Chapter​ 3 สายใยแห่งรัก​

1627 Words
Chapter​ 3 สายใยแห่งรัก​ "ก็เพราะคุณมันโง่กว่าเพื่อน​ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกยักย้ายสินทรัพย์ดีออกไปหมดแล้ว​ ปล่อยให้คนที่เหลืออยู่กับบริษัทที่จะเจ๊งอยู่รอมร่อ!" "หยุด! แค่นี้ก็เครียดมากพอแล้ว" "แล้วลูกเขยคุณเขาว่ายังไง​ สรุปจะช่วยมั้ย!" "ไม่! ไม่รู้โว้ย!" เสียงทะเลาะกันแต่เช้าตรู่ดังแว่วมาจากห้องรับประ ทานอาหาร...บุษบากรยืนแอบอยู่ในมุมอับ​ บรรยากาศแบบนี้หล่อนต้องเผชิญมานานหลายเดือน​ ปัญหาเดิม​ ๆ​ ที่บิดามารดายกมาถกเถียงกัน ท่านคงไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังจะให้ช่วย​ เขาเองก็มีปัญหาภายในที่ต้องตามสะสางเช่นกัน​ ทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในการถือครองเกาะ​ รวมทั้งผลประโยชน์จากเกาะรังนก​ เขาคงไม่สะดวกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยใครเวลานี้ แล้วหล่อนซึ่งเพิ่งเรียนจบ​ จะมีปัญญาไปกอบกู้อะไรได้​ ประสบการณ์ก็ไม่มี​ คงไม่ริอาจไปต่อกรกับคนที่อยู่มานานจนเขี้ยวเล็บแหลมคม​ มีอยู่ทางเดียวที่จะทำให้บ้านมีรายได้เพิ่ม​ นั่นคือการรีบออกไปหางานทำให้เร็วที่สุด แต่...จะมีที่ไหนรับ​ หากผลการตรวจเลือดฟ้องว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์ แค่คิดแววตาคู่สวยก็หมองเศร้าลงทันที​ คิดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ​ ทำไมโลกช่างโหดร้ายกับหล่อนเช่นนี้ ส่งชีวิตน้อย​ ๆ​ มาเกิดในยามที่ปัญหาชีวิตกำลังรุมเร้า​ ทั้งเรื่องหนี้สินของทางบ้าน​ งานที่หาได้ยาก​ ซ้ำร้าย...พ่อของลูกยังหนีไปแต่งงาน​ ทุกอย่างประเดประดังจนเซซวนรวนเร​ ดั่งเรือลำน้อยที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลหาทางเข้าฝั่งไม่เจอ วินาทีนี้หล่อนนึกถึงคน​ ๆ​ หนึ่ง​ หากบากหน้าไปขอความช่วยเหลือเธออาจจะรีบยื่นมือช่วย​ แต่อีกฝ่ายนั้นอยู่ไกลถึงเชียงใหม่...และแน่นอน​ ทุกคนจะต้องถามว่าเด็กในท้องลูกใคร คล้ายกับชีวิตที่เพิ่งก่อเกิดจะรับรู้ว่าแม่ของเขากำลังทรมานตัวเอง​ ​จึงส่งสัญญาณเตือนทำให้เริ่มปวดแสบท้อง​ หากจะสู้ไปด้วยกันก็ควรวางทุกอย่างลงก่อน​ ควรรีบไปที่ห้องครัวเพื่อเติมพลังชีวิตให้มีแรงสู้ต่อไป แต่...บรรยากาศตรงนั้นไม่ดี​เอาเสีย หล่อนจึงเปลี่ยนใจที่จะไปทานมื้อเช้าข้างนอก​ ​วันนี้​หล่อนตั้งใจจะไปฝากครรภ์​ ส่วนจะหาทางบอกทางบ้านอย่างไรนั้นยังนึกไม่ออก​ แต่ก็คงปิดได้อีกไม่นาน​ เมื่อถึงวันนั้นความจริงจะต้องฟ้องออกมาตามอายุครรภ์ "อ๊ะ!" ต้องตกใจเมื่อหันหลังกลับแล้วชนกับร่างที่ยืนขวางเอาไว้...คนที่หล่อนไม่พร้อมจะเผชิญหน้า​ เขามาตั้งแต่เมื่อ ไหร่นั้นไม่อาจคาดเดา "พี่จอม..." ได้กลิ่นหอมจาง​ ๆ ลอยกรุ่น...กลิ่นอันแสนคุ้นเคยแต่ยามนี้เขาคือคนที่ควรถอยห่าง​ แต่น่าแปลก...ทำไมวันนี้เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกคลื่นเ**ยนอยากอาเจียน​ กลิ่นกายของเขากำลังทำให้โลกหมุน​คว้างจนอยากทิ้งตัว "อะ อุ๊บ!" หล่อนยกมือปิดปากเมื่อรู้สึกว่าของเหลวกำลังตีตื้นคลื่นเ**ยน​ วิ่งชนไหล่กว้างไปยังทิศทางที่พาไปสู่ห้องน้ำ​ ท่ามกลางสายตาที่มองตาม...ในความชิงชังคล้ายกับเจือความห่วงหาอาทร และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตอแย​ เปลี่ยนทิศทางเดินตามหล่อนไปถึงห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง...ในนั้น...เสียงอาเจียนดังออกมาถึงข้างนอก​ แผงคิ้วเข้มขมวดจนแทบชิดติดกัน​ เมื่อคนในนั้นยังคงไม่ออกมา เมื่อทนไม่ไหว​ เพราะความอยากรู้ทำให้มือเอื้อมไปผลักบานประตู...เขาเห็นบุษบากรกำลังโก่งคออาเจียนอยู่ตรงอ่างล้างมือ บุษบากรวักน้ำบ้วนปากและล้างมือ​ ก่อนจะทาบมือลงบนท้องที่รู้สึกเจ็บจากอาการเกร็งตอนอาเจียน...ไม่เคยทรมานเท่าครั้งไหนที่เคยพานพบ​ มันทั้งเวียนหัวทั้งคลื่น เ**ยนจนอยากทิ้งตัวลงนอน ".....!" และคนที่ยืนขวางอยู่หน้าห้องน้ำตอนหล่อนกำลังจะออกไป​ ก็ทำให้แววตาฉายแววหลุกหลิก​ตามประสาคนมีความลับซ่อนหลบ​ หลุบตาหนีแววตาคมกล้าที่จับจ้อง ยิ่งหนียิ่งไม่พ้น​ หล่อนกำลังคิดว่าทางที่ดี​ ควรพาตัวเองไปจากบ้านหลังนี้เพื่อตัดปัญหา "เป็นอะไร" เขาถามจนเกือบกระซิบ​ ไม่วายมองซ้ายมองขวา​ ราวกับว่ากำลังแอบทำความผิดจนต้องซ่อนหลบ "ปะ เปล่า​ เปล่าค่ะ​ ไม่ได้เป็นอะไร" หล่อนพยายามที่จะเดินหนี​ หากแต่เขากลับขวางเอาไว้ไม่ให้เดินออกไปได้...ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว​ กลัวเหลือเกิน​ กลัวเขาจะทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์​ มันคือตราบาปติดอยู่ในใจหล่อนมาจนถึงวันนี้ เขาเก็บหล่อนไว้เป็นที่ระบายอารมณ์​ เหมือนของเล่น...เช่นที่เขากระทำแม้กระทั่งกำลังจะแต่งงาน​ สัมพันธ์รักต้องห้ามก่อเกิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่หล่อนเองก็ไม่ได้ตั้งใจ แม้จะรู้ว่าผิดที่ไม่คิดห้ามใจจนพลาดพลั้งตั้งครรภ์...หากแต่ให้คิดทำลายชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หล่อนก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน เมื่อยอมจำนน​ จึงมองเขาด้วยแววตาเว้าวอน​ขอให้เห็นใจคนแพ้พ่าย สื่อให้รู้ว่าอย่ามายุ่งกันอีกเลย "พี่จอมควรปล่อยดาวไปเสียที​ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ" ในขณะที่น้ำตาของหล่อนคลอขัง​ เขากลับยกยิ้มมุมปากราวตกอยู่คนละห้วงอารมณ์ ปล่อยผ่านคำร้องขอนั้น​ ให้สูญสลายหายไปใน อากาศ​ โดยไม่เข้าโสตประสาทแต่อย่างใด "ในขณะที่รู้ว่าไม่สบาย​ แต่เธอก็ยังจะไป​ จะออกไปไหน​ ไปหาชู้รักของเธอใช่ไหม!" ป่วยการที่จะอธิบาย​ แน่นอน...เขาต้องไม่ฟัง หล่อนจึงคิดว่าการเงียบคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งไม่หยุด กรงอุ้งมือขยุ้มลงบนไหล่แบบบางทั้งสองข้าง​ ออกแรงบีบเคล้นราวกับคาดคั้นให้เหยื่อยอมเปิดปากสารภาพความจริง "ตอบมาสิ​ พูด! ทำไมถึงไม่พูดฮึว่าจะไปไหน!" เสียงตะคอกเล็ดลอดไรฟันเกือบกระซิบ​ เขาเขย่าร่างที่ยืนนิ่งไปมาเพื่อหาคำตอบที่พึงพอใจ “ดาวจะไปหางานทำเพื่อช่วยเหลือทางบ้าน​ พอใจรึยังคะ!" คนฟังหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ...และเสียงหนึ่งที่ดังแว่วมาเข้าหู​ ก็ทำให้เขาหันรีหันขวาง​ ทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอคล้ายไม่สบอารมณ์ เหมือนระฆังช่วยชีวิต​ บุษบากรได้ยินเสียงพี่สาวดังอยู่ไม่ไกล​ และนั่นทำให้เขารีบปล่อยมือ​ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ จอมทัพยอมล่าถอยแล้วเดิน หนีไปก่อนที่คคนางค์จะผ่านมาเห็น...ชัดเจนแล้วว่าเขาแคร์ใครมากกว่ากัน​ แต่นั่นก็สมเหตุสมผล​ เพราะคคนางค์คือเมียแต่ง คือคนที่เขาตัดสินใจร่วมชีวิต​ แม้หล่อนจะเป็นคนที่มาก่อนก็ตาม ก้อนหินที่ว่าแข็งยังแปรผันเปลี่ยนรูปได้​ นับประสาอะไรกับใจคน บุษบากรมองตามแผ่นหลังกว้างจนหายลับไปกับซอกมุมของบ้าน เป็นอีกครั้งที่ความทรมานมาทักทายจนน้ำตารินไหล​ หล่อนไม่เข้าใจตัวเอง...ผู้ชายคนนี้มีดีอะไร หล่อนถึงรักเขาหัวปักหัวปำ หรือมันคือความผูกพันอันแสนยาวนาน​ คือสิ่งเดียวที่รั้งใจให้ผูกติด​ แม้วันนี้เขาจะแปรเปลี่ยนจากพี่ชายที่แสนดีมาเป็นปีศาจร้ายใจยักษ์มารก็ตาม +++++++ "นัดครั้งหน้าดูในใบนัดได้เลยนะคะ" บุษบากรยิ้มให้พยาบาล​ รับใบนัดและยาบำรุงมาใส่กระเป๋า​ รอยยิ้มปลื้มปริ่มเคลือบฉาบอยู่บนใบหน้ายามเดินมาตามทางที่พาไปสู่นอกตัวอาคาร​ จากผลการตรวจซ้ำและจากปากของแพทย์​ ยืนยันว่าหล่อนตั้งครรภ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ มือข้างถนัดยกขึ้นทาบลงบนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบ...ในความดีใจ...ก่อเกิดความรู้สึกกลุ้มใจตามมา รอยยิ้มพลันจางหาย​หลังจากดีใจได้ไม่นาน รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวขึ้นมากะทันหัน​ เมื่อความจริงแล่นมาจุกอก​ หล่อนท้องไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา​ มันคือความอัปยศอดสูของวงค์ตระกูล​ จะบากหน้าไปบอกใครได้ว่าตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ พาร่างกายที่อ่อนแรงทรุดนั่งลงบนม้านั่งริมทางเดินในโรงพยาบาลเพื่อตั้งสติ​ เป็นอีกครั้งที่หยาดน้ำตาคลอขังขอบตาร้อนผ่าว​ ความรู้สึกหลายอย่างตีกันยุ่งเหยิงประเดประดัง​ กับสองทางเลือกที่แทบไม่ต่างกัน ระหว่างเก็บเอาไว้และเดินเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อสารภาพความจริง​ กับตัดสินใจทำลายทิ้งแล้วเริ่มเดินหน้าทำงานสร้างชีวิตใหม่​ หาเงินมาจุนเจือทางบ้าน​ หล่อนกำลังชั่งน้ำหนัก​ ทางไหนที่ควรจะไป​ ความคิดในหัวรุมเร้าจนเกิดเป็นเสียงอื้ออึงหูตาพร่ามัว​ มันสับสนจนจวนจะสติแตกอยู่รอมร่อ หรือทางที่สาม...ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง​ สะพานลอยนั้นอยู่ไม่ไกล​ แค่เดินออกไปแล้วกระโดดลงมา ​ จบสิ้นซึ่ง ปัญหาไม่ต้องจมอยู่ความทรมานอีกต่อไป เมื่อใจถูกบีบคั้นหนัก​ หล่อนจึงหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดก​ลั้น​ สองมือยกขึ้นปิดหน้าแล้วสะอื้นร่ำไห้​ ท่าม กลางสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา อา...เหนื่อยเหลือเกิน​ กับการสู้ไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามเพียงลำพัง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD