EP 17

1131 Words
“ค่ะๆ ว่าแต่ทำไมคะ เผ็ดไปเหรอคะ?” “ผมไม่รู้สึกว่าใส่พริกมาด้วยซ้ำ พอไม่เผ็ดมันก็มีแค่รสเค็มกับรสเปรี้ยวนำเท่านั้น เอาออกไป แล้วทำมาใหม่ ให้แค่เจ็ดนาทีนะ” “ค่ะๆๆๆ” เมื่อไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ก็ได้แต่รับจานแล้วออกจากห้องไปทันที “เป็นอะไรอีกคราวนี้ช่า?” “เผ็ดน้อยไปค่ะ เดี๋ยวช่าจัดให้หนักๆ เลย” เคืองเจ้านายจอมเรื่องเยอะ เลยกะว่าจะใส่พริกสักกำมือ “คุณดนตร์กินรสจัด ช่าใส่พริกสักสิบสองเม็ดนะ จานขนาดนี้คงจะพอ” นาถรดีรีบแนะนำ ส่วนคนที่กะจะใส่สักกำมือนั้นได้แต่หันไปพยักหน้าให้ แล้วเข้าไปจัดการใหม่ทันที และด้วยความที่มีหมูยอแค่สองท่อน จะทิ้งแล้วทำใหม่ก็ไม่ได้ เลยโขลกพริกตามไปเท่านั้น แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าไม่รู้ม่อมใส่พริกไปกี่เม็ด เลยรีบออกไปถาม “น่าจะห้าหรือหกเม็ดค่ะคุณช่า ป้าก็จำไม่ได้ค่ะ” “ค่ะๆ” แล้วกลับเข้ามานับพริกใส่ไปในครกหกเม็ด เพราะถือว่า เผ็ดน้อยยังเอามาเติมได้ แต่ถ้าเผ็ดมากไปก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เวลาที่ใช้ไปในรอบนี้หกนาทีพอดิบพอดี เลยรีบสลัดรองเท้าคัชชูแล้วสาวเท้าเปล่าเดินเข้าห้องไป “มาแล้วค่ะ” พอวางจานปุ๊บ ก็ยืนรอเลย ด้วยรู้ดีว่าจะต้องมีอะไรให้ติติงอีกแน่ แต่คราวนี้เห็นท่านเพอร์ชิมแล้วเงียบ นั่นแปลว่าน่าจะผ่านฉลุย เลยเดินออกไปด้วยอาการโล่งอก “เฮ้อ! เสร็จสักที” “มาๆ กินเร็วเข้าช่า เดี๋ยวอีกหน่อยต้องไปเก็บสำรับของท่านเพอร์ป้าม่อมอีกนะ ไหนจะต้องชงกาแฟตบท้ายมื้อเที่ยงอีก” ตุลยพรเห็นใจรุ่นน้องไม่น้อย เพราะหน้าที่รับผิดชอบจุกจิกมากกว่าทำงานเอกสารอีก คิดๆ ไปก็ดีใจไม่น้อยที่ตัวเองได้สัมผัสช่วงเวลาอันยุ่งยากน้อยนิด ไม่งั้นคงต้องปวดหัวแน่ๆ “ค่ะพี่” พิชชารีบปรุงผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่ที่ม่อมจัดใส่จานมาให้ทันที ด้วยรู้ดีว่าตัวเองมีเวลาน้อย ส่วนเกตุวดีก็ต้องคอยดึงสายจากโต๊ะของนาถรดีมาคุยไปกับกินไปด้วย ม่อมเองก็ต้องคอยไปหยิบนั่นนี่ให้คนมาติดต่อไม่เว้น มีเพียงนาถรดีที่มักจะได้นั่งกินแบบไม่ต้องลุกไปไหน เพราะเป็นขาใหญ่ แต่ก็ต้องคอยตอบคำถามลูกน้องทั้งสี่เวลามีใครถามอยู่ดี “ช่าจ๊ะ! คุณดนตร์ให้เข้าไปเก็บสำรับตอนนี้เลย” เกตุวดีดึงสายจากโต๊ะนาถรดีส่งเสียงนุ่มมาหา เพราะเห็นใจรุ่นน้องที่ผัดซีอิ๊วยังเข้าไปอยู่ในท้องไม่กี่คำก็ต้องลุกแล้ว “ค่ะ” แล้วก็รีบลุกไปทันที ในใจก็ท่องไปด้วย ว่ากาแฟของบ่ายวันนี้เป็นสูตรลาเต้เย็น จะต้องใส่อะไรบ้าง และชงยังไงบ้าง เพราะเจ้านายจอมเรื่องแยะก็ต้องสั่งอยู่แล้ว “กาแฟบ่ายนี้ผมขอเป็น Flate White นะ บ่ายโมงสิบห้าให้เอาเข้ามาเลย” ขณะมือเก็บจานใส่ถาดไป ในหัวก็ทบทวนสูตรไปด้วยนั้นเอง ท่านเพอร์ก็ดันทำให้โปรแกรมรวนอีกแล้ว ได้แต่แย้งในใจว่า “แล้วจะมีตารางไว้เพื่อ? ถ้าจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกวันแบบนี้ เฮ้อ! หนีเจ้านายใช้งานหนักให้วันพักน้อย ก็ดันมาเจอเจ้านายเรื่องเยอะ ข้อเรียกร้องแยะเข้าให้แล้วเหรอวะช่า ชักจะเหม็นขี้หน้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ คดีที่นายขับรถชนเจ้าถุงเงินยังไม่ทันได้ชำระความเลยนะ นายก็ทำให้ชั้นรู้สึกแย่เพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอยะ เดี๊ยะๆๆ” “ค่ะ” ต่อให้คาดโทษเจ้านายไว้ในใจยังไง แต่สุดท้ายก็จำต้องรับคำสั้นๆ และด้วยน้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลสุดๆ แล้ว จากนั้นก็ยกถาดเดินไปหาประตูอยู่ดี “เดี๋ยว” ยังไม่ทันได้เดินไปไหนไกล คนนั่งอยู่ก็เรียกไว้ด้วยน้ำเสียงหนักๆ ก่อน เลยต้องหันกลับไป แล้วยืนนิ่งเพื่อรอว่าท่านจะสั่งอะไร หรือจะต่อว่าอะไรอีก “คะ?” “คุณแกล้งผมหรือเปล่านี่?” ท่านเพอร์นั่งไขว่ห้างกอดอก ตาก็จ้องไปหาผู้ช่วยเลขาหน้าใหม่เพื่อจับพิรุธ “คะ?” “บอกแล้วไงว่าผมไม่ชอบพูดซ้ำ คุณก็ได้ยินที่ผมถามแล้วนี่ ตอบ!” “เปล่านี่คะ แล้วอะไรทำให้คุณคิดว่าช่าแกล้งคะ?” “ก็แกล้งใส่ของที่ผมเกลียดมาในอาหารไง หรือแกล้งทำรสชาติจืดชืด ทั้งที่รู้ว่าผมกินรสจัดจ้านไง” “เปล่าค่ะ ช่าไม่รู้จริงๆ สาบานให้ฟ้าผ่าตายก็ได้ค่ะ คุณเป็นเจ้านาย จ่ายเงินเดือนให้ ช่าจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ?” “ก็เคืองที่ผมขับรถชนหมาคุณไงล่ะ” “โอ๊ย! ช่าลืมเรื่องนั้นไปแล้วค่ะ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย” ถึงจะเคืองมากแค่ไหน แต่ก็กลัวจะตกงาน เลยจำต้องโกหกคำโตออกไป “จริงเหรอ?” “จริงค่ะ ช่าหนักค่ะ ไปได้ยังไงคะ?” เพราะถือถาดอยู่นานแล้ว หนักจนมือสั่น พอเห็นว่าท่านเพอร์ไม่เอ่ยอะไร เลยเดาเอาว่าคงไม่มีอะไรจะถามแล้ว เลยรีบหมุนตัวกลับไปหาประตู “เดี๋ยว” แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงหนักๆ ดังตามมาอีก เลยต้องหันกลับไป “คะ?” “อะไรของนายอีกเนี่ย ชั้นหนักนะยะ แขนจะหลุดอยู่แล้ว” ในใจนั้นอยากจะพ่นประโยคนี้ออกมาแทบแย่ แต่ก็จำต้องห้ามปากไว้ “ผมลืมถาม” “อะไรคะ?” “หมาคุณเป็นยังไงบ้าง?” ถึงจะไม่ชอบหมาสักนิด แต่เขาก็ไม่วายอยากรู้ ด้วยกลัวจะบาปหนัก หากมันเป็นอะไรขึ้นมา ในใจก็หวาดหวั่นกับคำตอบไปด้วย “ยังไม่ตายค่ะ” “บาดเจ็บตรงไหน หรืออะไรบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” “ยังอยู่โรงพยาบาลค่ะ” “เงินที่ผมให้พอค่าหมอหรือเปล่า?” “ยังไม่รู้ค่ะ ต้องรอตอนไปรับออกมาอีกที” “ถ้าไม่พอก็บอกละกัน ผมไม่อยากมีบาปติดตัว” “ค่ะ ช่าไปได้ยังคะ? หนักมากค่ะถาดนี้” “เชิญ” คนหน้าหล่อยิ้มร่า เมื่อสาวที่แทนตัวว่าช่าๆๆ ทุกครั้งออกจากประตูไป อยากแกล้งใส่หอมหัวใหญ่มาในยำ กับทำรสจืดชืดมาให้ดีนัก ถ้าไม่กลัวแขนหัก พ่อจะแกลังให้ยืนสักชั่วโมงเชียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD