2 อาทิตย์ต่อมา
วันนี้เป็นวันที่เราต้องไปสถานที่ที่เรียกว่ามหาวิทยาลัยครั้งแรก... เพราะช่วงที่เราเข้ามาในร่างโยเกิร์ตนั้นเป็นช่วงที่เรียกว่าปิดเทอมพอดีและระหว่างรอเปิดเทอมเราก็พยายามค้นหาและศึกษาเรื่องราวของที่นี่รวมทั้งหัดขับรถยนต์ด้วยแม้จะยังไม่แข็งเท่าไหร่แต่ก็พอได้แหละ
“วันนี้ให้คนขับรถไปส่งก่อนดีไหมลูก?” เสียงของคุณแม่ที่พูดขึ้นขณะที่เรากำลังเดินออกจากบ้าน
“ไม่ดีกว่าค่ะลูกไม่เป็นไร...เกรงใจด้วย” การจะไปไหนมาไหนและต้องเดือดร้อนหรือต้องพึ่งพาคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบแม้เมื่อก่อนจะมีพี่แม้นพี่แจ่มตามไปทั่วแต่การอยู่ที่นี่มันทำให้เราต้องปรับตัวและรู้จักพึ่งพาตัวเองยิ่งช่วยเหลือตัวเองเก่งเท่าไหร่เราก็จะโอกาสรอดในโลกนี้มากเท่านั้นที่นี่ไม่สามารถไว้ใจใครได้...
“ทำไมต้องเกรงใจเราจ้างเขามานะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะลูกไปเองได้ งั้นลูกไปเรียนก่อนนะคะคุณแม่ สวัสดีค่ะ” เรายกมือไหว้ร่ำลาก่อนจะเดินไปที่รถตัวเองเพราะความเคยชินของร่างกายเราเลยสามารถขับมันเป็นเร็วขึ้น
มหาวิทยาลัย
เรามาถึงที่นี่สักพักใหญ่ ๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ลงจากรถเพราะกำลังพยายามทำให้ตัวเองตื่นเต้นให้น้อยที่สุดตอนรถจอดสนิทใจของเราเต้นแรงมากเลยเพราะว่าเป็นครั้งแรกละมั้ง เรามาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยไม่ได้ไปชนใครเข้าไม่ต้องเป็นห่วง
“ไปได้แล้วราชวดี..ไม่สิ ตอนนี้เธอคือโยเกิร์ต!” เราพูดเรียกกำลังใจให้ตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไป
ตลอดทางนั้นมีคนมองเราอยู่ตลอดทั้งนินทาซุบซิบเหมือนกับว่ากลัวเราจะไม่ได้ยิน แต่เราก็เดินผ่านไปเท่านั้นไม่จำเป็นต้องไปโวยวายหรือโมโหใส่ ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นนิสัยของเจ้าของคนเก่าถ้าใครนินทาเธอจะเข้าไปตบทันที
“นิได้ข่าวโดนคู่หมั้นตัวเองผลักตกบันไดแหละ”
“อืม ก็ไปทำร้ายข้าวตังก่อนนิ” แต่ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับคนที่มีเจ้าข้าวเจ้าของก่อนนะ
“โยเกิร์ต~~” เสียงเรียกที่ดังลั่นและร่างใหญ่กำลังวิ่งเข้ามาหาเรา
หมับ!!
“แก!! เป็นยังไงบ้างเพราะฉันไปอยู่ปารีสเลยไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลยอะ ไอ้กัสทำกับแกแบบนั้นได้ยังไงแม้จะไม่ได้รักแต่ก็เป็นคู่หมั้นนะ!!! มันยอมปกป้องชะนีแอ๊วแบ๊วได้ยังไง!” คนที่กำลังโวยวายอยู่ตรงหน้าเรานี้คือฮ่องเต้เพื่อนคนเดียวของโยเกิร์ตเธออยู่เคียงข้างและปลอบใจโยเกิร์ตเสมอ ฮ่องเต้เป็นผู้ชายแต่ใจเป็นหญิงแม้เราจะงง ๆ นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร กลับคิดว่ามันดูพิเศษยังไงยังงั้น
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“บอกแล้วไงว่าผู้ชายแบบนั้นไม่คู่ควรกับแก...”
“เลิกแล้ว” เราพูดแทรกขึ้นเพราะฮ่องเต้คือคนที่เป่าหูเสมอว่าให้เลิก ๆ
“อะไร?” ฮ่องเต้ทำหน้างง
“ฉันถอนหมั้นกับออกัสไปแล้ว”
“จริงเหรอ0_0” เธอทำหน้าตกใจมาก
“อืม” เราพยักหน้าให้ไป
“กรี๊ดดดดดดดดด สงสัยฉันต้องแก้บนหน่อยแล้วโว้ยยย กรี๊ดดดดดดด” ฮ่องเต้กรีดร้องและวิ่งวนตัวของเรา
“พอได้แล้ว...อายคนอื่นเขา-////-”
“ฉันดีใจจริง ๆ นะที่แกคิดได้อะ >.หลายชั่วโมงผ่านไป
การเรียนวันแรกของการเปิดไม่มีอะไรมากแค่แนะนำบทเรียนและเรื่องคะแนนเราเข้าใจได้ง่ายเพราะอ่านในนิยายมาแล้วมันมีเนื้อหาอธิบายอยู่นิดหน่อย
“เราไปหาอะไรกินก่อนกลับกันดีไหม?” ฮ่องเต้ถาม
“ไปสิ”
เราทั้งสองเลยเดินที่มาโรงอาหารเป็นที่ที่มีร้านข้าวมากมายจนเราเลือกไม่ถูกเลย
“เอาอะไร?”
“ฉันเดินดูก่อนแล้วกัน” เราตอบก่อนจะเดินไปตามร้านต่าง ๆ มีแต่อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย... ก่อนเราจะไปชะงักที่ร้านที่เขียนว่าร้านซาลาเปา...
อยู่ดี ๆ ก็นึกเรื่องของไซมอนขึ้นมาจะว่าไปตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เจอกันเลยแหะ
“ป้าค่ะหนูเอาซาลาเปาไส้ถั่วค่ะ” เราพูดชื่อตามรายการอาหาร
“ยี่สิบบาทจ้า”
“นี่ค่ะเงิน...ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะ” เรายกมือไหว้ก่อนรับของ
“น่ารักจริงแม่หนู”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ^^” เรายิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาจากร้านซาลาเปา
ปึก!
“ว้ายยยยย!!!” เรากำลังเดินอยู่แท้ ๆ ก็มีคนเดินมาชนเราแถมยังล้มไปกองที่พื้นเสียเองอีกมิพอยังโวยวายปานว่ามันรุนแรงนัก
“นี่!!เธอชนเพื่อนฉันเหรอฮะ?!” และจู่ ๆ ก็มีคนมาผลักไหล่เราก่อนจะถาม เรายืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างนิ่งสงบ ส่วนซาลาเปาร่วงลงพื้นไปแล้ว เฮ้อออ~ ยังไม่ได้กินสักคำเลยนะแล้วคนที่ล้มลงไปนั้น...คือ ข้าวตัง นางเอกของนิยายที่เราเคยอ่านมา...ผู้หญิงตัวเล็กที่น่าทนุถนอมและแน่นอนว่าเธออ่อนแอและดูน่าสงสารมากตอนนี้เพราะโดนนางร้ายอย่างเราชนเข้าน่ะสิ แต่ว่านะเรายังไม่ได้ชนเลยและเมื่อกี้เป็นเธอต่างหากที่ล้มลงไปอย่างแรงที่ผ่านเรื่องราวของข้าวตังก็เป็นแบบนี้หรือเปล่านะ? แค่แกล้งทำให้คนอื่นสงสารและเหมือนว่าเพื่อนของเธอจะพร้อมปกป้องด้วยสิ ตามเนื้อเรื่องแล้วข้าวตัวผู้หญิงแสนดีและมีน้ำใจไม่เคยว่าร้ายใครและชอบช่วยเหลือคนอื่นนั่นทำให้ออกัสตกหลุมรักเธอ
“ฉันไม่ได้ชน” เราบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้า
“โกหก!!ตอแหลหน้าด้าน ๆ ก็เห็นอยู่ว่าข้าวตังล้มไปและเธอ! ก็อยู่ตรงนี้พอดี!” เพื่อนของข้าวตังซึ่งไม่ได้มีบทบาทเท่าไหร่นักเพราะฉะนั้นเราเลยจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
“ใช่ฉันอยู่ตรงนี้...แต่นั่นไม่ได้แปลว่าฉันทำสักหน่อย”
“เหอะ! ใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอเกลียดข้าวตังแค่ไหน?!”
“ใช่... แต่นั่นก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?” เราตอบกลับทุกอย่างด้วยท่าทางนิ่งสงบและนั่นก็ทำให้คนรอบข้างชะงักไปเพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนี้โยเกิร์ตจะโวยวายและทำร้ายข้าวตังแต่เราไม่ใช่โยเกิร์ตคนนั้น...
“วะว่าไงนะ?”
“เพราะเพื่อนเธอมายุ่งกับคู่หมั้นคนอื่น... นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือที่ฉันจะเกลียดเพื่อนเธอ”
“นี่!!!”
“ทั้งที่ผู้ชายมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วผู้คนรับรู้แต่เพื่อนของเธอก็ยังตามออกัสไปไหนมาไหน... นั่นนะใครกันแน่ที่หน้าด้าน” เราพูดทุกอย่าง อย่างชัดถ้อยชัดคำจนผู้คนที่กำลังมองเริ่มซุบซิบถึงข้าวตังในทางไม่ดี ก็มัน...เป็นเรื่องจริงนิ
“ยะโยเกิร์ตมันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ฉันไม่ได้จะอ่อยหรือว่า..”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเธออ่อยเขา”
“..!”
“เกิดอะไรขึ้น?!” มาแล้วพระเอกของเรื่องชอบมาเวลานี้และแน่นอนว่าข้าวตังร้องไห้ไปเพราะคำพูดของเราแล้วแค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว?
เธออ่อนแอเกินไปไหมนะ?
หมับ!!
“โยเกิร์ต!!เธอทำอะไรข้าวตังอีกฮะ?!!!” ออกัสเข้ามาก่อนจะกระชากของเราอีกแล้ว
พรึ่บ!!! แต่เราจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายร่างกายของเราอีก เราสะบัดมือออกทันทีอย่างรังเกียจมันขนลุกไปหมดเมื่อเขามาโดนตัวของเรา
“ฉันไม่ได้ทำอะไร...”
“โกหก!!! เราถอนหมั้นกันแล้วนะเธอยังจะมาวุ่นวายอะไรอีก?!!” เขาพูดออกมาเสียงดัง
“อะอะไรนะ?”
“ออกัสจริงเหรอทำไมละ...เพราะข้าวเหรอนายถึง...” ข้าวตังเข้ามาเกาะแขนของออกัส
“ไม่ใช่หรอกเพราะฉันไม่อยากทนกับผู้หญิงคนนี้แล้ว...เพราะฉะนั้นเธออย่าโทษตัวเองเลยนะ” ตอนอ่านในนิยายเราก็ว่าฉากนี้มันชวนอ้วกนะ พอเจอของจริง... เราอยากจะอ้วกซะจริง ๆ -_-
“ออกัส...” ข้าวตัวก้มหน้าอย่างเขินอาย
“เฮ้ออออ” เราเลยถอนหายใจออกมาแรง ๆ
“เธอ...เลิกทำนิสัยทราม ๆ สักที....”
“มึงไม่บอกคนอื่นไปละ...ว่ามึงโดนถอนหมั้นจากโยเกิร์ตไม่ใช่มึงที่ถอนหมั้น” ผู้คนต่างแหกทางให้คนที่กำลังเดินเข้ามา
“ไซมอน...”
“ว่าไงมึงบอกคนอื่นหรือเปล่า...ว่าเป็นยัยนี่ที่ขอเลิกมึงไม่ใช่มึง” ไซมอนยื่นมือมาจับหัวเรา...
“ไอ้ไซมอน!”
“คนที่ควรเลิกทำสันดานทราม ๆ คือมึงไอ้ออกัสไม่ใช่โยเกิร์ต...”