“นี่เจ้าเพิ่งจะฟื้นจากฝันหรือยังไง อายุเท่าข้าเขาก็มีเมียสามอนุหกมีลูกเป็นสิบกันหมดแล้ว” ‘เป็นยังไงล่ะแม่สาวน้อยพูดไม่ออกเลยล่ะสิ หึๆ’ ฟงอวี้กระหยิ่มที่หาเรื่องมาตอบโต้นางได้
“.........” โดนตอกกลับ ถึงกับขยับปากไม่ออกเลยหว่าหวาเอ๊ย
“ทีนี้พูดมาเจ้าต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด”
“ข้าจะมาขออนุญาตเปิดตลาดเจ้าค่ะ” ว่าด้วยการจะทำตลาดนั้นหว่าหวาได้ปรึกษากับท่านพ่อและทุกคนแล้วตอนแรกทุกคนก็ไม่ได้เห็นดีด้วยแต่หว่าหวาได้อธิบายถึงความเป็นไปได้กับตลาดแห่งนี้ทั้งที่ทางและทำเลมันก็ชั่งเหมาะเจาะดีนักแล้วทุกคนก็พร้อมใจที่จะต่อสู้ไปด้วยกัน
“ตลาดอะไร..ในเมืองเถียนของเราก็มีตลาดใหญ่โตอยู่แล้ว เจ้าจะไปเปิดที่ใดเล่า”
“ข้าจะทำจะทำตลาดที่นอกเมืองเจ้าค่ะ”
“ตลาดนอกเมืองหรือ เจ้าคิดว่าใครจะไปขายของที่ตลาดนั้นเล่าในป่าในเขาพวกเจ้าจะไปขายให้ใครกัน” นี่นางคิดอะไรอยู่กันแน่ตลาดนอกเมืองหรือเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว
“ท่านแค่ออกใบอนุญาตให้ข้าก็พอและข้ามีหน้าที่จ่ายภาษีเข้าคลังหลวง จะมีคนขายและคนซื้อหรือไม่นั้นมันก็เป็นหน้าที่ของคนจัดตลาดอย่างข้าที่จะต้องจัดการเอง ท่านจะมาห่วงทำไมเจ้าคะ”
‘ทำไมนางถึงดื้อรั้นเช่นนี้นะเขาเตือนนางด้วยความหวังดีแท้ๆ’ ฟงอวี้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีทันใดจึงได้กล่าวตักเตือนด้วยน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้น ซึ่งอารมณ์นี้เขาไม่เคยเป็นกับสตรีใดมาก่อนเลย
"หากเจ้าคิดว่าทำได้ก็ตามใจข้าเตือนเจ้าแล้วนะ ภาษีก็ต้องจ่ายทุกเดือนไม่มีละเว้นต่อให้ไม่มีลูกค้าเจ้าก็ต้องจ่าย นอกเสียจากว่าเจ้าจะมาร้องขอและยกเลิกใบอนุญาตด้วยตัวเอง"
“ข้าเข้าใจแล้ว” หว่าหวาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเสมือนคนโดนขัดใจเช่นกัน ‘มันน่าหงุดหงิดจริงๆ ทำไมต้องมาทำน้ำเสียงใส่อารมณ์กับนางด้วยนะ’
“อาหวา พูดจาดีๆ” ไท่หยุนเห็นหลานสาวกับท่านเจ้าเมืองพูดจาตอบโต้กันไปมาก็เกรงว่ามันจะเลยเถิดจึงได้ปรามหลานสาวเอาไว้ หว่าหวานั้นก็หาใช่เด็กที่ไม่รู้ความปกตินางไม่ได้เป็นคนแบบนี้ นางออกจะน่ารัก…
“อาหวาขอโทษเจ้าค่ะท่านอา ข้าขออภัยที่เสียมารยาทเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง” หว่าหวาเอ่ยคำขอโทษอย่างขัดไม่ได้
เถียนฟงอวี้ถึงกับทอดถอนใจ ทำไมคำขอโทษของนางกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลยในใจเขายังอยากจะให้นางต่อล้อต่อเถียงกับเขามากกว่า เขาไม่ได้อยากเห็นสีหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาแบบนี้เลย มันไม่เข้ากับใบหน้าที่จิ้มลิ้มของนางสักนิด
“อืม..พรุ่งนี้เจ้าค่อยเข้ามารับใบอนุญาตที่นี่อย่าลืมเสียล่ะ”
“เจ้าค่ะ..เช่นนั้นพวกข้าขอตัวกลับแล้ว ลาท่านเจ้าเมืองเจ้าค่ะ” หว่าหวาเอ่ยลาด้วยสีหน้าที่ดูเนือยๆ และไร้อารมณ์
“อืม..” อะไรกันนี่เขาไปทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจกัน คำพูดที่ขาดความสดใสดังเช่นตอนแรกคืออะไรนางกำลังโกรธเขาหรือยังไงกัน เฮ้อ
เมื่อสองอาหลานออกมาพ้นประตูจวนเจ้าเมือง...
“อาหวาเจ้าอย่าได้ไปพูดจากับท่านเจ้าเมืองแบบนั้นอีกเข้าใจหรือไม่ เจ้ารู้ชื่อแซ่ของท่านเจ้าเมืองหรือยังล่ะอาหวา”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ ท่านอารู้หรือเจ้าคะ”
“เถียนฟงอวี้คือซื่อของเจ้าเมืองเถียนและที่นี่ก็คือเมืองเถียนเจ้าเข้าใจหรือยังล่ะทีนี้”
“ก็ไม่แปลกนี่เจ้าคะที่สกุลของเจ้าเมืองจะใช้ชื่อเดียวกันกับชื่อเมือง”
“แล้วเจ้ารู้จักนามขององค์จักรพรรดิของแคว้นเถียนซานไหมล่ะ’
“ไม่รู้เจ้าค่ะ อาหวาจำไม่ได้หรอก” ท่านอากำลังถามความรู้รอบตัวกับอาหวาหรือยังไงเนี่ย
“องค์จักรพรรดิมีนามว่าเถียนหลงซุน ท่านหมอจวงก็มีนามว่าเถียนจวงซุน ทีนี้อาหวาพอจะเข้าใจหรือยัง”
“หากเป็นอย่างที่ท่านอาพูดมา ก็เป็นไปได้ว่าท่านเจ้าเมือง อาจจะเป็นถึงองค์ชายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งหรือไม่ก็คงเป็นท่านอ๋องสักพระองค์ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านอา”
“คงจะเป็นเช่นนั้น อาอยากให้อาหวาระวังตัวให้มากๆ หากเราเผลอลืมตนภัยอาจถึงตัวเอาได้ แม้นว่าพวกเขาจะไม่แสดงตัวว่าเป็นใครก็ตามที”
“อาหวาเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อาหวาจะหลีกเลี่ยงให้ไกลจากพวกเขาหากไม่จำเป็นก็จะไม่พบเจอเจ้าค่ะ” ความจริงตัวนางไม่ได้อยากเข้าใกล้กลุ่มคนของราชวงศ์สักนิดแต่เพื่อการค้านางก็คงต้องยอม และความปลอดภัยของครอบครัวแล้วหากไม่จำเป็นนางจะหลีกเลี่ยงพวกเขาให้ไกลๆ
“แล้วท่านอารู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ว่าท่านเจ้าเมืองแซ่เถียนแล้วยังท่านหมอจวงนั่นอีก”
“เรื่องของท่านเจ้าเมืองอาก็พิ่งจะรู้วันนี้ ส่วนท่านหมอจวง อารู้มานานแล้ว และท่านหมอจวงก็เป็นคนกันเองแบบนี้เขาชอบให้เราพูดกับเขาแบบธรรมดาสามัญไม่ต้องมากพิธี เพราะฉะนั้นละเว้นหมอจวงไว้สักคนนะอาหวา เราต้องค้าขายกับหมอจวงอีกนาน”
“อาหวาเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านอา อาหวาขอโทษเจ้าค่ะหากท่านอาไม่ปรามไว้ อาหวาอาจจะเป็นคนนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวของเราก็ได้”
“อาไม่ได้กล่าวโทษเจ้า อย่าทำหน้าแบบนั้นมันไม่เหมาะกับหลานสาวของอาสักนิด ท่านเจ้าเมืองนี่ก็กะไรอารมณ์หรือก็ร้อนใช่ย่อย”
“ช่างเจ้าเมืองเถิดเจ้าค่ะเรากลับกันเถอะ ก่อนกลับอาหวาอยากซื้อบะหมี่ไปฝากทุกคนได้ไหมเจ้าคะ คิดถึงบะหมี่ของเถ้าแก่ฟู่แล้วอาหวาหิวขึ้นมาทันทีเลยเจ้าค่ะ”
“อืมม..ไปสิ” พอพูดถึงเรื่องกินอารมณ์ของนางก็ดูสดใสขึ้นมาทันทีทำให้ไท่หยุนคลายกังวลไปได้มากทีเดียว เพราะเขาไม่อยากให้หลานสาวรู้สึกหดหู่ใจมากนักกับเรื่องของคนสกุลเถียน
ตลอดทางกลับบ้านหว่าหวาก็ยังไม่หยุดคิดเรื่องของคนสกุลเถียน ‘ทำไมกันนะนางถึงไม่สามารถรับรู้ภายในจิตใจของท่านเจ้าเมืองได้เลยหรือว่าพลังของดวงตาสวรรค์จะเสื่อมถอยแล้ว เอ๊ะ ก็ไม่นี่นานางยังรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของท่านอาอยู่เลย เป็นทุกข์กับเรื่องของแม่นางเถียนหรือนี่ช่างน่าสงสารท่านอาจริงๆ’
ในระหว่างทางไท่หยุนก็ได้เข้ามานั่งในรถม้ากับหลานสาว และเริ่มถามไถ่เกี่ยวกับตลาดที่จะเปิดทันที
“อาหวาเรื่องตลาดนั่นเราจะเริ่มต้นอย่างไรดี” ต่อให้ได้ใบอนุญาตมาเขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มแบบไหนและจะต้องทำอะไรบ้าง
“ท่านอาเราต้องหาซื้อทาสผู้ชายที่แข็งแรงหลายคนเลยทีเดียว หรือไม่ก็ประกาศหาคนเอานี่คือสิ่งแรกที่เราจะทำเจ้าค่ะ”
“เรื่องคนเดี๋ยวอาจะคุยกับพ่อของเจ้า อาหวาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”
“ท่านอารู้จักช่างหล่อเหล็กหรือช่างหลอมหรือไม่เจ้าคะ เราจะมีงานให้เขาทำ และอีกอย่างยางไม้ที่อาหวาเห็นท่านอานำมาทำคบเพลิงและใช้ก่อไฟเตานั่นท่านอาหามาจากไหนหรือเจ้าคะ” ใช่แล้วที่หว่าหวาเห็นมันคือขี้ใต้ชัดๆ ของดีในยุคที่ไม่มีไฟฟ้าเชียวนะ
"ยางไม้นั่นน่ะอยู่บนเขามีเต็มไปหมดเจ้าต้องการมากน้อยเพียงใดล่ะ อยู่ที่จวนก็มีไม่น้อยอาไปขนมาไว้เยอะเลย เจ้าไปดูได้ที่โรงเก็บฟืน ส่วนช่างหลอมอาก็มีคนที่รู้จักอยู่เราเคยทำการค้าขายกันในช่วงทำงานคุ้มภัย"
“เช่นนั้นก็ดียิ่งเจ้าค่ะ” หึๆ ตลาดนัดของนางนะหรือจะไม่มีคนเดิน ท่านเจ้าเมืองอย่าได้มาดูถูกอาหวาคนนี้ให้มากนักนี่ใคร? หว่าหวาเจ้าแม่ตลาดนัดเชียวนะจะบอกให้ ฮึ..ยิ่งคิดถึงคำพูดของเจ้าเมืองทีไรหว่าหวาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ
เวลาเดียวกันที่จวนเจ้าเมือง...
“ท่านเจ้าเมืองท่านเป็นอะไรไปหรือ เห็นท่านนั่งเงียบไม่ไหวติงอยู่นานแล้วนะขอรับ”
“อาเฟย!! ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วอย่ามาเงียบๆ เช่นนี้และที่นี่ก็ไม่มีใครไม่ต้องมามากพิธีด้วย”
“ข้าแค่ล้อเล่นแล้วเจ้าหงุดหงิดโมโหใครมาถึงได้ทำหน้าตาเช่นนี้เล่า”
“นางหาว่าข้าเป็นเด็กไม่เหมือนเจ้าเมืองสักนิด ผู้คนที่พบเห็นข้าก็ล้วนเกรงกลัวต่อข้าทั้งนั้นแต่นางกลับไม่ ฮึ..นางมาเพื่อจะขออนุญาตเปิดตลาดที่นอกเมือง เจ้าว่ามันจะเป็นไปได้หรือมีแต่ป่าแต่เขาจะไปขายให้สิงสาราสัตว์หรือย่างไร”
“เอ่อ..อาฟง เจ้าไม่คิดว่าเจ้าบ่นยาวเกินไปหรือเหนื่อยบ้างหรือไม่หื้ม? และนางที่ว่านั่นนางคนไหนกันล่ะ”
“เถียนเฟย!”
“อ่า..แล้วจะเสียงดังทำไมเล่า สำรวมหน่อยสิขอรับท่านเจ้าเมือง”
“………”