ดาบข้าให้ผู้ใดเห็นง่ายๆ กัน 2

1318 Words
“ข้าถูกแย่งเตียง” เขาตอบออกไปโดยไม่ทันได้คิด หรือแม่แต่หันไปมองคนถาม ใจหนุ่มเหม่อลอยไปถึงผู้ที่แย่งห้องนอนของเขา กระไรเขาสมควรโกรธนาง โยนนางออกจากห้อง เขากลับไม่ทำอย่างที่ควรเป็นตามวิสัย ตัวเองกลับต้องออกมาเดินชมสวน “กระไรนะขอรับ” พ่อบ้านเชื่อว่าตนฟังไม่ถนัด ตั้งแต่เขารับใช้ท่านแม่ทัพอยู่ในจวน ยังไม่เคยได้ยินประโยคคล้ายล้อเล่นจากบุรุษพูดน้อยผู้นี้สักครา นอกจากใบหน้านิ่งเฉย กับอาการไม่ใคร่ใส่ใจผู้อื่น แต่กลับดูแลปกป้องผู้อื่น กว่าชีวิตตัวเอง เขาก็ไม่เคยเห็นคนผู้นี้ชวนหัวกับใครทั้งสิ้น คำพูดเมื่อครู่นั้นคืออะไร “เอ้อ...อ้อ...ข้าเห็นว่าสวนนี้ก็งามดี จึงเดินออกมาชมสวนบ้าง เจ้าไม่คิดบ้างหรือไร ดอกไม้พวกนี้ ไม่มีคนชมความงาม มันจะเฉาตายเอา” บุรุษผู้ชาญศึกเดินอยู่บนสะพานไม้โค้ง มองลงไปด้านล่างคือบ่อปลา ปลามังกร ปลาหมอสีสามตัว แหวกว่ายวนอยู่กับกอบัวดอกสีขาว บ้างบาน บ้างตูม สายน้ำตกไหลเอื่อย นำพาซึ่งอารมณ์รื่นรมย์ มาสู่ผู้ที่ย่างก้าวเข้ามาในสวน บุรุษจับดาบอยู่บนหลังอาชาสง่างามในชุดนักรบเสื้อเกราะนมนามหลายปี เพิ่งตระหนักกับตาตัวเองยามนี้เองว่า หลังจวนแห่งนี้ช่างมีสถานที่รื่นรมย์ซุกซ่อนอยู่ เขาเดินทอดน่องไปตามสะพานไม้มุ่งสู่เบื้องหน้าคือศาลากลางสระบัว “เช่นนั้นหรือขอรับ” “หรือเจ้าคิดว่าอย่างไร” เขาเพิกเฉยต่อความงามเช่นนี้มานานเท่าไดแล้ว บุรุษแกร่งลอบคิด “เหล่าดอกโบตั๋น บรรดาปลาทั้งหลายเหล่านี้ คงดีใจที่นายท่านออกมาเชยชมพวกมันนะขอรับ” พ่อบ้านตู้ช่างรู้อยู่รู้พูด แม้รู้สึกขัดตาไปเสียหน่อยกับสิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตา เขาพร้อมคล้อยตามเจ้านาย ดีเสียอีกที่ได้มีโอกาสเห็นท่านแม่ทัพผ่อนคลายเสียบ้าง ทางสกุลฟางเองก็หมายมาดต้องการให้ท่านแม่ทัพแต่งภรรยา จะได้มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง สืบทอดตระกูลนักรบให้ยาวนานเป็นปึกแผ่น นายหญิงผู้เฒ่ายังพูดจากำชับต่อเขาเร่งให้ท่านแม่ทัพได้พบกับสตรีผู้เหมาะสมในเร็ววัน ยากตรงที่ว่าท่านไม่ทัพไม่ได้สนใจในสตรี ใฝ่เพียงการรบ การฝึกยุทธ์ทหาร ต่อให้ไม่มีสงครามก็ตามที เรื่องนี้พ่อบ้านตู้หนักใจอยู่มาก “นายหญิงผู้เฒ่าห่วงใยท่านแม่ทัพมากนะขอรับ” “ห่วงข้าเรื่องใด” “ขอรับ” “ข้าโตเป็นผู้ใหญ่ ดูแลตัวเองได้ ยังต้องห่วงอะไรข้าอีก” “ห่วงเรื่องรับภรรยาขอรับ” “เรื่องเดิม” “ขอรับนายท่าน นายหญิงผู้เฒ่าสั่งความแก่ข้าน้อยไว้ว่า หากปีนี้นายท่านไม่รับภรรยา ท่านว่าจะให้แม่สื่อจัดการขอรับ” “โธ่...ท่านย่าไม่เคยปล่อยข้าเรื่องนี้สักครา” “เร่งทำให้ท่านวางใจสิขอรับ” “เจ้าก็รู้ดีข้ารับใช้ราชสำนัก จะมีเวลาไปเสาะหาสตรีที่เหมาะสมได้ที่ไหนกัน” “แม่สื่ออย่างไรขอรับ...แม่สื่อ” “การที่ข้าจะมีภรรยา ไยต้องพึ่งพาแม่สื่อ” “อา...นายท่านไม่มีเวลาว่างเว้นจากงานในราชสำนัก ย่อมต้องพึ่งพาแม่สื่อสิขอรับถึงจะถูกต้อง” “ข้าไม่ชอบให้ผู้อื่นช่วยเฟ้นหาภรรยา การจะมีภรรยาก็ต้องหาเอง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าเรื่องนี้ไป หากมีเวลากลับไปบ้านสกุลฟาง ข้าฝากบอกท่านย่าด้วยว่า อย่าได้กังวลต่อเรื่องแต่งภรรยาของข้า” แต่งช้ากว่านี้สักสามสี่ปี ไม่เห็นจะเป็นอะไร มีทายาทช้ากว่านี้ย่อมไม่ได้ทำให้ขุนเขาต้องพังทลาย “ยามนี้ข้าควรจะได้ห้องคืน” บุรุษหนุ่มทรงสง่าหมุนตัวกลับมาทางพ่อบ้าน ที่ก้าวเดินตามหลัง จู่ๆ พูดขึ้นหนึ่งคำ พร้อมกับก้าวยาวๆ จากไป ปล่อยให้พ่อบ้านตู้ ผู้รับใช้เคียงกาย เป็นเขาที่สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างในจวนล้วนเรียบร้อย สะอาดสะอ้านไม่ผิดหูผิดตา ชายสูงวัยมองตามบุรุษด้วยแววตาไม่เข้าใจ ท่านแม่ทัพฟางเจี๋ยเกิงก้าวพรวดเข้าไปในห้องนอนของเขา น่าตายนักสตรีผู้ไร้สามัญสำนึก ยังคงยึดครองห้องนอน นอนสบายใจบนเตียงของเขา หากเป็นบุรุษอื่น หรือแม่แต่ท่านกุนซือด้วยแล้ว คงได้จัดการกับนาง ด้วยวิธีที่บุรุษพึงใช้กับสตรี หากแต่เขากลับคิดไม่ออกว่าควรจะจัดการกับนางด้วยวิธีใด ในเมื่อเขาเป็นบุรุษที่ไม่เคยลงมือกับสตรี ขึ้นชื่อว่าสตรีเขาก็ไม่คิดเฉียดใกล้ ท่านแม่ทัพเก่งกาจทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องสตรี...เรื่องสตรีพาเขามืดมนอับจนปัญญา ก้าวเท้าไปยืนดูนางที่ยังหลับใหล อาหารที่นางกินเข้าไปคงแน่นท้องจึงทำให้หลับสบาย ไร้มารยาทไม่รู้จักควรไม่ควร สตรีเช่นนางผู้นี้ก็มีด้วย ถ้าเขาเป็นคนที่กล้าลงมือกับสตรี ป่านนี้คงจัดการกับนางไปแล้ว “เจ้า...” เขาเรียกนางออกไปคำหนึ่ง หากเสียงที่เปล่งออไปช่างแผ่ว ไม่อาจทำให้นางตื่นได้ นางยังคงนิ่งเฉยอยู่ในนิทรา “ข้าควรทำเช่นไรกับเจ้า” เป็นนักรบผดุงความยุติธรรม ไม่เคยลงมือกับคนอ่อนแอกว่า ยิ่งเป็นสตรีด้วยแล้ว เขายิ่งอับจนความคิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาคิดได้ บุรุษหนุ่มนักรบไม่กล้าทำร้ายคน ยืนเพ่งมองสตรีหน้าตายผู้นี้ด้วยสองตา พลันมุมปากกระตุกยิ้มเหี้ยม สองมือยกขึ้นปลดเปลื้องเสื้อคลุมสีดำเสื้อด้านในอีกตัว เหลือเพียงอาภรณ์ข้างในสีขาว ดึงปิ่นหยกปักผมออกจากเกล้ามวยผม วางลงบนโต๊ะมุก ก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงเคียงข้างกับนาง ถ้านางกล้ายึดที่ของเขา เขาก็มีสิทธิ์นอนในที่ของตัวเองได้ มากกว่าจะปล่อยให้นางยึดครอง ความล้าความอิ่ม ทำให้นางหลับสนิท ทุกทีนางก็เป็นเช่นนี้ หลังจากเลิกกอง นางไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยสนใจโลกภายนอกบ้าน กินอิ่ม อาบน้ำ ตะกายขึ้นเตียงเข้านอน เชื่อว่าการนอนมากๆ จะทำให้ผิวพรรณ ใบหน้านางอ่อนเยาว์ดุจเด็กทารก การนอนของคล้ายคนไปหนึ่งชาติตื่นขึ้นในยามเช้า นางเชื่อว่าตัวเองเกิดชาติภพใหม่ มีพลังในการทำงานต่อ นางคิดเช่นนี้จึงทำให้นางเป็นหยกพันปีอยู่ได้ในวงการมายา ความสบายเมื่อคืนส่งผลให้คนนอนอิ่มเต็ม ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งแรกยามรู้สึกตัว สัมผัสได้ถึงความคับแน่นบนเตียง ขยับเคลื่อนกายพลิกไปทางไหน ดั่งว่ามีหมอนใบใหญ่กีดขวาง นางยกสองแขนที่เมื่อยขลบบิดไปมา แต่แล้วเรียวแขนดั่งลำเทียนของนางปัดไปโดนร่างคน ใช่ร่างคน นางรีบลืมตามองสิ่งที่แขนนางกระทบ ทีแรกตั้งใจจะร้องโวยวาย ทว่า...ร้องไปเพื่ออะไร ในเมื่อหนุ่มหล่อเหลา โฉมงาม ร่างกายกำยำ ซ้ำยังเป็นบุรุษที่นางชื่นชอบปรารถนาในตัวเขานอนเคียงข้าง ร้องโวยวายนับว่าเสียสติเต็มที “ข้า...เต็มใจให้ท่านกอด” นางพูดออกมาคำหนึ่งเพียงแผ่วๆ แต่ใบหน้านางนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จดจ้องมองแต่คนเคียงข้างไม่เคลื่อนไปมองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง นางคิดจะเอื้อมมือสัมผัสแก้มโฉมงาม เขาคือบุรุษเข้มแข็งที่มีความโฉมงาม นางแอบเรียกขานเขาเช่นนี้จะผิดหรือไม่ เพราะโฉมงามใช้กับสตรีแต่เขาคือบุรุษ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD