ตอนที่ 4

1401 Words
ป๋ายลู่เสียน มีรอยยิ้มจางลง เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ ฮุ่ยชิวที่สูงเพียงแค่บ่าของเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาพี่ชาย “เจ้าจำข้าได้ หรือไม่ได้กันแน่ หืม” ฮุ่ยชิวหัวเราะแห้ง ก็นางไม่ค่อยจะมั่นใจจึงตอบเป็นเชิงถามว่าใช่หรือไม่ แต่เมื่อสังเกตบุคลิก และหน้าตาของเขาแล้วนางก็มั่นใจว่าเขาคือป๋ายลู่เสียน พี่ชายคนโตของฮุ่ยชิวเป็นแน่ ร่างสูงโปร่ง ดวงตาสีดำออกน้ำตาลเล็กน้อย โครงหน้าได้รูปของบุรุษชวนมอง เรียกได้ว่าน่ามองจนไม่อาจจะเป็นตัวประกอบไปได้ “ข้าจำได้ ข้าเพียงพูดแกล้งท่านพี่เล่นเท่านั้น อย่าโกรธน้องเลยนะเจ้าคะ” นางส่งยิ้มประจบ ป๋ายลู่เสียนนั้นเอ็นดูน้องสาวของตนเองมาก เขาเป็นคนที่รักครอบครัวจนถึงขนาดยอมไม่ได้เมื่อมีใครมารังแกน้องสาวและครอบครัวของเขา แต่น่าเสียดายที่ตัวละครนี้ก็อายุสั้นเช่นกัน เขาต้องมาสิ้นชีวิตเพราะปกป้องฮุ่ยชิว... เพียงแค่คิดถึงบทนางก็รู้สึกหดหู่ ถ้ารู้ว่าตัวจริงของพี่ชายฮุ่ยชิวจะหล่อถึงเพียงนี้ นางคงไม่เอาเขาไปฆ่าเล่นหรอก! น่าตีมือตนเองตอนนั้นจริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของป๋ายลู่เสียนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาเพิ่งจะกลับออกมาจากการไปหาของป่าร่างกายจึงสกปรกไม่น้อย ข้างหลังสะพายตะกร้าสานที่เต็มไปด้วยของป่าจำพวกพืช สมุนไพร และเห็ดป่ามากมาย ป๋ายเฉาหลัวที่เดินกลับมาพร้อมกับบิดาเห็นร่างคุ้นตาสองคนกำลังยืนคุยอยู่หน้าบ้าน เขาก็รีบวิ่งมาหาทันที “พี่ใหญ่!” ร่างผอมแห้งเล็กของน้องคนสุดท้องเข้ามากอดพี่ใหญ่ที่คราวนี้ไปนานถึงสามสี่วัน “อาหลัว ตัวข้าสกปรกอยู่ เดี๋ยวเจ้าจะสกปรกไปด้วย” “ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าไปอาบน้ำใหม่กับพี่ใหญ่” คำตอบของเขาทำให้ป๋ายลู่เสียนหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่ล่าเนื้อได้หรือไม่ขอรับ” “ขอโทษนะ ครั้งนี้แม้แต่กระต่ายป่าหรือนกสักตัวข้าก็ล่าไม่ได้” ฮุ่ยชิวมองรอยยิ้มของคนที่รู้ตัวว่าทำให้น้องชายผิดหวังแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในอก ป๋ายเฉาหลัวส่ายศีรษะบอกว่าไม่เป็นไร “ข้ากินเห็ดแทนก็ได้” แม้จะอยากงอแง แต่เฉาหลัวก็รู้ว่าครอบครัวตนเองมีฐานะเช่นไร เพียงลำพังแค่หาเงินมาจ่ายค่าเช่าเรือนก็นับว่ายากพอแล้ว เขาเองเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนกับความอยากให้ได้ มีเห็ดกินก็ยังดีกว่าไม่มี เห็ดก็อร่อยเช่นกัน “ลู่เสียน เดี๋ยวเจ้าเอาสมุนไพรไปขาย หากได้เงินมากหน่อยก็ซื้อเนื้อมาให้น้องกินกันสักหนึ่งเหลี่ยงก็แล้วกัน จะได้หายอยาก” “ขอรับท่านพ่อ” ป๋ายเฉาหลัวเมื่อเห็นบิดาอนุญาตก็ดีใจอาสาไปช่วยพี่ชายคัดแยกสมุนไพรออกไปขายทันที ฮุ่ยชิวมาช่วยบิดาเตรียมหมั่นโถวออกไปขายอีกรอบ หมั่นโถวนี้ขายได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมยังไม่อาจจะสู้กับเจ้าใหญ่ที่ขายดิบขายดีได้จึงทำให้ต้องลดจำนวนที่ทำลงเพื่อไม่ให้ขายเหลือ “ท่านพ่อ ให้พี่ลู่เสียนนำเงินไปซื้อเนื้อแล้วเราจะมีจ่ายค่าเช่าเรือนพอหรือเจ้าคะ” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ตัวนางยามเป็นต้าเฟยลี่ในชาติก่อนไม่เคยแม้แต่จะเจอความลำบาก มาชาตินี้ชีวิตของฮุ่ยชิวทำให้นางรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก นางคิดอยากจะช่วย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยเช่นไรถึงจะหลุดออกจากฐานะยากจนได้ ในบทนิยาย ต้าเฟยลี่เขียนให้พระเอกมาช่วยครอบครัวนางให้อยู่ดีกินดี โดยแลกกับการที่นางแฝงตัวเข้าไปเป็นนางกำนัลในราชวัง แต่หนนี้นางไม่ต้องการให้เรื่องดำเนินไปแบบเดิม ป๋ายเลี่ยงรุ่ยมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ใบหน้าประดับรอยยิ้ม “ถึงไม่พอพ่อก็ออกไปขายหมั่นโถวอีกสักรอบก็ได้ น้องเจ้าอยากกินก็ให้เขาได้กินเถิด เด็กกำลังโตต้องบำรุงมากๆ หน่อย” ฮุ่ยชิวยิ้มรับบิดา เมื่อบิดาออกไปขายหมั่นโถวอีกครั้ง ป๋ายลู่เสียนและป๋ายเฉาหลัวก็ออกไปขายสมุนไพร ฮุ่ยชิวที่อยู่เรือนว่างๆ จึงคัดแยกผักและเห็ดที่พี่ใหญ่เก็บมาออกไปล้าง การมาอยู่ในยุคที่ไร้เทคโนโลยีและความสะดวกสบายเช่นนี้ทำให้ฮุ่ยชิวเบื่อหน่ายไม่น้อย หากเป็นเมื่อก่อนหน้าร้อนเช่นนี้คงได้นอนเล่นโทรศัพท์เปิดแอร์เย็นฉ่ำสบายใจไปแล้ว นางจัดการเก็บผักปักแช่น้ำเอาไว้ พร้อมทั้งพรมน้ำให้ชุ่มชื้นจะได้ไม่เหี่ยวเก็บเอาไว้กินได้นานๆ ส่วนพวกหัวมันหน่อไม้ที่ขุดมาก็แยกเอาไว้ในส่วนที่อากาศถ่ายเทไม่ชื้น ฮุ่ยชิวนั่งรอทุกคนกลับมาอย่างเบื่อหน่าย สายตานางกวาดไปโดยรอบ หากมีกระดาษ ปากกาหรือดินสอสักแท่งก็ยังดีนางจะได้เขียนอะไรคลายเบื่อบ้าง คิดแล้วฮุ่ยชิวก็ถอนหายใจ นางจ้องมองที่เตาครัวซึ่งฟืนใกล้จะมอด ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเตรียมอาหารรอทุกคนกลับมา “วัตถุดิบกับเครื่องปรุงมีเพียงเท่านี้เองหรือ” นางกวาดตามอง มีแต่ผัก หัวมัน เห็ด และข้าวสารเพียงแค่ไม่กี่กำมือ ไม่น่าเล่านางถึงได้กินแต่ข้าวต้มที่มีน้ำมากกว่าข้าว ไม่ก็หมั่นโถวที่บิดาเหลือขาย ฮุ่ยชิวรีบส่ายศีรษะ เมื่อเห็นภาพตนเองหิวโซ ซ้ำยังผอมแห้ง เมื่อคิดที่จะทำอาหาร นางกลับนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ในยุคปัจจุบันกับยุคโบราณนี้เห็นได้ชัดเลยว่าทำยากกว่า เพียงแค่จะจุดเตาฟืนที่ใกล้จะมอดยังยากเลย นางใช้เวลากว่าหนึ่งเค่อถึงจะจุดฟืนติดขึ้นมาอีกครั้งได้ “ถ้าเป็นเห็ดคั่วพริกเกลือจะอร่อยไหมนะ แล้วก็ใส่ผักบุ้งไปด้วย” นางรำพึงกับตนเอง ไม่มีความมั่นใจในฝีมือตนเองเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่เธอจะซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทำเสียมากกว่า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ เพราะมีนิยายหลายเรื่องที่ตัวเอกย้อนเวลามาทำอาหารแล้วรวย! ฮุ่ยชิวยิ้มให้กำลังใจตนเอง นางเองก็อาจจะทำได้บ้างก็ได้ นางจัดการเตรียมวัตถุดิบ ล้างผักและเห็ดเอามาหั่น ตำพริกและกระเทียม ก่อนจะตั้งกระทะใส่น้ำมันเตรียมไว้ให้ร้อนจนมีควันขึ้น เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็โยนทุกอย่างลงกระทะไปพร้อมกันในทีเดียว “ว้าย!” นางร้องเสียงหลงสัญชาตญาณทำให้ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างทันท่วงทีเมื่อไฟลุกขึ้นท่วมกระทะ ฮุ่ยชิวยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก นางเพียงแค่จะทำผัดคั่วเกลือรวมมิตรแต่เหตุใดถึงกลายเป็นไฟลุกไหม้กระทะขึ้นมาได้เล่า! ขณะที่นางกำลังกระวนกระวายเตรียมหาน้ำมาดับ พี่ชายนางก็กลับมาทันเวลาพอดี “ชิวชิว!” เขาเห็นควันลอยออกมาจากในบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปทันที ภาพน้องสาวที่น่ารักตอนนี้กลายเป็นใบหน้าดำด้วยเถ้าถ่าน แถมยังมีไฟลุกไหม้อยู่ที่เตาครัวด้วย ป๋ายลู่เสียนที่มีสติดีหยิบถังน้ำมาสาดเข้าที่กระทะทันที เมื่อไฟมอดลงก็เห็นผักและเห็ดที่มีสีดำติดกว่าครึ่งลอยน้ำอยู่ ฮุ่ยชิวยิ้มแห้ง มือของนางยังคงถือตะหลิว ท่าทางดูขัดเขินและสำนึกผิดไม่น้อยที่เกือบจะทำไฟไหม้เรือน “กลับมาแล้วหรือพี่ใหญ่ พอดีว่าข้า...กำลังทำอาหารรอพวกท่านกลับมากินอยู่น่ะ” ว่าแล้วนางก็หัวเราะแห้งๆ เห็นทีเข้าครัว...น่าจะไม่ไหว นิยายที่ตัวเอกย้อนเวลามาเป็นพ่อครัวแม่ครัวจนรวย ฮุ่ยชิวคนนี้คงจะนำมาใช้ไม่ได้...ครั้งนี้ไฟไม่ไหม้เรือนก็ดีโขนแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD