ป๋ายลู่เสียน มีรอยยิ้มจางลง เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ ฮุ่ยชิวที่สูงเพียงแค่บ่าของเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาพี่ชาย
“เจ้าจำข้าได้ หรือไม่ได้กันแน่ หืม”
ฮุ่ยชิวหัวเราะแห้ง ก็นางไม่ค่อยจะมั่นใจจึงตอบเป็นเชิงถามว่าใช่หรือไม่ แต่เมื่อสังเกตบุคลิก และหน้าตาของเขาแล้วนางก็มั่นใจว่าเขาคือป๋ายลู่เสียน พี่ชายคนโตของฮุ่ยชิวเป็นแน่ ร่างสูงโปร่ง ดวงตาสีดำออกน้ำตาลเล็กน้อย โครงหน้าได้รูปของบุรุษชวนมอง เรียกได้ว่าน่ามองจนไม่อาจจะเป็นตัวประกอบไปได้
“ข้าจำได้ ข้าเพียงพูดแกล้งท่านพี่เล่นเท่านั้น อย่าโกรธน้องเลยนะเจ้าคะ” นางส่งยิ้มประจบ ป๋ายลู่เสียนนั้นเอ็นดูน้องสาวของตนเองมาก เขาเป็นคนที่รักครอบครัวจนถึงขนาดยอมไม่ได้เมื่อมีใครมารังแกน้องสาวและครอบครัวของเขา แต่น่าเสียดายที่ตัวละครนี้ก็อายุสั้นเช่นกัน เขาต้องมาสิ้นชีวิตเพราะปกป้องฮุ่ยชิว... เพียงแค่คิดถึงบทนางก็รู้สึกหดหู่
ถ้ารู้ว่าตัวจริงของพี่ชายฮุ่ยชิวจะหล่อถึงเพียงนี้ นางคงไม่เอาเขาไปฆ่าเล่นหรอก! น่าตีมือตนเองตอนนั้นจริงๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของป๋ายลู่เสียนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาเพิ่งจะกลับออกมาจากการไปหาของป่าร่างกายจึงสกปรกไม่น้อย ข้างหลังสะพายตะกร้าสานที่เต็มไปด้วยของป่าจำพวกพืช สมุนไพร และเห็ดป่ามากมาย
ป๋ายเฉาหลัวที่เดินกลับมาพร้อมกับบิดาเห็นร่างคุ้นตาสองคนกำลังยืนคุยอยู่หน้าบ้าน เขาก็รีบวิ่งมาหาทันที “พี่ใหญ่!” ร่างผอมแห้งเล็กของน้องคนสุดท้องเข้ามากอดพี่ใหญ่ที่คราวนี้ไปนานถึงสามสี่วัน
“อาหลัว ตัวข้าสกปรกอยู่ เดี๋ยวเจ้าจะสกปรกไปด้วย”
“ไม่เป็นไรขอรับ เดี๋ยวข้าไปอาบน้ำใหม่กับพี่ใหญ่” คำตอบของเขาทำให้ป๋ายลู่เสียนหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่ล่าเนื้อได้หรือไม่ขอรับ”
“ขอโทษนะ ครั้งนี้แม้แต่กระต่ายป่าหรือนกสักตัวข้าก็ล่าไม่ได้”
ฮุ่ยชิวมองรอยยิ้มของคนที่รู้ตัวว่าทำให้น้องชายผิดหวังแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาในอก ป๋ายเฉาหลัวส่ายศีรษะบอกว่าไม่เป็นไร
“ข้ากินเห็ดแทนก็ได้” แม้จะอยากงอแง แต่เฉาหลัวก็รู้ว่าครอบครัวตนเองมีฐานะเช่นไร เพียงลำพังแค่หาเงินมาจ่ายค่าเช่าเรือนก็นับว่ายากพอแล้ว เขาเองเป็นลูกผู้ชายต้องอดทนกับความอยากให้ได้ มีเห็ดกินก็ยังดีกว่าไม่มี เห็ดก็อร่อยเช่นกัน
“ลู่เสียน เดี๋ยวเจ้าเอาสมุนไพรไปขาย หากได้เงินมากหน่อยก็ซื้อเนื้อมาให้น้องกินกันสักหนึ่งเหลี่ยงก็แล้วกัน จะได้หายอยาก”
“ขอรับท่านพ่อ”
ป๋ายเฉาหลัวเมื่อเห็นบิดาอนุญาตก็ดีใจอาสาไปช่วยพี่ชายคัดแยกสมุนไพรออกไปขายทันที ฮุ่ยชิวมาช่วยบิดาเตรียมหมั่นโถวออกไปขายอีกรอบ หมั่นโถวนี้ขายได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมยังไม่อาจจะสู้กับเจ้าใหญ่ที่ขายดิบขายดีได้จึงทำให้ต้องลดจำนวนที่ทำลงเพื่อไม่ให้ขายเหลือ
“ท่านพ่อ ให้พี่ลู่เสียนนำเงินไปซื้อเนื้อแล้วเราจะมีจ่ายค่าเช่าเรือนพอหรือเจ้าคะ” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ตัวนางยามเป็นต้าเฟยลี่ในชาติก่อนไม่เคยแม้แต่จะเจอความลำบาก มาชาตินี้ชีวิตของฮุ่ยชิวทำให้นางรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก นางคิดอยากจะช่วย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยเช่นไรถึงจะหลุดออกจากฐานะยากจนได้
ในบทนิยาย ต้าเฟยลี่เขียนให้พระเอกมาช่วยครอบครัวนางให้อยู่ดีกินดี โดยแลกกับการที่นางแฝงตัวเข้าไปเป็นนางกำนัลในราชวัง แต่หนนี้นางไม่ต้องการให้เรื่องดำเนินไปแบบเดิม
ป๋ายเลี่ยงรุ่ยมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ใบหน้าประดับรอยยิ้ม “ถึงไม่พอพ่อก็ออกไปขายหมั่นโถวอีกสักรอบก็ได้ น้องเจ้าอยากกินก็ให้เขาได้กินเถิด เด็กกำลังโตต้องบำรุงมากๆ หน่อย”
ฮุ่ยชิวยิ้มรับบิดา เมื่อบิดาออกไปขายหมั่นโถวอีกครั้ง ป๋ายลู่เสียนและป๋ายเฉาหลัวก็ออกไปขายสมุนไพร ฮุ่ยชิวที่อยู่เรือนว่างๆ จึงคัดแยกผักและเห็ดที่พี่ใหญ่เก็บมาออกไปล้าง การมาอยู่ในยุคที่ไร้เทคโนโลยีและความสะดวกสบายเช่นนี้ทำให้ฮุ่ยชิวเบื่อหน่ายไม่น้อย หากเป็นเมื่อก่อนหน้าร้อนเช่นนี้คงได้นอนเล่นโทรศัพท์เปิดแอร์เย็นฉ่ำสบายใจไปแล้ว
นางจัดการเก็บผักปักแช่น้ำเอาไว้ พร้อมทั้งพรมน้ำให้ชุ่มชื้นจะได้ไม่เหี่ยวเก็บเอาไว้กินได้นานๆ ส่วนพวกหัวมันหน่อไม้ที่ขุดมาก็แยกเอาไว้ในส่วนที่อากาศถ่ายเทไม่ชื้น
ฮุ่ยชิวนั่งรอทุกคนกลับมาอย่างเบื่อหน่าย สายตานางกวาดไปโดยรอบ หากมีกระดาษ ปากกาหรือดินสอสักแท่งก็ยังดีนางจะได้เขียนอะไรคลายเบื่อบ้าง คิดแล้วฮุ่ยชิวก็ถอนหายใจ นางจ้องมองที่เตาครัวซึ่งฟืนใกล้จะมอด ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเตรียมอาหารรอทุกคนกลับมา
“วัตถุดิบกับเครื่องปรุงมีเพียงเท่านี้เองหรือ” นางกวาดตามอง มีแต่ผัก หัวมัน เห็ด และข้าวสารเพียงแค่ไม่กี่กำมือ ไม่น่าเล่านางถึงได้กินแต่ข้าวต้มที่มีน้ำมากกว่าข้าว ไม่ก็หมั่นโถวที่บิดาเหลือขาย
ฮุ่ยชิวรีบส่ายศีรษะ เมื่อเห็นภาพตนเองหิวโซ ซ้ำยังผอมแห้ง
เมื่อคิดที่จะทำอาหาร นางกลับนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ในยุคปัจจุบันกับยุคโบราณนี้เห็นได้ชัดเลยว่าทำยากกว่า เพียงแค่จะจุดเตาฟืนที่ใกล้จะมอดยังยากเลย นางใช้เวลากว่าหนึ่งเค่อถึงจะจุดฟืนติดขึ้นมาอีกครั้งได้ “ถ้าเป็นเห็ดคั่วพริกเกลือจะอร่อยไหมนะ แล้วก็ใส่ผักบุ้งไปด้วย” นางรำพึงกับตนเอง ไม่มีความมั่นใจในฝีมือตนเองเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่เธอจะซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทำเสียมากกว่า แต่ไม่ลองก็ไม่รู้
เพราะมีนิยายหลายเรื่องที่ตัวเอกย้อนเวลามาทำอาหารแล้วรวย!
ฮุ่ยชิวยิ้มให้กำลังใจตนเอง นางเองก็อาจจะทำได้บ้างก็ได้ นางจัดการเตรียมวัตถุดิบ ล้างผักและเห็ดเอามาหั่น ตำพริกและกระเทียม ก่อนจะตั้งกระทะใส่น้ำมันเตรียมไว้ให้ร้อนจนมีควันขึ้น เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็โยนทุกอย่างลงกระทะไปพร้อมกันในทีเดียว
“ว้าย!” นางร้องเสียงหลงสัญชาตญาณทำให้ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างทันท่วงทีเมื่อไฟลุกขึ้นท่วมกระทะ ฮุ่ยชิวยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก นางเพียงแค่จะทำผัดคั่วเกลือรวมมิตรแต่เหตุใดถึงกลายเป็นไฟลุกไหม้กระทะขึ้นมาได้เล่า! ขณะที่นางกำลังกระวนกระวายเตรียมหาน้ำมาดับ พี่ชายนางก็กลับมาทันเวลาพอดี
“ชิวชิว!” เขาเห็นควันลอยออกมาจากในบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปทันที ภาพน้องสาวที่น่ารักตอนนี้กลายเป็นใบหน้าดำด้วยเถ้าถ่าน แถมยังมีไฟลุกไหม้อยู่ที่เตาครัวด้วย
ป๋ายลู่เสียนที่มีสติดีหยิบถังน้ำมาสาดเข้าที่กระทะทันที
เมื่อไฟมอดลงก็เห็นผักและเห็ดที่มีสีดำติดกว่าครึ่งลอยน้ำอยู่
ฮุ่ยชิวยิ้มแห้ง มือของนางยังคงถือตะหลิว ท่าทางดูขัดเขินและสำนึกผิดไม่น้อยที่เกือบจะทำไฟไหม้เรือน “กลับมาแล้วหรือพี่ใหญ่ พอดีว่าข้า...กำลังทำอาหารรอพวกท่านกลับมากินอยู่น่ะ” ว่าแล้วนางก็หัวเราะแห้งๆ เห็นทีเข้าครัว...น่าจะไม่ไหว
นิยายที่ตัวเอกย้อนเวลามาเป็นพ่อครัวแม่ครัวจนรวย ฮุ่ยชิวคนนี้คงจะนำมาใช้ไม่ได้...ครั้งนี้ไฟไม่ไหม้เรือนก็ดีโขนแล้ว!