แต่ก็ไม่วายต้องขุ่นเคืองกับเรื่องเดิม ถึงสองวันเต็มๆ ในอาทิตย์ถัดมา เพราะเจ้านายสั่งให้เตรียมมื้อเที่ยงไว้อย่างดิบดี สุดท้ายก็มีอันต้องออกไปกินข้างนอกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
วันนี้ก็ถูกสั่งให้จัดเตรียมอีก พิชชาเลยทำไปแบบเสียไม่ได้ เพราะเดาออกว่าคนสั่งคงไม่ได้อยู่กินแน่นอน เดี๋ยวก็จะต้องมีเรื่องนั้น เรื่องนี้ให้ออกไปจนได้
“คุณช่าจะทำอะไรให้ท่านกินคะเที่ยงนี้? ป้าจะได้ไปซื้อของ”
ม่อมเดินมาถาม หลังจากทำงานในหน้าที่ตัวเองเสร็จหมดแล้ว คนถูกถามที่กำลังคีย์ข้อมูลการขายตาม คำสั่งลูกพี่ใหญ่อยู่ก็ตอบแบบไม่คิดสักนิดว่า
“ป้าไปถามพี่ๆ เลยค่ะ ว่าอยากจะกินอะไรดี เดี๋ยวช่าจัดให้ได้หมดค่ะ”
“อ้าว! ไหงงั้นคะ?” แม่บ้านพอรู้อยู่บ้างแต่แกล้งแซว
“ก็ทำไว้ทีไร ท่านของป้าไม่ได้อยู่กินสักทีนี่คะ วันนี้ช่าก็คิดว่าคงเหมือนเดิมอีกนั่นล่ะค่ะ”
“จะอยู่กินหรือไม่อยู่ แค่เราทำไว้ตามหน้าที่ก็พอแล้วนี่จ๊ะช่า ดีซะอีก พวกเราจะได้ประหยัดค่ามื้อเที่ยงไง”
นาถรดีหันมาเตือนแล้วยิ้มน้อยๆ ด้วยเข้าใจลูกน้องดีว่าตั้งใจทำมาหลายรอบแล้ว
“ค่ะพี่”
พิชชายิ้มแห้งๆ ให้ด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็วางมือจากงานตรงหน้า คว้ากระดาษกับดินสอ จดรายการที่อยากได้ส่งให้ม่อม
“ตกลงคุณช่าจะทำเมนูอะไรคะ?”
ม่อมอ่านรายการแล้วก็ยังเดาไม่ออก เพราะของบางอย่างมีอยู่ในตู้เย็นแล้ว เลยซื้อแค่ของที่ขาดเท่านั้น
“ยำหมูยอ หมึกกุ้งผัดผงกะหรี่ กับต้มจืดหมูสับวุ้นเส้นค่ะ”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวป้าจัดให้ แล้วคุณๆ จะต้องซื้อมื้อเที่ยงมั้ยคะ หรือว่ากินของที่ทำนี่เลยคะ”
ม่อมเองก็เดาทางเจ้านายไม่ถูกเช่นกัน เพราะสองวันที่ผ่านมาคือ มื้อเที่ยงที่ซื้อไว้เป็นหมันหมด ต่างคนต่างหิ้วกลับบ้าน
“ซื้อเหมือนเดิมนั่นล่ะป้า คุณดนตร์ไม่อยู่กิน พวกเราก็หิ้วกลับบ้านเหมือนเดิมไง”
เกตุวดีมือยุ่งกับงาน แต่หูนั้นฟังทั้งสองคุยกันรีบบอกทันที พิชชาได้แต่ยิ้มให้แม่บ้านแล้วก้มไปหางานหน้าที่ผู้ช่วยต่อ พอใกล้สิบเอ็ดโมงก็เข้าไปทำหน้าที่เชฟจำเป็น ก่อนเที่ยงสิบห้านาทีก็เข้าไปจัดโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเจ้านายนิ่งยังนั่งทำงานอยู่และแบบไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน
“มีอะไรกินเที่ยงนี้...”
“ว้าย!!! ตกใจหมดเลยค่ะ”
เพราะกำลังจัดโต๊ะอยู่เพลินๆ คนนั่งนิ่งก็ดันถามมา เลยตกใจจนเกือบทำจานข้าวหลุดมือ
“อ้าว! นี่ผมผิดเหรอ ที่ถาม?”
คนทำให้ตกใจงงไม่น้อย เมื่อหันไปหาแล้วเห็นผู้ช่วยคนใหม่มองมาหาแถมทำหน้าบูดใส่อีกต่างหาก
“เปล่าค่ะ”
“แล้วหน้างอใส่ผมทำไม?”
“เปล่า ไม่ได้งอค่ะ”
“ก็ผมเห็นอยู่นี่ว่างอ”
“ไม่ได้งอค่ะ”
“ทั้งงอทั้งบูดล่ะสิไม่ว่า แล้วตกลงทำอะไรให้ผมกิน? หิวแล้ว”
คนถามลุกเดินไปหาโต๊ะทันที เพราะเที่ยงนี้รู้สึกหิวไม่น้อย ตาก็มองสำรับ มีฝาชีสเตนเลสครอบไว้
“ยำหมูยอ หมึกกุ้งผัดผงกะหรี่ กับต้มจืดหมูสับวุ้นเส้นค่ะ ส่วนข้าวก็ไรซ์เบอร์รีค่ะ”
“โอเค”
คนหิวรีบออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำกับล้างมือทันที ส่วนเชฟจำเป็นก็รีบออกไปยกน้ำเปล่า กับผลไม้มาให้ จะได้ไม่ถูกเรียก ตอนตัวเองกับพี่ๆ กินข้าว
“นี่อะไร?”
เจ้านายนิ่งทำหน้างอใส่บ้าง เมื่อเปิดฝาชีออก เชฟจำเป็นหันไปหาก็เห็นว่าเป็นจานยำ ในใจก็กลัวว่าจะถูกด่าข้อหาเอาอาหารพื้นๆ มาขึ้นโต๊ะให้แทบแย่
“ยำหมูยอค่ะ อย่าบอกนะคะว่าคุณไม่ชอบ?”
“ไม่ได้ชอบแต่ก็กินได้”
“แล้วทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ?”
“คุณนาถไม่ได้บอกหรือไง ว่าผมเกลียดหอมหัวใหญ่ แล้วนี่ใส่มาทำไม?”
“เอ่อ!”
เชฟจำเป็นยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะจำไม่ได้ว่าลูกพี่เคยบอกเรื่องหอมหัวใหญ่ไว้หรือเปล่า อีกทั้งก็มัวแต่ห่วงเรื่องไม่ใส่ขึ้นฉ่าย แต่คนเป็นเจ้านายนั้นยื่นจานยำมาให้ พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลานั้นก็งอง้ำใส่ทันที
“ไปทำมาใหม่ ถ้าไม่รู้ว่าผมกินรสแบบไหน หรือไม่กินอะไร ช่วยไปถามคุณนาถเอา ให้เวลาสิบนาที”
“ค่ะ”
รู้ดีว่ายังไงก็เถียงไม่ขึ้น เลยรีบรับจานแล้วเดินออกนอกห้องทันทันที นาถรดีลุกจากโต๊ะทำงานตรงไปหาโต๊ะอเนกประสงค์เพื่อกินข้าว เห็นก็สงสัยไม่น้อย แต่พอมองของในมือ
“นี่ช่าใส่หอมหัวใหญ่ไปเหรอ? พี่เคยบอกแล้วไงว่าคุณดนตร์ไม่ชอบ”
“ช่าจำเรื่องหอมหัวใหญ่ไม่ได้ค่ะพี่ จำได้แต่ขึ้นฉ่ายค่ะ เดี๋ยวช่าไปทำให้ใหม่ค่ะ”
ผู้ช่วยเลขาวางจานลงตรงโต๊ะที่พี่ๆ เริ่มเดินมานั่งแล้ว จากนั้นก็เข้าห้องครัวจัดการยำใหม่ทันที
“ดีนะที่สั่งหมูยอมาสองท่อน ไม่งั้นตายแน่ๆ”
“มีอะไรให้ป้าช่วยมั้ยคะคุณช่า?”
ม่อมรีบวิ่งมาทันที
“ฝากป้าโขลกพริกให้ทีค่ะ เดี๋ยวช่าจะลวกหมูยอกับหั่นผักรอ”
“ค่ะๆๆ”
“เร็วนะคะ ช่ามีเวลาแค่สิบนาทีค่ะ”
“รู้ค่ะ”
ราวเก้านาที ยำจานใหม่ก็เสร็จ เชฟสาวรีบวิ่งเอาเข้าไปในห้องทันที ก็เห็นว่าเจ้านายนั่งกอดอกมองมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ได้แต่คิดในใจว่า ถ้าหิวทำไมไม่กินอย่างอื่นรอไปเลย
“ช่วยเอาซุปนี่ไปอุ่นด้วย ผมนั่งรอยำจนมันเย็นแล้ว ห้านาทีพอนะ ผมหิว”
“ค่ะๆ”
อีกครั้งที่ไม่มีเวลาได้เถียง เพราะกลัวห้านาทีจะหมดไป พี่ๆ ที่กินข้าวต่างมองมาหาด้วยความเข้าอกเข้าใจ พนักงานแผนกอื่นที่กำลังจะออกไปกินข้าว ก็มองมาด้วยท่าทีเดียวกัน เพราะรู้กิตติศัพท์ของท่านเพอร์ดีว่าเป็นยังไง
“ได้แล้วค่ะ”
สี่นาทีนิดๆ ก็รีบประคองชามต้มจืดเข้าไปในห้องอีกรอบ ในใจก็ภาวนาขออย่าให้ต้องเอาอะไรกลับออกไปอุ่นอีกเลย
“ยำนี่คุณใส่พริกกี่เม็ด?”
ท่านเพอร์หน้าบึ้งใส่อีก
“เอ่อ! ไม่รู้ค่ะ พอดีป้าม่อมช่วยโขลกให้ค่ะ”
“ผมจ้างคุณทำนะ ไม่ได้จ้างคนอื่น แล้วให้เขาทำทำไม?”
“ก็กลัวไม่ทันเวลาที่คุณบอกไว้นี่คะ อีกอย่างป้ามีน้ำใจเข้าไปช่วย ช่าก็เลยบอกให้โขลกพริกให้ค่ะ”
“ทีหลังอย่าให้ใครช่วยอีก ผมจ้างคุณ ไม่ได้จ้างคนอื่น”