ดาบข้าให้ผู้ใดเห็นง่ายๆ กัน 1

1261 Words
เห็นท่าลังเลของนางบุรุษข้างขวาจึงต้องเร่งให้นางตัดสินใจ หวั่นว่าคุณชายลั่วจะจับพิรุธของเขาได้ เขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากไม่ต้องการให้นางไปจากข้างกาย ต่อให้ยังไม่รู้พื้นหลังของนาง เขาก็อยากเก็บนางไว้ “เจ้าลืมไปแล้วหรือไรเจ้าต้องรับผิดชอบข้า” เขากระซิบเป่าลมใส่ปลายติ่งหูนาง เพียงแค่ถูกลมกระซิบเหมยเยี่ยนอิง จึงได้รับรู้ถึงวิญญาณคล้ายจะลอยออกจากร่าง แม้เพียงลมหายใจจากเขาแผ่วเบา ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจนาง ไม่ต่างกับบทประพันธ์ที่นางเข้าฉากเป็นพระสนมเหยาเฟยผู้หลงรักท่านแม่ทัพ ข้างกายฮ่องเต้ ขนกายของนางลุกชันไปทั่วตัว เขากล่าวอะไร หมายความถึงสิ่งใด นางเพิ่งมาถึงสถานที่ไม่คุ้นเคย จะให้นางรับผิดชอบอะไรในตัวเขา วิปลาสไปแล้วชายผู้นี้ ตั้งใจหล่นลงมาไหมนั้นก็ไม่ ซ้ำนางเองยังเป็นผู้เจ็บ ไม่ใช่เขาเจ็บเสียเมื่อไร พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ต่อให้เขาไม่ชักชวน นางนั้นคิดจะยึดตัวเขาไว้เป็นที่พึ่ง ในเมื่อนางเหมือนนกไร้รัง เหมือนสุนัขไม่มีเจ้าของ เหมือนอาชาไม่มีคนขี่ เขายังคือคนที่นางเห็นเป็นคนแรกหลังจากถูกเปลือกกล้วยสามานนั้นพามาอยู่ตรงนี้ เปลือกกล้วยมรณะชัดๆ “ถ้าเจ้าไปอยู่กับข้า ข้าไม่เพียงแต่ไม่ให้เจ้าเป็นสาวใช้ แต่เจ้ายังจะเป็นฮูหยินของข้า” ท่านกุนซือยิ่งยั่วยุผู้นำทัพหนักเข้าไปอีก แม้ความจริงแล้วเขาไม่คิดรับสตรีนางใดเป็นภรรยาก็ตาม “เหอะ...ท่านกุนซือ ท่านมีอนุถึงสามนาง ท่านยังกล้ายกตำแหน่งฮูหยินให้นางเช่นนั้นหรือ” “อนุ...นี่หมายถึงเมียน้อยไหม นี่ท่านกุนซือมีเมีย เอ่อ...มีภรรยาแล้ว ซ้ำยังเจ้าชู้ร้ายกาจ มีอนุอีกหรือ” “ย่อมใช่อยู่แล้ว ท่านกุนซื่อลั่ว มีอนุถึงสามนาง ล้วนเป็นสาวงามแห้งแคว้นเจิ้งทั้งสิ้น” ที่นี่แคว้นเจิ้งหรือ เรื่องบ้าไปแล้วนี่นางทะลุเวลามาอยู่ยังแคว้นเจิ้ง นั่นคือเรื่องจริงหรือไร คนเราจะสามารถทะลุมิติมาได้จริงๆ หรือ แล้วถ้าไม่ใช่นางอยู่ที่ไหน ในเมื่อคนพวกนี้ต่างพูดเจ้า พูดข้าชัดเจนเช่นนี้ ย่อมใช่ ย่อมใช่ นางนึกถึงเรื่องราวในบทประพันธ์ หัวนางก็แทบแตกเป็นเสียงๆ นางย้อนอดีต นางทะลุมิติ ตอนไหนเมื่อใด หรือว่าตอนที่ลื่นเปลือกกล้วย แล้วรอบตัวนางปรากฏแสงวูบวาบเต็มสองตา เนื้อเรื่องในบทประพันธ์ล้วนอยู่ในช่วงสงครามการแตกแยก ชิงแผ่นดินผู้เป็นใหญ่แบ่งแยกเป็นเหล่า มีชนกลุ่มน้อยหลายชนเผ่า ซ้ำยังมีโจรภูเขา ซ้ำยังมีภาวะสงครามไม่หยุดหย่อนเพื่อแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงราชบัลลังก์จนวุ่นวาย เอาละสิเหมยเยี่ยนอิงตกที่นั่งลำบากแล้ว แท้ที่จริงแล้วนางหารู้ไม่ว่าช่วงระยะเวลาที่นางล่วงหล่นมาอยู่นี้ ได้สิ้นสงครามอยู่ในความสงบหลายปีเต็มที “ท่าน...ท่าน” กล้าเล่นงานข้าถึงเพียงนี้ เพื่อโฉมสะคราญในอาภรณ์สาวใช้ผู้นี้ เห็นทีเรื่องนี้ได้สนุกอีกยาว กุนซือลั่วคิดแต่หาเรื่องสนุกเล่นไปวันๆ “จริงหรือไม่เล่า ภรรยาของท่านผุดทั่วเมือง ทั่วเมืองซานซีมีสตรีนางใดไม่คลั่งท่านบ้าง หามีไม่” ได้ทีท่านแม่ทัพผู้นิ่งเฉยมากกว่ายุ่งเรื่องผู้อื่น กลับกล้าโต้แย้งยกเอาเรื่องอนุภรรยาของท่านกุนซือขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาเองย่อมรู้ดีเรื่องอนุภรรยาของคนข้างซ้าย เหมยเยี่ยนอิง มองหน้าชายทั้งสองโต้เถียงกัน เท่าที่ทราบมา บุรุษสมัยนี้มีภรรยามาก มีภรรยาเอกยังสามารถรับอนุภรรยาน้อยได้อีก หากฝ่ายหญิงพอใจ ซ้ำยังอยู่เรือนเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดกรณีหึงหวง อิจฉาริษยา ระหว่างภรรยาเอกกับอนุภรรยาทั้งหลายได้ขึ้นหรือ “แม่นางอย่าได้ใส่ใจต่อคำพูดหาความจริงไม่พบ เรื่องอนุภรรยาข้าอธิบายได้” เขาไม่เคยรับภรรยา เช่นเดียวกับท่านแม่ทัพ อนุเหล่านั้นล้วนเกิดขึ้นมาเอง ตามความคิดของพวกนาง เขาไม่ได้รับพวกนางเสียหน่อย “เอาล่ะท่าน...ข้าง่วงแล้ว” พอกินเสร็จนางพบว่าตนอยากจะนอน “พวกท่านออกไปก่อน รบกวนคนง่วงย่อมไม่มีดี” นางไล่คนหน้าตาเฉย ทั้งที่ไม่ใช่ห้องของตน นางถือดีเช่นไรกล้าไล่บุรุษทั้งสองออกจากห้อง ซ้ำยังผลักแผ่นหลังคนทั้งสองออกจากห้อง ก้าวพ้นประตูนางปิดประตูก้าวขึ้นเตียงหน้าตาไม่เดือดร้อน “เจ้า...! นั่นห้องนอนข้า” ท่านแม่ทัพตัวแข็งค้าง อ้าปากพูดไม่ออก “ท่านยกห้องนอนให้นางหรือ” ท่านกุนซือเห็นเป็นเรื่องประหลาด ไม่สนสตรี ไม่ใฝ่สตรี แต่กลับรับสตรีไม่รู้จักเข้ามาอยู่ในเรือน ซ้ำยังสละห้องนอนให้นาง กระไรกันท่านแม่ทัพ... “อย่าได้มองข้าเช่นนั้น” เสียท่าให้กับสตรีอ่อนแอได้เช่นไร ไม่สมเป็นแม่ทัพผู้หาญกล้า เขาต่อว่าตนเองอยู่ในใจ เห็นทีจักต้องสั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูง “ไม่อยากถูกข้าซัดแล้วละก็” พอเสียหน้าเขาคิดจะใช้กำลังกับคนเช่นบัณฑิตหน้าใส “ท่านกล้าโหดร้ายกับคนไร้วรยุทธ์เช่นข้าเชียวหรือ” ท่านแม่ทัพฟางคือบุรุษจับดาบผู้ผดุงคุณธรรม เข้มแข็งดั่งเขาเหลียงซาน จิตใจสะอาดพร้อมร่างกายสะอาด ไม่รังแกคนอ่อนแอกว่า บัณฑิตเช่นเขาไร้ซึ่งวรยุทธ์ใช้แต่เพียงปัญญา ย่อมอ่านใจชายผู้นี้ได้ถูกต้อง เนื่องจากอยู่ร่วมกรำศึกกันมานานนักหนา “ย่อมทำได้” หากคนผู้นี้ยังกล้ามองเขาด้วยสายตาราวกับล้อเล่น ทำท่าขึงขังยกฝ่ามือเตรียมซัดกุนซือเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อปากของท่านร้ายกว่าอาวุธใดๆ” คนผู้นี้ออกรบโดยไม่ได้ถือดาบจับอาวุธ กลับสามารถเอาชนะเหนือศัตรูได้ง่ายดาย เพียงยืนอยู่บนกำแพงเมืองเท่านั้น ลั่วปิงฉู่คลี่พัดขึ้นโบกไปมา ในท่าทีไม่ครั่นคร้ามต่อคำขู่จากนักรบรูปโฉมหล่อเหลา หากจะว่าท่านแม่ทัพโฉมงามนั้นย่อมไม่ผิด เขาก้าวออกทางประตู เดินผ่านรองแม่ทัพเติ้งเสี่ยวอวี้ ยกพัดฟาดหัวไหล่ทหารกล้าไปหนึ่งที ด้วยท่าทีอารมณ์สุนทรี ครานี้ได้มีเรื่องเล่นสนุกๆ ยามว่างเว้นจากการเป็นที่ปรึกษาให้กับฮ่องเต้แล้ว เขาผลิรอยยิ้มอยู่ในใจ ขบขันท่าทีนักรบหนุ่ม ใครกล้าคิดว่าคนผู้นั้นไม่ได้ให้ความสนใจโฉมสะคราญในอาภรณ์สาวใช้ แสร้งกล่าวหาเขาส่งสตรีมากลั่นแกล้ง ลูกไม้ตื้นๆ เกินไปท่านแม่ทัพ “นายท่าน ท่านมาทำอะไรตรงนี้ ไม่อยู่ในห้องหรือ” พ่อบ้านตู้กล่าวทักทายเจ้านาย มานั่งอยู่ในสวนชมดอกโบตั๋น ทั้งที่ควรอยู่ในห้องหับ ปกติแล้วท่านแม่ทัพมักอ่านตำรายุทธ์ ฝึกปรือตนเอง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นย่างกรายออกมาชมสวน เพื่อชมดอกไม้ หรือแม้แต่ดอกโบตั๋นที่ปลูกไว้นานล้วนล่วงหล่น กระไรปลูกมาหลายปีดีดัก ท่านแม่ทัพเพิ่งจะสนใจยลโฉมดอกไม้งาม หากเป็นท่านกุนซือ เขาจะไม่เคลือบแคลงเลยสักนิด นี่เป็นท่านแม่ทัพผู้ไม่เคยมีรอยยิ้ม หรือแม่แต่ความสุนทรีประดับดวงหน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD