เมื่อพวกเขากลับมาถึงจวน หว่าหวาและท่านอาได้เข้าไปปรึกษาหารือกับท่านพ่อเรื่องคนงานและคนดูแลความปลอดภัยของตลาดที่ครอบครัวไท่จะเปิดในเร็ววันนี้
ท่านพ่อได้เรียกอาหมงให้เข้ามาพบและจัดแจงให้อาหมงไปตามหาคนเก่าแก่ที่เคยทำงานคุ้มภัยให้กลับมาเพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันอีกครั้ง
“อาหมงข้าต้องการคนที่เต็มใจเท่านั้นนะเจ้าห้ามไปเอ่ยถึงบุญคุณหรือบังคับฝืนใจใครมาเข้าใจหรือไม่ เอาคนที่อยู่ใกล้ก่อนส่วนคนที่อยู่ไกลก็ค่อยส่งข่าวทีหลัง” ท่านพ่อกล่าวย้ำก่อนที่อาหมงจะออกจากห้องเพื่อไปตามสหายและพวกพ้องให้กลับคืนมา หากว่าพวกเขาเต็มใจมาการทำงานร่วมกันจะได้ราบรื่นและไม่อึดอัด
“อาหวาแล้วเรื่องช่างเหล็กล่ะเจ้าจะให้เขาทำอะไรหรือ” ไท่หยุนเอ่ยถามหลานสาว เขาก็ยังคงมองไม่ออกว่านางจะเอาช่างหลอมเหล็กมาทำไม
“ท่านอาดูแบบที่อาหวาวาดนะเจ้าคะ” แล้วนางก็วาดแบบเสาคบเพลิงให้ท่านอาและท่านพ่อดู
“ความสูงของเสาประมาณสิบห้าฉื่อก็พอ และฐานรองของเชื้อเพลิงทำคล้ายๆ ชามปากกว้าง ความกว้างสักสองฉื่อก็ได้ หากท่านอาว่ามันดูเหมาะสม อาหวาต้องการเสาคบเพลิงแบบนี้สักสี่เสา ส่วนคบเพลิงอันเล็กที่ท่านอาทำเอาไว้จุดไฟที่จวน แบบนั้นเราก็สามารถใช้ได้เป็นบางจุด เราหาคนงานไปปรับพื้นดินที่ตลาดไว้ก่อนก็ได้เจ้าค่ะ เมื่อเสาคบเพลิงพร้อมเราค่อยไปติดตั้งตามจุดที่ต้องการ และยางไม้ที่ท่านอาเก็บมาไว้เยอะแยะนั่นได้ใช้แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านอากับท่านพ่อเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” [15ฉื่อ ราวๆ 3เมตร75เซนติเมตร]
“ที่อาหวาเล่ามาพ่อพอเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราต้องทำรั้วหรือไม่อาหวาพ่อจะได้หาคนให้พร้อม นานแล้วที่พ่อไม่ได้ไปดูที่ดินผืนนั้นเลย”
“รั้วกั้นเราทำแค่ด้านข้างกับด้านหลังก็พอเจ้าค่ะ วันหลังพวกเราไปดูที่ดินด้วยกันนะเจ้าคะ อ่อ..ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านเดินได้แล้วใช่ไหมอาหวาดีใจจังเลยเจ้าค่ะ”
“เดินได้แล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ดี พ่อขอบใจเจ้ามากอาหวา”
“ขอบใจลูกทำไมเจ้าคะ เป็นสิ่งที่ลูกต้องทำเพื่อท่านพ่ออยู่แล้วเจ้าค่ะ” ‘หว่าหวารับเอาความดีความชอบเต็มๆ เลยนะเนี่ย ขอบคุณนะเจ้าคะท่านตา’
“แล้วเงินนี่อาหวาให้ท่านอากับท่านพ่อเก็บไว้เจ้าค่ะ” หว่าหวายื่นตั๋วเงินให้กับบิดาแต่บิดาของนางกลับผลักมือนางกลับ
“เด็กโง่เอาไว้กับเจ้านั่นล่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว เอาให้อาของเจ้าเก็บไว้บางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายก็พอ เจ้าเอาไปแลกเป็นตำลึงทองเก็บไว้ก็ดีนะยังไงทองก็ยังมีค่ากว่าและบัญชีค่าใช้จ่ายในบ้านเจ้าควรทำเองได้แล้ว โตพอจะออกเรือนได้แล้วนี่”
“เอ่อ..ท่านพ่อล้ออาหวาเล่นแล้ว ทำบัญชีน่ะพอได้แต่อย่าถึงกับออกเรือนเลยเจ้าค่ะ” แต่งงานตอนสิบห้า โอ้ย..หว่าหวารับไม่ได้ย่างน้อยๆ ก็ควรจะยี่สิบก่อนเถอะ ถึงชีวิตก่อนของนางจะเคยมีผู้ชายมากมายแต่ความรู้สึกตอนนี้นางกลับไม่ยินดีนักที่จะมีบุรุษเข้ามาวุ่นวายในชีวิตยกเว้นแค่คนในครอบครัวเท่านั้น แปลกจริงๆ เลย นี่คงเป็นจิตใต้สำนึกของหว่าหวาร่างนี้กระมัง
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไท่หยางกับไท่หยุนต่างก็พากันขบขันไปกับท่าทางของนาง เขาก็แค่ล้อนางเล่นเท่านั้นแหละใครจะอยากให้นางออกเรือนกันเล่า
“ท่านพ่อเจ้าคะอาหวาอยากซื้อที่ดินเจ้าค่ะ ที่ดินที่อยู่ติดชายป่าฝั่งด้านซ้ายของจวนเราน่ะเจ้าค่ะ อาหวาคิดว่ามันเหมาะที่จะปลูกตังเซียม ท่านพ่อกับท่านอาคิดเห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ”
“อาก็ว่ามันเหมาะแต่คงจะแพงไม่น้อย”
“อีกสิบวันเราก็จะไปส่งตังเซียมคงได้ตำลึงทองมาอีกมากโขน่าจะพอซื้อที่ดินได้อีกหลายร้อยหมู่เลยทีเดียว ท่านอาวันที่ไปส่งตังเซียมเราไปจวนเจ้าเมืองกันนะเจ้าคะ”
วังหลวง.. ของเมืองหลวงถัวหลง แคว้นเถียนซาน…
“ฝ่าบาทเรื่องโสมพระองค์คิดเห็นอย่างไรพะย่ะค่ะ นี่ก็จวนจะถึงวันลงนามสั่งซื้อแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ดูอำมาตย์เหวินจะเร่งเราเสียเหลือเกิน อีกตั้งหลายวันจะรีบร้อนไปทำไม”
“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมแค่กลัวว่าพระองค์จะลืมไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เราดูเป็นคนเลอะเลือนเช่นนั้นหรืออำมาตย์เหวินแต่ก็ช่างเถอะ.. มีอะไรหรือองครักษ์หวง" องค์จักรพรรดิเถียนหลงซุนกล่าวกับอำมาตย์เหวินยังไม่ทันจะเสร็จสิ้น ก็ถูกขัดจังหวะโดยองครักษ์คนสนิทเสียก่อน
“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ไม่เป็นไรเจ้าว่ามาเถอะ”
“มีเรื่องด่วนมาจากเมืองเถียนพ่ะย่ะค่ะ”
“เมืองเถียนหรือ เสด็จพี่ของเรา..”
“ท่านอ๋องไม่ได้เป็นอันใดพะย่ะค่ะ แต่ขอให้ฝ่าบาทเปิดดูของก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม..” หลังจากได้อ่านจดหมายของพระเชษฐา องค์จักรพรรดิก็ได้เปิดดูสิ่งของที่อยู่ในหีบเถียนหลงซุนถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนเต็มปอดพร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวังใช่..สิ่งนี้แหละคือความหวังของแคว้นเถียนซาน...
“คนของเสด็จพี่ยังอยู่หรือไม่ เราจะส่งข้อความด่วนกลับไป พร้อมกับราชโองการให้กับตระกูลไท่ ให้เจ้าเดินทางไปกับพวกเขาด้วยนะองครักษ์หวง”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”