EP 18

1122 Words
ตอนที่ 4   ใกล้สองทุ่มแล้ว หลังจากดนตร์บอกลาว่าที่ลูกค้ากระเป๋าหนัก ซึ่งมาพักผ่อนในประเทศไทยครั้งแรก จากคำชวนของเขา การจราจรที่ยังคงติดอยู่ทำให้เขารำคาญและเบื่อหน่ายไม่น้อย ข่าวจากหน้าจอที่ติดไว้กับหลังเบาะนั้น ทำให้เขายิ่งไม่อยากเอาเข้าหูด้วยซ้ำในขณะนี้ พอหันออกไปมองนอกหน้าต่างก็เห็นป้ายคุ้นๆ ที่บอกว่าเป็นทางลัดทะลุไปอีกถนนได้ “เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลยลุง” เลยตัดสินใจสั่งเสียงห้วนนิดๆ เพื่อหนีรถติดหนึบหนับ หมู่บ้านนี้ค่อนข้างใหญ่ ถนนก็กว้าง รถก็ไม่ค่อยมี นั่นทำให้เขาอดคิดถึงวันที่เลี้ยวลัดเลาะมาไม่ได้ เป็นเหตุให้รถคู่ใจราคาหลายสิบล้าน ได้แผลไปเพราะอะไรสักอย่าง เขาเองก็ยังไม่รู้จนป่านนี้ ที่รู้แน่ๆ คือ เจ้าตูบเจ็บหนักเพราะเขา “ออกหมู่บ้านแล้วเลี้ยวซ้ายนะ จอดตรงโรงพยาบาลสัตว์ให้ผมหน่อย” เมื่อผ่านจุดที่เขาเอง ก็ไม่รู้ว่าชนเจ้าตูบไปตอนไหน เลยสั่งเสียงห้วนนิดๆ อีก พอรถเลี้ยวซ้ายก็เห็นคนท่าทางคล่องแคล่ว เดินลากแตะอยู่ตามบาทวิถี แล้วไปหยุดยืนตรงหน้าโรงพยาบาล “รอตรงนี้” เขารีบลงไปยืนจนเต็มความสูง เพื่อหมายจะถามอาการเจ้าตูบ แต่อีกคนก็เดินเข้าประตูไปแล้ว เขาเห็นว่ากำลังยืนคุยกับใครสักคนที่อุ้มเจ้าตูบอยู่ เขาเดินเลี่ยงไปไกลพอสมควร ถึงได้วกเข้าประตูโรงพยาบาล “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ?” เสียงพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ดังพอที่จะทำให้คนในคลินิกหันมามองเขาแทบจะพร้อมกัน ค่ำนี้ลูกค้าเยอะกว่าครั้งก่อนมาก และแน่นอนว่าคนที่เขาเดินตามมานั้น ก็หันมามองแถมยังทำหน้าแปลกๆ ใส่อีกต่างหาก เลยเดินตรงไปหาก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน “ผมจะมาถามเรื่องหมาคุณว่าเป็นยังไง?” “อ๋อ! ช่ายังไม่รู้เหมือนกันค่ะ กำลังจะไปดู คุณจะไปด้วยกันมั้ยคะ?” ถึงจะเคืองที่เจ้านายสั่งให้จัดมื้อเที่ยงเก้ออีกวัน แต่พิชชาก็ส่งเสียงนุ่มไปหา มือก็ชี้ไปด้านในโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าถุงเงินนอนรักษาตัวอยู่ “เอ่อ! ผมรอตรงนี้ดีกว่า คุณไปดูแล้วมาบอกละกัน” คนถูกชวนเกิดอาการลังเล แถมยังยืนตัวลีบอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ตาก็มองบรรดาสัตว์เลี้ยงที่มารอรักษา มีเจ้าของอุ้มไว้กับอกบ้าง นั่งอยู่พื้นบ้างด้วยอาการไม่ค่อยจะไว้ใจ “อ้าว! แล้วคุณจะรู้เหรอคะว่าอาการเป็นยังไง ถ้าไม่ไปด้วยกัน?” โฮ่งๆๆๆ อยู่ๆ เจ้าโกลเดน รีทรีฟเวอร์ตัวโต ที่รอคิวเข้าไปหาหมอก็เห่าใส่เขาเสียงดังลั่นโรงพยาบาล จากที่ยืนตัวลีบและกะว่าจะปักหลักอยู่ที่เดิม และกำลังจะเปิดปากบอกอีกฝ่ายให้ไปดูแทนอยู่นั้น ถึงกับก้าวยาวๆ ไปยืนข้างๆ ทันที “ไปก็ได้ ทางไหนล่ะ คุณนำไปสิ” “ทางนี้ค่ะ” โฮ่งๆๆๆๆๆ คนตัวใหญ่กำลังจะเดินตามคนตัวเล็กไป พอได้ยินเสียงเจ้าตูบเห่าซ้ำคล้ายๆ กับไล่เท่านั้น ก็รีบก้าวเร็วๆ ตาม มือใหญ่นั้นก็เกาะแขนเล็กเรียวไว้ทันที ทำเอาเจ้าของแขนหันมามองด้วยความตกใจ พอเห็นสีหน้าคนเกาะ ดูจะระแวดระวังมากเกินกว่าเหตุ ก็เข้าใจได้ทันทีว่า “คุณกลัวน้องหมาเหรอคะ?” ปากนั้นไวกว่าความคิดด้วยซ้ำ เลยถามด้วยท่าทีขำๆ ออกไป นั่นทำให้คนตัวใหญ่ไม่พอใจสักนิด เลยส่งเสียงห้วนมาหา “อื๊ม! ว่าแต่หมาคุณอยู่ตรงไหนล่ะ?” โฮ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนถูกถามยังไม่ทันจะได้ตอบด้วยซ้ำ เสียงเจ้าตูบหลายสิบตัวในกรง ต่างพร้อมใจกันเห่าดังระงมเมื่อมีคนเข้าไปด้านไหน นั่นทำเอาคนตัวใหญ่ถึงกับเกาะแขนเล็กเรียวไว้แน่นกว่าเดิม ถ้าไม่ติดว่าจะเสียฟอร์มคงได้วิ่งกลับไปนั่งรอในรถแล้วด้วยซ้ำ “ว่าไงลูกแม่ เป็นไงบ้างวันนี้ แม่ขอโทษนะที่มาหาช้า แม่งานยุ่งจ้า” คนเรียกตัวเองว่าแม่หันไปหาคนตัวใหญ่ที่ยืนเกาะแขนอยู่ เพราะวันนี้นาถรดีมีงานเยอะ เลยต้องอยู่ช่วยจนค่ำมืด กว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบมาเลย ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน “วันนี้ย่าไปหาเจ้าถุงเงินมาแน่ะ ได้คุยกับหมอด้วยนะ หมอบอกว่ามันน่าจะเดินไม่ได้แล้วล่ะช่า ขาหลังอาจจะเป็นอัมพาตแล้ว” เข้าบ้านไปไม่กี่อึดใจย่าก็รีบรายงานผลทันที นั่นทำให้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วต้องรีบมา แทนที่จะกินข้าวเย็นกับย่าก่อนค่อยมา เพราะสงสารลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่น้อย “สวัสดีค่ะแม่น้องถุงเงิน” พิชชาหันไปหาตามเสียง ก็พบว่าเป็นหมอเจ้าของไข้ของถุงเงิน เดินเข้ามาในชุดสบายๆ เดาได้ว่าน่าจะออกเวรไปแล้ว แต่กลับมาทำธุระอะไรสักอย่างแน่นอน มือบางเลยรีบยกไหว้ทันที “สวัสดีค่ะ” “อ้าว! วันนี้คุณพ่อน้องก็มาด้วยเหรอคะ ดีๆ ค่ะ น้องจะคงดีใจที่เห็นพ่อกับแม่พร้อมหน้ากัน” ถึงพิชชาจะพาลูกสี่ขามารักษาที่โรงพยาบาลนี้ตลอด แต่ก็ไม่ค่อยเจอหมอคนเดิมนัก ด้วยมีหมอหลายคน สลับสับเปลี่ยนกันไปมาตลอด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม หมอจึงเหมาว่าคนข้างๆ เป็นพ่อเจ้าถุงเงินไป “เอ่อ...คือว่า...” “ว่าไงถุงเงิน วันนี้คุณพ่อรูปหล่อมาหาด้วยนะ ดีใจมั้ยลูก?” คุณแม่ยังไม่ทันจะได้แก้ข่าวใดๆ หมอสาวก็ทักทายเจ้าถุงเงิน ที่ตะเกียกตะกายอยากจะออกมาหาแม่แล้ว พร้อมกับครางงึ้ดๆๆ “เป็นไงบ้างลูกแม่ คิดถึงแม่เหรอคร้าบ เอามาอุ้มได้หรือเปล่าคะ?” เพราะสงสารลูกชายที่นอนให้น้ำเกลืออยู่ในกรงจับจิต เลยหันไปหาหมอเจ้าของไข้ด้วยความห่วงอาการลูกมากกว่า “ได้นิดหนึ่งค่ะ” พอหมออนุญาตเท่านั้น พิชชาก็รีบเปิดกรง อุ้มเจ้าตูบที่ขาหลังทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงมาไว้กับอก แล้วก็จูบลงไปตรงจมูกแห้งๆ ของลูก “ลูกชายแม่ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เห็นย่าบอกว่าถุงเงินจะเดินไม่ได้เหรอคะคุณหมอ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD