“ท่านทั้งรูปงาม ดูภายนอกคงจะชาญฉลาด แต่กลับพูดจาไร้สาระ” ที่พูดมากๆ เช่นนี้เห็นมีแต่ผู้จัดการส่วนตัวของนางอวี้หลิน วันๆ พูดไม่ยอมหยุด สั่งให้หยุดก็หยุดได้ไม่เกินหนึ่งนาทีกลัวน้ำลายบูด ก็พูดอีกจนนางต้องหาทางออกไปจากบ้าน เพื่อจะได้ปราศจากเสียงพูดๆๆ เที่ยวเอางานมายัดให้นางจนหาเวลาพักผ่อนนอนได้ยาก
ทีแรกกุนซือจะเผยรอยยิ้ม ได้ยินนางเอ่ยชม แต่กลับต้องหุบยิ้มฉับในคำสุดท้ายของนาง พูดเสร็จนางเชิดหน้าคอตั้งตรง รออาหารชุดที่สอง พออาหารมานางกินไม่มองผู้ใด
นางกินมูมมามไร้มารยาท ทว่าบุรุษทั้งสองกลับมองการกินของนาง เต็มไปด้วยอาการใจสั่น ท่านแม่ทัพผู้ไม่เคยชายตาดุดันขึงขังมองสตรี หากว่าการกินของนางกลับสะกดสายตาเขาให้มองในจังหวะความเพลิดเพลิน ไม่ว่าท่านแม่ทัพท่านกุนซือ ต่างมองการดื่มกินของนางราวต้องมนตร์
ต่อให้นางไร้มารยาท ต่างไปจากมารยาทงามของสตรีที่ควรจะเป็น หากแต่ความสะคราญความโฉมงาม บนใบหน้าเนียนขาวดั่งหิมะ ท่วงท่าของนางนั้นดุจดอกโบตั๋นเริงร่ายามลมพัด ความเป็นไปของนาง ปุกปั่นหัวใจบุรุษแข็งแกร่งล่ำสันทั้งสอง เพลินใจมองไม่รู้เบื่อหน่าย ลืมตัวด้วยซ้ำได้แอบกลืนน้ำลายกี่อึก
กินของหมดชามนางเลอเสียงดัง เหมยเยี่ยนอิงไม่เคยรักษาภาพหากนางไม่ได้อยู่ต่อหน้าสื่อ เนื้อแท้ของนางช่างเป็นคนเรียบง่าย ไร้กรอบประเพณี กระไรเล่าในเมื่ออึดอัดต่อการสร้างภาพให้เป็นสาวงามดูดี โดดเด่นในวงสังคม พอได้อยู่ในที่รโหฐานจำเป็นต้องรักษามารยาทไปเพื่ออะไร
“เอิ้กกก” นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเหมยเยี่ยนอิงลับหลังสื่อ ไร้สายตาผู้คนที่อาจเอาข่าว เอาภาพนางไปเขียน ต่อให้มีบุรุษงามสง่าตรงหน้าถึงสองคน ใครจะปิดอาการกินอาหารอิ่มเต็มท้องได้เล่า หิวก็ต้องกิน อิ่มก็ต้องเลอ ตามปุถุชนไหม ในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักว่านางเป็นใครเสียหน่อยไยต้องใส่ใจ
“เจ้า...น่าตายนัก” ท่านกุนซือผู้เป็นคุณชายสกุลคหบดี พบเจอแต่สตรีอ่อนช้อยงดงาม เยี่ยมยอดมารยาท ไฉนสตรีโฉมสะคราญนางนี้จึงได้...ได้...เขาพูดไม่ออกได้แต่บ่นงึมงำอยู่ในใจ หากแต่ในความไร้มารยาทของนาง กลับทำให้เขาหัวใจหวั่นไหวนึกอยากเก็บนางไว้ใกล้ตัว
ท่านแม่ทัพถึงกับเผลอจับจ้อง กิริยาไม่งามของนางคล้ายคนสติวิปลาส กระไรเขากลับไม่ระเบิดโทสะกับนาง ใช่สินะ ในชีวิตเขาล้วนพบเจอแต่ทหาร ดาบ อาวุธ วรยุทธ์ แล้วก็สตรีเข้มแข็งเท่าชาย ครั้นมาพบโฉมงามตะลึงลาน ตั้งแต่เห็นโฉมหน้านาง พานนึกโกรธเชื่อว่าท่านกุนซือกลั่นแกล้ง เพื่อความรื่นรมย์เท่านั้น
แม้รู้สึกเช่นนั้นกลับไม่ได้โกรธขึ้งมากมายเท่าที่ควรโกรธ เขากลับใจเย็นไล่ต้อนนางในห้องอาบน้ำ คนเช่นเขาเคยปฏิบัติไล่ต้อนสตรีเสียเมื่อไรกัน ยอมใจเย็นนั่งดูนางกินอาหารของเขาจนหมดเกลี้ยงถึงสองรอบ ซ้ำสิ่งที่นางกระทำสาวงาม ผู้ได้รับการอบรมมาดีมีหรือกล้าทำตัวเช่นนาง
“เจ้าจะกลับกับข้าได้หรือยังแม่นาง” ปราชญ์รูปงามเอ่ยกับนาง ราวกับนางเป็นคนของเขา ท่านแม่ทัพได้ยินถึงกับถลึงตาตวัดหันไปมองคนหน้าด้าน
“ท่านผู้นี้คือ” นางคล้ายลืมเลือน ที่แท้นางไม่ได้สนใจบุรุษทั้งสองเลยต่างหาก สิ่งที่นางสนในตอนนั้น มีเพียงของกินตรงหน้า ชีวิตนางในโลกของนางผู้ชายหล่อล้วนมีมาก นางไม่ใคร่ได้ใส่ใจ หากแต่...นางหลงใหลท่านแม่ทัพในบทประพันธ์จนอยากพบตัวจริงของเขา แหม...นั่นผู้กำกับกลับเลือกตัวแสดงในบทท่านแม่ทัพได้ดีเยี่ยม แต่...ความจริงคนที่แสดงบทท่านแม่ทัพเป็นเพศทางเลือก พยามเก๊กหน้าให้เข้มแข็งดุดัน พอออกจากฉากคนผู้นั้นก็ตุ้งติ้ง มีคู่ขามาคอยเอาใจ อย่างนี้น่าเพ้อฝันตรงไหน สู้คนเบื้องหน้าไม่ได้ การอยู่ในความฝันดีกว่าก้าวออกมาพับกับความจริง แสนปวดร้าว
นางกำลังพาตัวเองหลงอยู่ในบท ตามจินตนาการของนางเพียงผู้เดียว ค่ำคืนทิ้งหัวลงหมอน กอดตุ๊กตาตัวโปรดปราน ก็ได้แต่เพ้อฝันถึงท่านแม่ทัพผู้สง่างามเพียงเท่านี้ ในชีวิตจริง ในบทบาทการแสดงช่างต่อลมหายใจของนางได้
นางสืบเท้าไปทางท่านแม่ทัพในชุดคลุมสีดำ สำรวจรูปร่างเขา ไม่ว่ามีสิ่งห่อหุ้ม หรือไม่มี ล้วนงามสง่า ตรึงตรา จับหัวใจนาง พอไปยืนตรงหน้าเขา นางกลายเป็นคนตัวจ้อยร่อย
“ท่านต้องการให้ข้าอยู่หรือข้าไป” อิ่มแล้วคิดการณ์ได้
คิ้วท่านแม่ทัพย่นขมวดมุ่น ตรงข้ามกับหัวใจเต้นระรัวราวกลองศึกกับคำพูดจากปากนาง นาง นาง เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ยั่วยวนเขาด้วยสายตาชะม้าย เหมยเยี่ยนอิงได้กล้าถามออกไปเช่นนั้น นางเฝ้าคำตอบ
“พอดี...จวนข้าขาดสาวใช้ เจ้าอยู่ก็ต้องทำงานแลกกับอาหารพร้อมที่ซุกหัวนอน” เขาไม่เคยตอบอะไรตรงๆ เลยสักครา
“นั่นคือคำตอบของท่านหรือ” นางจะถือเสียว่าเขาอยากให้นางอยู่ ต่อให้คำตอบไม่ตรงใจ อย่างที่นางต้องการคำอ้อนวอน คำหว่านล้อม อย่าไป...อย่าไป โปรดอยู่กับข้า ข้าต้องการเจ้าก็เถอะ นางยังอยากอยู่กับเขาอยู่ดี
“กระไร จวนท่านมีสาวใช้ทำหน้าที่ครบครัน ไยต้องรั้งนางไว้” ท่านกุนซือหลุดปากออกมาคำหนึ่ง เห็นได้ชัดต่อให้หลบเลี่ยงไม่ตอบนางตามตรง ย่อมเข้าใจว่าท่านแม่ทัพฟางต้องการนาง แต่ไหนแต่ไรชายผู้นำทัพอันเก่งกาจไร้พ่ายผู้นี้ เคยต้องการเข้าใกล้สตรีซะที่ไหน เรื่องราวแปลกใหม่ชักสนุกซะแล้ว ถ้าเรื่องแบบนี้รู้ถึงพระกรรณฮ่องเต้ เชื่อว่าสนุกกว่านี้เป็นสองเท่า
“ในเมื่อ...ท่านพูดเอง นางไม่ใช่คนของท่าน ข้าจะให้นางเป็นสาวใช้ที่จวนข้า จะผิดอะไรหรือท่านกล้าขัด” ท่านแม่ทัพกล่าวอาจหาญ
“ถ้า...ข้าจะไปกับบุรุษผู้นี้ล่ะ” นางกล่าวชม้อยชายตาไปทางชายชุดขาว หน้าอ่อนหวาน ขาวสะอาด
“เจ้าอย่าลืมสิ เจ้ากินอาหารจวนข้า ดังนั้นเจ้าเป็นหนี้ข้า ย่อมต้องอยู่ชดใช้ค่าอาหาร บุญคุณนั้นตระหนักหรือไม่” ไม่กล้ากล่าวชวนตรงๆ จึงยกเอาบุญคุณอาหารมากล่าวอ้าง เพื่อรั้งนางไว้
“เช่นนั้นข้าจักจ่ายค่าอาหารที่นางกินแทนเอง จากนั้นข้าย่อมพาตัวไปได้สินะ” เรื่องโยกโย้ไม่กล้ายอมรับตัวเอง ย่อมยกให้ท่านแม่ทัพ ท่านกุนซือตาแหลมฉลาดปราดเปรื่องหูตาไวดูออก คนผู้นี้รู้สึกเช่นไรต่อนางผู้แปลกประหลาดใครกล้าดูไม่ออก
นึกอยากให้ฮ่องเต้มาเห็นท่าทางร้อนรน ไม่สุขุมของท่านแม่ทัพเคียงใจผู้นี้เสียจริง ท่าทางองอาจห้าวไม่ครั่นคร้ามต่อสายตาสตรี นั้นหายไปไหนหมดสิ้น เหลือแต่ความกลัวเสียนางไป กุนซือเจ้าสำราญลอบยิ้มขบขันอยู่ลึกๆ