เช้าวันใหม่ที่ไร้ความสดใส ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมานิวเยียร์ก็เอาแต่นอนมองเพดานห้องของตัวเองอยู่แบบนั้น เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อดี อีกแค่สัปดาห์เดียวเธอก็ต้องกลับไปเรียนแล้ว หรือว่าเธอควรจะกลับก่อนกำหนดดี เพราะอยู่ต่อก็คงไม่มีอะไรให้ทำ วันๆ เอาแต่อยู่ในห้อง ถ้าออกไปข้างนอกก็ไปแค่ร้านอาหาร ไปคาเฟ่ใกล้ๆ แถวนี้แค่นั้น แถมยังต้องไปคนเดียว นั่งกินข้าวคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียวจนเหมือนว่านี่ไม่ใช่การมาหาว่าที่คู่หมั้น แต่เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศมาทดลองใช้ชีวิตที่โตเป็นผู้ใหญ่ตามลำพังมากกว่า
คนตัวเล็กครวนหาสมาร์ตโฟนของตัวเองที่อยู่ข้างกายเป็นเพื่อนคลายเหงาในทุกคืน ก่อนจะปลดล็อกหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาพ่อกับแม่ของตัวเองเพื่อทักทายยามเช้าอย่างปกติที่ทำทุกวันหลังตื่นนอน ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปตัวเองในสภาพที่ยังงัวเงียส่งไปอ้อนพวกท่านอีกด้วย จากนั้นถึงได้ลุกจากที่นอนเดินเข้าไปอาบน้ำทำกิจวัตรส่วนตัวของตัวเองต่อ
นิวเยียร์ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานร่วมชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องของตัวเอง ตรงไปที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นหยิบนมออกมาเทใส่แก้วแล้วนำเข้าอุ่นในไมโครเวฟ เพื่อรองท้องในตอนเช้าให้ตัวเอง เธอรู้จักวิธีใช้ไมโครเวฟได้คล่องขึ้นเพราะได้คนเป็นแม่สอนว่าต้องทำยังไง และที่ครั้งนั้นไส้กรอกเธอระเบิดก็เพราะเธอไม่รู้ว่าต้องใช้ไฟระดับไหน จึงปรับไปที่แรงสุด ทำให้เกิดแรงดันที่มากและเร็วกว่าปกติจากคลื่นความร้อน จึงทำให้ไส้กรอกของเธอระเบิดออกมาแบบนั้น
ระหว่างยืนรอนมที่นำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟก็กวาดสายตามองหาคนใจร้ายไปด้วย แม้จะรู้ดีว่าเขาคงจะออกไปทำงานในวันหยุดที่สัญญาว่าจะไปเที่ยวกับเธอแล้ว แต่ก็อดที่จะมองหาไม่ได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานที่เขาทำมีอะไรบ้าง ถึงได้ทำให้เขาดูยุ่งขนาดนั้น เธอรู้แค่ว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงคนหนึ่ง และรู้อีกว่าตระกูลเขาคือตระกูลมาเฟียเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมา แต่ก็ไม่รู้ว่ามาเฟียเขาทำอะไรกันอยู่ดี จะถามก็กลัวคำตอบ เพราะมาเฟียในความเข้าใจของเธอคือพวกที่เลือดเย็น ฆ่าคนได้ง่ายๆ เหมือนมนุษย์เป็นแค่ผักแค่ปลา พวกเขาโหดเหี้ยมเกินมนุษย์จนเกินไป
ติ๊ง!
เสียงไมโครเวฟดังแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ให้ทำงาน นิวเยียร์รีบเปิดไมโครเวฟหยิบแก้วนมของตัวเองออกมาจากด้านใน ทุกวันนี้อาหารเช้าของเธอเป็นนมกับขนมปังแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทำอย่างอื่นไม่รอดเลยต้องพึ่งพาอะไรง่ายๆ แบบนี้แทน
“วันนี้ผมมีงานครับ”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วอยู่ไม่ไกล ทำให้คนที่ยืนดื่มนมอยู่ในครัวถึงกับชะงัก เธอนึกว่าเขาออกไปแล้วเสียอีก เพราะนี่ก็สายกว่าทุกวันที่เธอออกมาจากห้อง ก็ตั้งใจออกมาสายกว่าปกติเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขาให้ความน้อยใจที่มีมันยิ่งทวีคูณ
นิวเยียร์ทำทีเป็นไม่สนใจเมื่อคนตัวสูงเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาในครัว แต่ก็ยังมีแอบชำเลืองมองบ้าง ก่อนจะเห็นว่าเขาถือถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วติดมาด้วย เขาเดินผ่านด้านหลังของเธอไปวางถ้วยกาแฟในมือลงในซิงค์ล้างจาน แล้วเดินกลับมาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่ม โดยที่ยังคงคุยสายโทรศัพท์ไปด้วย ไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเธอเลยสักนิด
เมื่อเห็นว่านิกซ์ยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าตู้เย็น นิวเยียร์ก็รีบดื่มนมที่เหลือในแก้วให้หมดแล้วเดินเอาแก้วไปล้าง เพื่อจะได้ออกไปให้พ้นรัศมีของเขา เพราะเธอกำลังน้อยใจเขามากกว่าครั้งไหนๆ จนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาให้ยิ่งรู้สึกน้อยใจไปมากกว่านี้แล้ว
นิกซ์มองตามร่างบางที่เดินผ่านด้านหลังของตัวเองออกไปเงียบๆ ก่อนจะหันกลับไปมองที่ซิงค์ล้างจาน ถ้วยกาแฟที่เขาวางไว้ก่อนหน้าที่เธอจะเดินมาล้างแก้ว ก็ยังคงวางอยู่ที่เดิมเหมือนตอนแรก ทั้งที่ปกติถ้าเขาวางไว้แบบนี้เธอจะเป็นคนล้างให้เขาด้วย แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น
[นิกซ์ นี่ฟังที่แม่พูดอยู่รึเปล่า]
เสียงจากปลายสายดึงให้เขาหันกลับมาสนใจกับสายสนทนานี้ต่อ
“เอาไว้ผมว่างจะพาไปแล้วกันครับ” เขาตอบกลับคนเป็นแม่เสียงเรียบนิ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อกี้คนเป็นแม่พูดอะไร เพราะเขาไม่ได้ฟัง แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ จึงตอบรับออกไปอย่างส่งๆ เหมือนทุกที “แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องไปทำงานแล้ว”
หลังจากวางสายนิกซ์ก็เดินออกจากครัว เขาตรงไปยังห้องทำงานของตัวเองเพื่อหยิบของแล้วจะได้ออกไปทำงาน ระหว่างทางก็เดินสวนกลับนิวเยียร์ ที่สะพายกระเป๋าใบเล็กเดินตรงไปยังประตูห้องด้วยสีหน้านิ่งเฉยอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอไม่แม้แต่จะคุยกับเขาหรือยิ้มให้อย่างทุกที
ขวับ!
แต่แล้วอยู่ๆ คนที่เดินสวนออกไปก็หันขวับกลับมามองทางเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“น้องนิวออกไปข้างนอกนะคะ แค่บอกเฉยๆ ค่ะ ไปนะคะ”
พูดจบเธอก็หันกลับไปเปิดประตูออกจากห้องไปทันที เหมือนแค่บอกให้เขารับรู้อย่างทุกทีว่าเธอจะไปไหน ปกติเธอจะใช้วิธีการแชตบอก เพราะเขามักจะออกจากห้องก่อนเธอตื่นเสมอ แต่เขาก็ไม่เคยตอบกลับสักครั้ง บางครั้งก็ไม่เปิดเข้าไปอ่าน อ่านแค่แจ้งเตือนที่โชว์ขึ้นมาแล้วปัดทิ้งไปอย่างรำคาญ
นิกซ์เลิกสนใจคนที่กำลังทำตัวเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะเดินต่อไปที่ห้องทำงานของตัวเอง