คนคนหนึ่งจะสามารถทำตัวเย็นชาได้นานแค่ไหน แล้วคนคนหนึ่งจะสามารถอดทนต่อความเย็นชาของอีกคนได้นานขนาดไหนกัน
กว่าสองสัปดาห์แล้วที่นิวเยียร์มาอยู่ที่เพนต์เฮาส์กับว่าที่คู่หมั้นอย่างนิกซ์ แต่เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองมาเพื่อนั่งถอนหายใจทิ้งไปวันๆ เป็นสองสัปดาห์ที่เธอแทบไม่ได้เจอหน้าคนที่ตั้งใจมาหาด้วยซ้ำ แม้แต่นั่งทานข้าวด้วยกันยังไม่เคยมีเลยสักครั้ง เขาทำตัวเย็นชามากกว่าเดิมจนเธอรู้สึกน้อยใจไปหมดแล้วในตอนนี้ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเขางานยุ่ง แต่มันจะยุ่งสักแค่ไหนกัน ที่แม้แต่เวลาทานข้าวด้วยกันยังไม่มีให้เธอเลยด้วยซ้ำ แค่ครั้งเดียวก็ไม่เคยมี
“พี่นิกซ์” นิวเยียร์เรียกคนที่นั่งทำงานผ่านไอแพดอยู่ที่โซฟาเสียงเบา ก่อนจะเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ
“…” คนถูกเรียกทำเพียงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก้มหน้าลงสนใจงานที่ทำอยู่ต่อ โดยไม่ได้พูดอะไร
“พรุ่งนี้วันหยุดอีกแล้วนะคะ ไปเที่ยวกับน้องนิวหน่อยได้มั้ย”
“ฉันไม่ว่าง” นิกซ์ตอบกลับทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยสักนิด
“แต่อาทิตย์ก่อนนิกซ์บอกว่าให้รออาทิตย์นี้” วันหยุดวนมาถึงอีกครั้ง เธอก็ทำแบบเดิมด้วยการเดินมาทวงสัญญาที่เขาเคยพูดไว้ ว่าวันหยุดจะพาเธอไปเที่ยว แต่ก็ไม่เคยได้ไปสักที
วันหยุดในสัปดาห์แรกเดินทางมาถึง เขาก็บอกว่าติดงานด่วน เธอก็เข้าใจได้ และบอกให้รอวันหยุดของเขาในสัปดาห์ที่สองแทน และมันก็กำลังจะเดินทางมาถึงพรุ่งนี้แล้ว เธอจึงต้องมาทวงถามสัญญาที่เขาเคยให้ไว้
“ปกติเธอก็ไปคนเดียวได้นี่” นิกซ์พูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าเธอกำลังทำหน้ายังไง
“ถึงจะไปได้แต่น้องนิวก็อยากไปกับนิกซ์”
“งั้นเหรอ รออาทิตย์หน้าแล้วกัน”
“พูดแบบเดิมอีกแล้ว” น้ำเสียงของนิวเยียร์ตัดพ้ออย่างชัดเจน ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่มีต่อเขา ไม่เคยรู้สึกน้อยใจเขามากขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“…” นิกซ์ไม่ได้สนใจน้ำเสียงที่ฟังดูตัดพ้ออย่างน้อยอกน้อยใจนั่นเลยสักนิด เขายังคงนั่งทำงานตัวเองต่อไม่ได้สนใจคุยกับเธออีก
“เดี๋ยวน้องนิวก็ต้องกลับแล้ว อีกนานเลยกว่าจะได้เจอกัน ใจดีกับน้องนิวก่อนกลับหน่อยไม่ได้เหรอคะ” นิวเยียร์ยังคงพูดต่อ ไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปง่ายๆ แม้จะน้อยใจเขาแค่ไหนก็ตาม “มันทรมานนะที่ต้องโกหกพ่อแม่ว่าพี่นิกซ์พาไปนั่นนี่ตลอด”
ประโยชน์สุดท้ายทำเอามือหนาที่กำลังเลื่อนหน้าจอไอแพดถึงกับชะงัก นิกซ์เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งก็พบกับสีหน้าและแววตาที่สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะปกติแล้วไม่ว่าเขาจะใจร้ายใส่แค่ไหน ก็ไม่เคยได้เห็นสีหน้าแบบนี้ แต่มักจะได้เห็นสีหน้าตัดพ้อที่มีความดื้อรั้นอย่างคนอยากเอาชนะให้ได้อยู่ในนั้นด้วย
“ฉันไม่ได้บอกให้เธอโกหกนี่”
“ก็ถ้าน้องนิวพูดความจริง คุณพ่อคงตามมาพากลับบ้านทันทีแน่” บางทีคนเราก็ต้องรู้จักโกหก เพื่อปกป้องความรู้สึกของหลายคน แม้ว่าความรู้สึกตัวเองจะพังแค่ไหนก็ตาม
“นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของฉัน”
“นิกซ์ใจร้ายที่สุด ใจร้ายกว่าเดิมมากๆ” นิวเยียร์พูดเสียงสั่นเครือ ก่อนจะรีบเดินหนีออกจากตรงนั้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะน้ำตาไหลต่อหน้าเขา
เธอนึกว่าตัวเองสามารถอดทนต่อความเย็นชาของเขาได้เป็นอย่างดีแล้วเสียอีก แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ที่เมื่อก่อนเธออดทนได้เพราะมีผู้ใหญ่คอยปกป้อง คอยปลอบโยนให้กำลังใจเธอ เพราะเวลาที่เขาใจร้ายใส่ เธอก็มักจะทำตัวเป็นเด็กขี้ฟ้อง แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว เธอไม่อยากทำตัวเป็นเด็กนิสัยเสียขี้ฟ้องเหมือนเดิมแล้ว เลยพยายามที่จะอดทนด้วยตัวเอง แต่พอลองได้ทำ ลองได้พูดตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งพอที่จะอดทนได้ตลอดขนาดนั้นเลย
ถ้าอดทนแล้วได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมาบ้างก็คงจะดี คงจะมีกำลังใจให้อดทนต่อเพื่อผลตอบรับที่ดีขึ้นกว่าเดิม
นิกซ์มองตามหลังคนที่เดินหนีออกไป กระทั่งเธอเดินเข้าไปในห้องตัวเองเขาก็ยังไม่ยอมละสายตาจากประตูห้อง ความอดทนของเธอมันเอาชนะความใจร้ายของเขาไม่ได้หรอก ยิ่งเธออดทนได้มากเท่าไหร่ ระดับความเย็นชาของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
คนไม่ชอบ ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้อีกคนถอดใจ ก่อนที่งานหมั้นจะมาถึงในอีกไม่ถึงปีข้างหน้า เขาไม่ได้มองเธอเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทุกอย่างก็ติดตรงที่เขาเผลอไปรับปากกับพ่อแม่ว่าจะยอมหมั้นกับเธอเมื่อเธออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เพราะความรำคาญเขาเลยรับปากไปส่งๆ เพื่อตัดปัญหา แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะอดทนตามตื้อเขาได้เก่งขนาดนี้
เขาทำตัวเย็นชาและใจร้ายกับเธอมาตลอดสิบกว่าปี แต่เธอก็ยังอดทนเก่งตามตื้อเขามาตลอดสิบกว่าปีเช่นกัน จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้เห็นแววตาสั่นไหวพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครือของเธอ ตอนเด็กถ้าถูกเขาใจร้ายใส่เธอก็แค่ร้องไห้วิ่งไปฟ้องพ่อแม่ ทั้งพ่อแม่เขาพ่อแม่ตัวเอง แต่มาตอนนี้เธอกลับโกหกทุกคนที่เคยวิ่งร้องไห้ไปฟ้อง เพื่อให้ตัวเองได้อยู่กับเขาต่อ ช่างน่าเวทนา