่ยนชีวิตนางราวกับพลิกฝ่ามือ
สตรีไร้ยางอายผู้นี้มีวรยุทธ์เช่นนั้นหรือ นางเป็นเพียงสาวใช้ ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ รูปร่างบอบบาง ซ้ำยังเรียนน้อย วรยุทธ์ก็ไม่มีติดตัว นางไหนเลยจะกล้าต่อกรกับนางจิ้งจอกผู้เข้ามาล่อลวงท่านแม่ทัพได้ เย่าจื่อหมุนกายรีบเผ่นออกจากห้องนอนท่านแม่ทัพ ต่อให้ได้รับคำสั่งเฝ้านางไว้ ใครจะกล้าเฝ้านางจิ้งจอกในเมื่อไอสังหารพวยพุ่งเสียขนาดนั้น
สาวใช้หายไปไม่นานนักเสียงประตูได้ถูกผลักออก ทำให้เหมยเยี่ยนอิงหันไปทางประตู ด้วยความหิวจึงไม่ได้ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น
ในเสี้ยวหนึ่งนั้นบุรุษในชุดขาวเกล้ามวยผมสูง ปักปิ่นผูกเชือกรอบเกล้ามวยด้วยผ้าสีขาว ได้ก้าวเข้ามาในห้อง เครื่องหน้าของบุรุษหนุ่มผู้นั้น สะอาดสะอ้านเรียบร้อย ในมือถือพัดจีบ เห็นชัดเจนท่าทีของเขาต่างไปจากบุรุษชุดคลุมสีดำโดยสิ้นเชิง
“ใช่คนของเจ้าหรือไม่” ท่านแม่ทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังต่อกุนซือเจ้าสำราญ
ต่อให้ไม่ใช่ก็คงต้องใช่ ในเมื่อสตรีตรงหน้านี้ช่างงดงามดุจเทพธิดา ดวงหน้าของนางเรียวงาม คางมน คิ้วโก่งเชิดขึ้นพาดผ่านเหนือดวงตา บอกให้รู้ถึงลักขณาดีเยี่ยม ผิวขาวโผล้พ้นจากอาภรณ์สาวใช้นั้นดั่งกับหิมะแรกของฤดู ท่านกุนซือผู้ช่ำชองในการมองสตรียืนตัวแข็งค้างดวงตาตะลึงลาน สืบเท้าไปหานางด้วยอาการลืมตัว เดินวนนางหนึ่งรอบ สำรวจดวงหน้างดงาม