Chapter 4
กรงสวาท (1)
เวลาผ่านไปนับเดือน หลังจากไปตระเวนสมัครงานทิ้งไว้หลาย ๆ บริษัท บุษบากรก็ยังไม่ได้งานทำ คุณสมบัติอื่นนั้นผ่านหมด ได้เข้าไปถึงรอบสอบสัมภาษณ์ แต่เมื่อผลตรวจสุขภาพฟ้องว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์ ก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานสักแห่งเดียว
มันคือธุรกิจ ไม่มีใครเห็นใจปัญหาชีวิตของคนไม่รู้จัก จนหล่อนเริ่มจะท้อกับชีวิต แต่เมื่อนึกถึงอนาคตกับอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ หล่อนจึงบอกตัวเองทุกวัน ต้องมีสักวันที่โอกาสจะเป็นของเธอบ้าง
เป็นอีกวันที่บุษบากรไม่อยากกลับเข้าบ้าน อยากหลบหน้าจอมทัพ หล่อนจึงนัดเพื่อนที่คบมาตั้งแต่สมัยเรียนเพื่อมาหาอะไรทาน...ชัยกร และแน่นอน เขาตอบรับคำชวนทันที เพราะเขาเองก็มีเรื่องราวมากมายอยากเล่าสู่กันฟัง
ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง เวลาช่วงค่ำลูกค้าค่อนข้างหนาตาเพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงาน...เสียงสนทนาที่มาพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ดังแข่งอยู่กับเสียงลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ในร้าน ไม่มีใครสนใจใคร เพราะเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายของทุกคน
ภายใต้รอยยิ้ม บุษบากรลอบถอนหายใจ...และนี่คือเหตุผลที่ชวนชัยกรมาทานข้าว
"ดาวถามอะไรหน่อยสิ ตอนนี้คุณแม่ของกรณ์ยังเปิดร้านขายขนมอยู่หรือเปล่า"
"ยังเปิดอยู่ ว่าง ๆ ก็ไปนั่งเล่นที่ร้านสิ ไปกินขนมฝีมือคุณแม่"
"แล้ว...คุณแม่อยากมีลูกจ้างเพิ่มมั้ยกรณ์"
ชัยกรชะงักมือที่กำลังตักอาหารเข้าปาก เขามองหน้าคนถามอย่างสงสัย
"ถามแบบนี้ จะไปสมัครเป็นลูกจ้างเหรอ"
ชายหนุ่มแซวเล่น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจัง
“ใช่ ดาวอยากไปทำงานที่ร้านขนม บอกคุณแม่ให้หน่อยได้ไหม ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ได้เงิน"
"ดาว..."
เขาสบกับแววตายาวรีที่มองมาอย่างขอความเห็นใจ สัมผัสได้ ใบหน้าของหล่อนดูเศร้าลงไปจากวันวาน เหมือนคนไร้ซึ่งความสุขในชีวิต...เขาไม่อยากคิด หรือเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น คนที่หนีไปแต่งงานทั้งที่ตอนแรกเขาคิดว่าบุษบากรกับจอมทัพมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน
เขาไม่รู้ลึกไปกว่านั้นเรื่องสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความเข้าใจผิดเรื่องของเขากับบุษบากรหรือไม่ ก็เลยทำให้จอมทัพหันไปแต่งงานกับพี่สาวของหล่อนแทน
"งานมีเยอะแยะ เกียรตินิยมแบบดาว ใคร ๆ ก็น่าจะอยากได้ตัวไปร่วมงาน แต่จะมาเป็นลูกจ้างร้านขนมเล็ก ๆ เนี่ยนะ"
บุษบากรยิ้มเฝื่อน ยามนี้หล่อนเข้าตาจนแล้วจริง ๆ
คิดเอาไว้ หากได้งานทำแล้วมีรายได้เข้ามา หล่อนจะออกไปอยู่ข้างนอก แต่ตอนนี้คงต้องจำทน อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับจอมทัพไปก่อน
"เอ่อ...พอดียังไม่อยากทำงานแบบจริงจังน่ะ อยากหาประสบการณ์ก่อน แล้วก็อยากทำงานร้านขนมมานานแล้ว เผื่อจะได้เทคนิคดี ๆ เอาไว้เผื่อเปิดร้านบ้างไง"
ชัยกรไม่เข้าใจความคิดนั้น หากแต่เขาไม่อยากก้าวก่ายชีวิตของเพื่อนมากนัก เขาจึงพยักหน้ารับตามคำร้องขอ
"เดี๋ยวกรณ์จะถามคุณแม่ให้นะ"
"ขอบใจนะ"
หล่อนคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นคนรู้จักกัน มารดาของเขาคงพูดไม่ยาก หากชัยกรจะฝากหล่อนให้ทำงาน ได้แต่หวังเอาไว้ลึก ๆ
หากแต่ก็ยิ้มอยู่ได้ไม่นาน...เหมือนเขามีคนคอยรายงานความเคลื่อนไหว เมื่อจู่ ๆ คนที่ไม่อยากเจอก็โผล่มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
หล่อนมองเขาอย่างงุนงง เพราะเขาไม่เคยเลิกงานเร็วแบบนี้ หรือบางทีอาจมาพบลูกค้าข้างนอก หญิงสาวคิดไปเรื่อยเปื่อย ทำตัวไม่ถูกกับสายตาที่จับจ้อง เหมือนทั้งโกรธทั้งหึงหวง ไม่เข้าใจอารมณ์คนมอง
แต่ก็ไม่อยากรู้หรอกเขามาได้อย่างไร อยากรู้แค่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
ด้านชัยกรยิ้มเฝื่อน...เขารู้ดี จอมทัพไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่นัก เหตุเพราะสนิทสนมกับบุษบากรมากไป ชายหนุ่มปั้นหน้าไม่ถูก เมื่อยิ้มให้พร้อมกล่าวสวัสดีทักทาย แต่ได้รับเพียงหน้าบอกบุญไม่รับกลับมา
"อร่อยมั้ยเพียงดาว อาหารมื้อนี้"
บุษบากรมองหน้าคนถามแต่ไม่ตอบ แววตาของเขาสื่อให้รู้ว่า หากไม่ลุกตอนนี้มีเรื่องแน่นอน
"กลับบ้าน เดี๋ยวนี้!"
เสียงเข่นรอดไรฟัน เขาคว้าแขนคนที่นั่งตัวแข็งขึ้นมา ออกแรงกระตุกเพื่อให้ลุกเดินตาม
"ดาว...ไปเถอะ กลับก่อน"
ชัยกรไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย กลัวว่าคนจะมองกันทั้งร้านด้วยความตื่นตกใจ เขาจึงสบตากับเพื่อนอย่างรู้กัน ก่อนที่หล่อนจะถูกลากออกไปให้คนมองเล่น ๆ
บุษบากรจำต้องรักษาหน้าเพื่อน หล่อนจำใจลุกขึ้นมาแล้วให้จอมบงการออกแรงบังคับให้เดินออกนอกร้าน...เมื่อเดินไปตามทาง หล่อนพยายามขัดขืน
"ดาวขอกลับเองนะคะ"
"เธอจะได้ย้อนไปหามันน่ะสิ!"
เขายิ่งกำข้อมือเล็กเอาไว้จนแน่นมากขึ้น ก้าวเดินเร็วๆ ไปยังทางที่พาไปสู่ลานจอดรถ...จนเมื่อมาถึงรถที่จอดไว้ หล่อนก็ยังคงยืนกราน
"บอกว่าจะกลับเองไงคะ"
"เธอนัดกันจะไปต่อที่ไหนเหรอ บ้านช่องถึงไม่ยอม
กลับ ที่เธอออกจากบ้านทุกวัน ก็เพราะเอาเวลามากินเที่ยวอยู่กับมันใช่มั้ย!"
"แล้วแต่พี่จอมจะคิด เพราะดาวไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้แล้ว!"
“ก็ใช่ไง เพราะเธอมันเสียไปแล้ว และแทนที่จะคิดช่วยเหลือทางบ้าน แต่เธอกลับเลือกหาความสุขใส่ตัว!"
"ก็ทำอยู่นี่ไงคะ!"
หล่อนเริ่มเสียงดัง หยาดน้ำตาแห่งความอัดอั้นไหลรินเป็นสาย...เกลียดตัวเองยิ่งนัก ที่ทำเข้มแข็งต่อหน้าคนใจร้ายไม่ได้สักที
"บีบน้ำตาเข้าไปเถอะ ยังไงเธอก็เป็นได้แค่เมียเก็บ เพียงดาว!"
"ไม่ใช่! ดาวไม่ใช่เมียเก็บใครทั้งนั้น!"
"พี่จะทำให้มันใช่! และถ้าเธอยังไม่เลิกคบกับมัน สักวันมันโดนดีแน่"
"เพื่ออะไรคะ! เพื่ออะไร…ในเมื่อพี่จอมได้ตัดสินทุกอย่างลงไปแล้ว พี่จอมทำลายความรักของเราลงกับมือ พี่จอมเป็นฝ่ายทิ้งดาวก่อน แล้วจะทำแบบนี้เพื่ออะไร ฮือ ๆ"
"ทิ้งเธองั้นเหรอ แล้วใคร…ใครที่มันหักหลังไอ้โง่คนนี้ก่อนกัน!"
เขาตวาดจนหล่อนสะดุ้ง ได้แต่ยืนสะอื้นร่ำไห้ กลัวกับแววตาที่จับจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อ จึงไม่กล้าต่อปากต่อคำอะไรอีก
"ตอบมา เงียบทำไม!"
หล่อนเหนื่อยเหลือเกิน ไม่อยากต่อกรอะไรกับเขาอีกแล้ว ไม่อยากอธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็แต่งงานไปแล้ว
"ขอร้อง ปล่อยดาวไป ต่างคนต่างอยู่ได้ไหม อย่ามาวุ่นวายกันอีกเลย"
หล่อนอ้อนวอนทั้งน้ำตา หากแต่เขาไม่เห็นใจ เปิดประตูแล้วอาศัยแรงช้างม้าดันคนที่สะอื้นเสียใจเข้าไปในรถ ปิดประตูขังไว้แล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ น้ำคำบาดลึกทำให้บุษบากรไม่ขอทน หล่อนอาศัยจังหวะนั้นเปิดประตูแล้ววิ่งหนีกลับเข้าไปข้างใน
หากยอมไปกับเขา ถ้าไม่ไปจบที่คอนโด ก็คงต้องเป็นโรงแรมสักแห่ง ไม่อยากปล่อยให้ความสัมพันธ์ถลำลึกไปกว่านี้อีกแล้ว
"เพียงดาว! กลับมา เดี๋ยวนี้!"
หล่อนไม่ใช่คนพูดง่ายสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว...ช่วงเวลาชุลมุน จอมทัพก้าวเดินเร็ว ๆ ตามหล่อนกลับไปทางเก่า แววตาคมกล้าจับจ้องมองร่างที่อยู่ตรงหน้าพลางขบกรามแน่น เขายิ่งเร่งฝีเท้าเพื่อให้ตามทัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะหนีเขาไปได้สักกี่น้ำ
และคราวนี้เขาจะไม่พลาด หากลากหล่อนกลับมาได้อีกครั้ง…
ที่หน้าห้องน้ำ จอมทัพยืนรอคนที่หนีเขาไปข้างในด้วยใจที่ร้อนรุ่ม กระสับกระส่ายดูเวลาสลับกับเดินพล่านไปมา...คิดไปพร้อมกัน เขาคงบ้าไปแล้วที่ตามหึงหวงหล่อนซึ่งยามนี้มีสถานะเป็นน้องเมียเต็มตัว เหมือนห้วงอเวจีแสนหวาน รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่คิดหักห้ามใจ
แต่...หล่อนเคยเป็นของเขามาก่อน อะไรที่เป็นของเขาก็ถือว่ายังเป็น ถึงอย่างไรเขาก็ครอบครองทั้งตัวและหัวใจของคนที่เคยหักหลัง แม้หล่อนจะทำผิดต่อเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากจะให้เลิกยุ่งเกี่ยวเขาทำไม่ได้จริง ๆ
'ชักจะอวดดีเกินไปแล้วนะ เพียงดาว!'
พฤติกรรมของหล่อนยิ่งตอกย้ำความเชื่อในใจ กับเพื่อนคนนั้น ต้องเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา มันไม่ใช่ความผิดพลาดแต่คือความจงใจ หล่อนทำมันลงไปเพราะไม่รู้จักพอ ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มกับผู้หญิงหลายใจ เมื่อความทรงจำในอดีตหวนคืน เขาก็กระตุกยิ้มหยัน หล่อนมีค่าแค่ไหนที่ทำให้เขาวิ่งตาม
และเขาคิดว่าหล่อนไม่มีค่าขนาดนั้น เขาไม่ควรเอาเวลามาเสียไปกับคนที่เคยหักหลัง ชายหนุ่มจึงยอมล่าถอย เดินกลับไปยังลานจอดรถอีกครั้งเพื่อกลับบ้าน...บ้านที่มีใครอีกคนรออยู่
เหตุใดจึงต้องแคร์ เมื่อเขากำลังจะมีครอบครัวแสนอบอุ่น มีลูกที่น่ารัก ส่วนบุษบากร...หล่อนจะไปขึ้นช้างลงมาที่ไหนก็ช่าง เขาจะไม่สนใจหล่อนอีกต่อไปแล้ว
ตลอดเส้นทางที่ขับรถกลับบ้าน...เขาพยายามบอกตัวเอง เพราะเขารักคคนางค์จึงเลือกหล่อนมาเป็นแม่ของลูก หาใช่ต้องการประชดประชันเอาคืนให้ใครต้องเจ็บปวดจากการกระทำในครั้งนี้