บรรยากาศตอนนี้ทำให้เธออยากปลีกตัวออกไปที่อื่นชั่วคราว จากสนุกและผ่อนคลายกลับกลายเป็นเครียดตึงหนักกว่าเดิม ไม่คิดว่าจะเจอลูคัสที่นี่
ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้นะ…
“ชนแก้วกัน”
เคร้ง…
เธอชนแก้วกับเพื่อนแล้วยกเบียร์ขึ้นมาดื่ม พยายามไม่มองไปยังโต๊ะของลูคัส
“เรื่องฝึกงานที่กำลังมาถึง พวกแกเลือกได้หรือยังว่าจะไปฝึกที่ไหนบ้าง” ฮานึลถาม
“ฉันได้แล้ว”
“ฉันก็ได้แล้ว”
“แล้วแกล่ะแพรวา จะไปฝึกงานที่ไหน คิดว่าคงไม่ยากหรอก ระดับลูกสาวนักธุรกิจชื่อดัง ไปบริษัทไหนมีแต่คนอ้าแขนรับเข้ามาฝึกงานอย่างแน่นอน” แพรวาเคยเล่าให้ฟังว่าไม่อยากฝึกงานที่บริษัทครอบครัว อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากที่อื่นดู
“เล็งไว้สองสามที่อะ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้”
“ถ้าฉันเป็นแกนะ จะเลือกฝึกงานที่บริษัทครอบครัวไปเลย คงจะสบายกว่าที่อื่น” แยมส้มพูด
“เนอะ ฉันเองก็คิดเหมือนกัน แต่ก็นะ พวกเราไปคิดแทนยัยแพรวาไม่ได้หรอก”
“ฉันเองก็อยากฝึกงานที่บริษัทของตัวเองเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ลูกชายแม่เลี้ยงกำลังดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ฉันคงไม่เลือกที่อื่น”
“เห็นใจแกเหมือนกันนะ สองแม่ลูกไม่รู้มาจากไหน มาเป็นปลิงดูดเลือด สูบเอาทุกอย่างของแกไปเป็นของตัวเองจนหมด”
“จริง บางทีเห็นหน้าแม่เลี้ยงของยัยแพรวา ฉันยังไม่อยากยกมือไหว้เลย เสียดายมารยาทที่แม่ให้มา” เพื่อนในกลุ่มต่างยกนิ้วโป้งให้พอใจอย่างชอบในประโยคนั้น
“ตอนแรกฉันก็ชอบแม่เลี้ยงของยัยแพรวานะ ดูใจดีดี แต่ไปๆ มาๆ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือซะงั้น”
“ขอโทษที่นินทาแม่เลี้ยงต่อหน้าแกนะแพรวา แต่อดไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไร” สิ่งที่เพื่อนพูดคือเรื่องจริง บางทีแอบคิดว่าชีวิตตัวเองเหมือนซินเดอร์เรล่าเหมือนกันนะ พ่อแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงที่ตอนแรกดี หลังๆ เริ่มเปิดเผยธาตุแท้ ผิดแต่แม่เลี้ยงเธอมีลูกติดเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง
“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ปวดฉี่”
“โอเคๆ”
เธอลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ แน่นอนว่าต้องเดินผ่านโต๊ะของลูคัสเพราะเป็นทางผ่านพอดี ไม่รู้ว่าเขามองตัวเองหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เธอไม่มองเขา
กดชักโครกหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ เดินออกมาล้างมือแล้วหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดให้แห้งทิ้งลงถังขยะในเวลาต่อ
กึกก
เธอหยุดชะงักทันที เมื่อสายตาปะทะเข้ากับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคย เขากำลังยืนพิงผนังกำแพงกอดอกแล้วมองมาที่เธอนิ่งๆ
แววตาเขายากคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า”
“มาคุยกันหน่อยสิ”
เธอถอนหายใจแล้วยอมเดินตามเขาไป ลูคัสพาเธอเดินออกมามุมหนึ่งของร้านนั่งชิล ตรงนี้ค่อนข้างไม่วุ่นวายแถมยังลับตาคน
“นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”
“นอกจากวันนี้จะส่งของมาให้ฉันที่บริษัทแล้ว เมื่อวานเธอก็ไปบ้านฉันมาด้วยใช่ไหม”
“ได้ยินว่าคุณป้าเฌอปรางค์ไม่สบาย ฉันก็เลยไปเยี่ยม” อันที่จริงเธอถูกแม่เลี้ยงบังคับไป
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าล้ำเส้นฉันมากเกินไป”
“ฉันรู้…” ใบหน้าสวยหวานแสดงถึงความเจ็บปวดออกมา เมื่อถูกลูคัสเลื่อนมือมาบีบแก้มเอาไว้แน่น
“การกระทำของเธอ มันกำลังทำให้ฉันเริ่มหมดความอดทน”
“ฉะ…ฉันเจ็บ” แรงบีบลงมาจากมือแกร่งของเขาทำให้เธอเริ่มน้ำตาซึม
“เจ็บก็ดีจะได้จำ”
“ปะ…ปล่อยฉัน” เธอพยายามแกะมือเขาออก ยิ่งพยายามต่อต้านมากเท่าไร ลูคัสยิ่งเพิ่มแรงบีบมากเท่านั้น
“ฉันขอโทษที่ล้ำเส้น ตะ…แต่เมื่อวานฉันตั้งใจไปเยี่ยมคุณป้าเฌอปรางค์จริงๆ
“คราวหลังไม่ต้องเสนอหน้าไปที่บ้านฉันอีก” เขายอมปล่อยแพรวาเป็นอิสระ ผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูใสซื่อและไร้เดียงสา แต่การกระทำช่างร้ายกาจ สวนทางกลับภายนอกโดยสิ้นเชิง
“ต่อไปช่วยทำตัวให้มันอยู่ในขอบเขต อะไรที่ไม่ควรล้ำเส้นก็อย่าทำ ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้น”
“ฉันเข้าใจแล้ว…”
“เสร็จจากตรงนี้แล้วไปไหนต่อ”
“กลับคอนโดเพื่อน”
“คืนนี้มาหาฉันที่เพนท์เฮาส์”
“ปะ…ไปทำไม”
“หึ เธอไม่รู้หรือว่าแกล้งโง่กันแน่”
“…” เธอหลุบสายตาลงมามองพื้นแล้วเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง
ลูคัสดันร่างบางให้แผ่นหลังแพรวาแนบชิดผนังหนาเย็นเฉียบ ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปใกล้ ปลายจมูกโด่งสันเฉียดแก้มนวลใส ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลงใบหูพานทำหัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำและหายใจไม่ทั่วท้อง
“ไม่รู้จริงๆ เหรอ…ว่าฉันเรียกเธอไปทำไม” เสียงทุ้มต่ำเจือด้วยเสน่ห์บางอย่างกระซิบลงข้างใบหูแพรวา
เสียงที่ดังเข้าไปในรูหูราวกับมนตร์สะกดที่ทำให้หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ ไอร้อนแผดไปทั่วใบหน้าหลังจากได้ฟังประโยคนั้นของลูคัส หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเหมือนกำลังหลุดออกมาจากขั้ว
ลูคัสมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดี แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความอันตรายซุกซ่อนเอาไว้…