พิฆาตนางมารด้วยเปลือกกล้วย 3

1437 Words
“เจ้า...จะบอกข้าได้หรือยัง ใครเป็นคนส่งเจ้ามา” “ไม่มี...ไม่มี” “เจ้ามาเองเช่นนั้นหรือ” ใจกล้ามาก “ตกลงมาจากข้างบน” นางมองขึ้นไปเหนือศีรษะ พร้อมกับชี้นิ้วยืนยัน “ถ้าเจ้าเป็นเทพธิดาข้าจะเชื่อ ว่าเจ้าตกลงมาจากสวรรค์ แต่นี่เห็นๆ อยู่เจ้าไม่ใช่ ซ้ำยังสวมอาภรณ์เปิดเผยเนื้อหนัง คิดจะยั่วข้าหรือไร ท่านกุนซือส่งเจ้ามาใช่หรือไม่” เขาคาดคั้นเอาความจริง เชื่อจนสนิทใจย่อมเป็นฝีมือชั่วช้ากุนซือลั่วจัดการส่งแม่นางผิวขาวราวหิมะผู้นี้มายั่วยวนเขาตามที่เคยๆ ทำมา สตรีนางนี้ช่างงดงาม ผิวขาวเนียนดุจหิวมะแรกแห่งฤดูหนาว ดวงตาสุกใส ท้าทายอำนาจนักรบในตัวเขายิ่งนัก สตรีน้อยรายกล้าเข้าใกล้เขา นางนี้ช่างไม่รักตัวกลัวตาย เออ...แฮะลืมไปว่าก่อนหน้านั้นอยู่ในห้องออนเซน กำลังจะลงแช่น้ำ ดั้น...ลื่น...เอ๊ะ...ใช่เธอลื่นก้นกระแทกไถลตกลงในบ่อออนเซน จากนั้นก็มาโผล่ในถังอาบน้ำ พร้อมเปลือกกล้วยหล่นลงมากลางศีรษะ มือขาวราวหิมะตวัดขึ้นกุมสาบเสื้อคลุม เชื่อว่าเปิดเผยเนื้อหนังต่อหน้าเขาไปเนื้อในใต้ร่มผ้า “ปล่อยข้าเถอะท่าน” ปล่อยแล้วเราจะไปไหนวะ ที่นี่น่าจะไม่ใช่ออนเซนไม่ใช่เซี่ยงไฮ้ “เจ้ายังไม่ตอบข้า จะให้ข้าปล่อยเจ้าอย่าหมาย” “ข้าไม่มีอะไรจะบอกท่าน” “ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะจูบเจ้า” เขาเคยคิดจูบสตรีนางใดซะที่ไหนกัน ยกเว้นสตรีนางนี้เขาอยากจูบนาง จู่ๆ อยากจูบโดยไร้เหตุผล ก็ดูปากนางสิท่าทางจะฉ่ำหวานคล้ายขนมหวาน “จูบ...” เขาจะจูบ โอ๊ย...จริงหรือ ได้ก็ดีนะเขาน่ากิน น่าคลุกวงในซะขนาดนี้ แม่นางเหมยเยี่ยนอิงคิดนอกกรอบในใจ สาวจีนยุคใหม่ไม่ได้อยู่ในกรอบประเพณี เช่นยุคเก่าที่ต้องอยู่ในแต่ในบ้าน เติบโตขึ้นมาก็ต้องแต่งเข้าสกุลฝ่ายผู้ชายสตรีจีนสมัยใหม่หาเลี้ยงตัวเองได้ พึ่งพาตัวเอง กล้าหาญมากขึ้นร้อยเท่า ไหนเลยจะกลัวแค่จูบ นางไม่กลัวแต่นางหวาดหวั่น เนื้อตัวเขาพร้อมสู้รบไร้สิ่งปกปิด อาภรณ์สักชิ้นยังไม่มีปิดป้องอาวุธลับ นุ่งลมห่มฟ้าท้าทายสายตา ‘ดาบ’ ก็ใหญ๊ใหญ่ “เจ้าถูกส่งมาจากหอเยี่ยมจันทร์ใช่หรือไม่” นางงามดั่งพระจันทร์เช่นนี้ จะให้เขาคิดไปในทางใดได้ นอกจากนางถูกส่งตัวมาเพื่อยั่วยวนเขา จะเป็นฝีมือใครหน้าไหนไม่ได้นอกจากกุนซือเจ้าสำราญ มีเขาคนนั้นคนเดียวกล้าทำเช่นนี้ หอ...หอ อะไรที่ว่าถ้าเป็นยุคจีนโบราณ ก็หมายถึงซ่อง ที่มีหญิงบริการความสุขให้กับบุรุษ นี่เขากล้าว่าเธอมาจากซ่องอย่างนั้นหรือ ไอ้ผู้ชายบ้า หล่อซะเปล่ากล้าดูถูกเหมยเยี่ยนอิงดาราโด่งดังที่สุดในแผ่นดินจีน นางเลือดขึ้นหน้า อยากตบบุรุษผู้ปากกล้าสักฉาด “ข้าไม่รู้เรื่อง” ไม่รู้เรื่องจริงๆ นี่หว่า “เจ้าไม่ใช่คนแคว้นเจิ้ง” สำเนียงนางแข็งๆ แปลกหู เชื่อว่านางมาจากแคว้นอื่น หรืออาจจะเป็นชนเผ่า “ใครว่าใช่ล่ะ” “เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังใครส่งเจ้ามากันแน่” “ไม่มี บอกแล้วไม่มี” “ดูซิปากเจ้ายังจะแข็งอยู่ไหม” บุรุษผู้จับดาบจับธนูในสนามรบมาตั้งแต่อายุสิบสองถูกส่งเข้ามาฝึกทหารในวังหลวง เขาก็ไม่เคยได้ออกจากวังหลวง นอกจากออกรบ ยามสงบซ้อมดาบ ซ้อมธนู คิดวางแผนการรบ ไม่ประสาต่อสตรี ไม่เคยคิดรับภรรยา นางดื้อด้านผู้นี้ทำให้เขาอยากมอบจุมพิตแรกกับนาง เหมยเยี่ยนอิงชอบก่อกำแพงให้คนภายนอกเกรงกลัว ยอมสยบอยู่ได้อาณัติ ด้วยการเป็นคนไม่ยอมคน ขี้โวยวาย ด่ากราดไม่ไว้หน้า ถ้าไม่พอใจอะไรสักอย่าง ทว่า...ต่อหน้าบุรุษน่าเกรงขามเสียงทุ้ม ทรงพลังกล้ากังวานผู้นี้ นางกลับไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา ซ้ำยังเกรงกลัวสิ่งที่เขากำลังกระทำต่อนางขณะนี้ บุรุษแกร่งกล้าขยับใบหน้าเคลื่อนเข้าหานางเชื่อว่าถูกส่งตัวมาหอคณิกา นางผู้มีใบหน้าแปลกแผกไป เชื่อว่านางไม่ใช่คนแคว้นเจิ้ง นางแปลกไปโดยสิ้นเชิง ความอ่อนช้อยหามีใหม่ กล้าสบประสานนัยน์ตาผู้ชาย สตรีแคว้นเจิ้งไม่ใช่มีกิริยาเช่นนาง กุนซือลั่วกลัวเขาจับได้กล้าลงทุนจ้างสตรีแคว้นอื่นมาเพื่อยั่วยวนเขา คนไม่กลัวตายผู้นี้ทำมากเกินไปแล้วจริงๆ ริมฝีปากอุ่นของท่านแม่ทัพประทับลงบนเรียวปากสั่นระริกของนางจากหอคณิกา เหมยเยี่ยนอิงต่อให้เป็นดาราเจ้าบทบาท มากฝีมือมากแค่ไหน แต่เมื่อบทบาทถึงเนื้อถึงตัว นางไม่เคยแสดงเอง กฎของนางคือใช้ตัวนักแสดงแทนสำหรับบทสวาท บทอื่นนางเล่นเองทั้งหมด ต่อให้โลดโผน โจนทะยาน ยิงปืน ปามีด เตะต่อย วิ่งเป็นร้อยกิโลเมตร นางไม่เคยหวั่น ยกเว้นบทเดียวในวงการบันเทิงคือบทเลิฟซีน ตอนนี้นางนึกอยากจูบถ้าเป็นชายผู้นี้ ดูปากเขาสิกระจับฉ่ำน่าจูบมาก ‘ไม่จูบ เขาไม่จูบนาง’ ท่านแม่ทัพไม่ประสาเรื่องรักปากสั่น หัวใจเต้นระรัว เบี่ยงหน้าหลบเขาได้แต่จ้องมองปากฉ่ำหวานของนางนิ่งๆ ไม่กล้าประทับริมฝีปากลง “เอาล่ะข้าจะไปเค้นเอาความกับเจ้ากุนซือสติวิปลาส ส่วนเจ้ามาจากทางไหน เชิญกลับไปทางนั้น” เขาไล่นาง “ข้า...ข้าไม่มีที่ไป ท่านกุนซือที่ท่านกล่าวถึงคือผู้ใด ข้าไม่รู้จักได้โปรดให้ข้าอยู่กับท่านเถอะนะ” นางอ้อนวอน จนใจอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ในหัวของนางมืดมน เปลือกกล้วยชิ้นนั้นมาพร้อมกับนางมันมาได้อย่างไร “ไม่ได้ !” เขาตอบนางน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าจะส่งตัวเจ้ากลับ หลังจากสอบสวนเจ้ากุนซือเจ้าเล่ห์เสียก่อน” นางเป็นนางจิ้งจอกจอมเวทย์หรืออย่างไร กล้าทำให้ใจเขาสั่นได้ ไม่ใช่ว่าชอบนางหอคณิกาหรือไร คนในสกุลของเขารู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่ไหนแต่ไรสกุลฟางคือสกุลนักรบ สละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องราชวงศ์ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไม่มีวันทำให้เขาก่อเกิดอาการไหวหวั่นได้ทั้งนั้น “กุนซือไหน ข้าไม่รู้จัก” เดี๋ยวแม่ด่าสามวันติดจนไอ้ที่แกร่งๆ นั่นหดจนไม่เหลือตอเลยนี่ อ๊ายยย !!! ลืมไปเลยว่าเขาไม่ได้สวมอะไรปกปิด ยืนคุยกันเป็นนานสองนาน นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร พอคิดได้บิดตัวหมุนหลบไม่กล้ามอง ‘ดาบ'’อดใจไม่จ้องมองมองรูปร่างกำยำน่ากินน่าลูบไล้ของเขา “เจ้า” ทำไขสือไม่รู้จักคนที่ส่งนางมาได้อย่างไรสาไถเสียจริง “ไม่ต้องเรียกแล้ว” หัวใจนางสั่นระรัว หันหน้าเข้าข้างฝา ปัดมือไล่เขาผู้มีดาบใหญ่กวัดแกว่งอยู่เบื้องหลัง ตัวนางร้อนผะผ่าว ให้ตายยืนคุยกับต้นไม้ใบหญ้าหรือไร เขาถึงได้ไม่สะท้าน น่าตายนัก ! “เจ้าสมควรดีใจที่ได้มองข้า คนอย่างข้าไม่เคยให้ใครได้มอง” ในแบบลึกล้ำไร้อาภรณ์เช่นนี้ เขาแอบนึกในใจ ไม่มีใครได้เห็นดาบของเขาเช่นนั้นหรือ นางตาโต รู้สึกตื่นเต้นไปกับคำพูดล่อแหลมจากเขา “ข้าเสียพรหมจรรย์ให้กับเจ้าแล้ว เห็นทีเจ้าต้องรับผิดชอบตัวข้า” เขาเย้าหยอกก่อนจะก้าวพรวดๆ ออกจากห้องอาบน้ำพร้อมกับตวัดเสื้อคลุมปิดบังร่างกาย “ข้าก็อยากกินท่านจนตัวข้าร้อนไปหมดเช่นกัน” เหมยเยี่ยนอิงพูดกับตัวเองเบาๆ เสียงเล็กไล่ตามหลังบุรุษองอาจที่ก้าวออกจากห้องอาบน้ำไป เขาอยู่ในท่าทางดุดัน ทิ้งความร้อนไว้กันนาง ทำเช่นนี้กับดาราดังอย่าง...หยกงามแห่งเอเชียได้เช่นไร ว่าแต่ตอนนี้นางยังอยู่ในฉาก หรืออยู่ในฝัน ก็ในเมื่อนางฝันถึงท่านแม่ทัพในบทหนังทุกค่ำคืน ฝ่ามือบางยกตบหน้าตัวเอง นางรู้สึกเจ็บ...เช่นนั้นไม่...ฝัน นี่นา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD