“โหย! ถ้าได้งานจริงๆ ช่าก็จะได้เงินเดือนสี่หมื่นเลยเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ พี่ถึงอยากให้นาถลองสมัครดูไง แล้วพี่จะบอกคุณดนตร์อีกที ว่ารู้จักกับช่ามานาน รับรองว่าได้งานแน่ๆ เชื่อพี่เถอะ ลาออกจากงานรอยังได้เลย”
ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ายอมทำตามคำแนะนำของนาถรดีจริงๆ ตอนนี้ตัวเองจะต้องกลัดกลุ้มกับการต้องวิ่งวุ่นหางานใหม่มากแค่ไหน ไม่คิดไม่ฝันว่าโลกจะกลมขนาดนี้
“อ้าว! ว่าไงคุณ ตกลงได้ที่เก่าเท่าไหร่ ผมมีเวลาน้อยนะ จะบอกหรือไม่บอก?”
“เอ่อ! สามหมื่นค่ะ”
ถ้าเป็นคนอื่น คงจะทำตามคำแนะนำของนาถรดีตรงๆ แต่กับนายนี่ ซึ่งเป็นคนใจร้าย ทำเจ้าถุงเงินบาดเจ็บปางตาย มันต้องเล่นหนักๆ หน่อย ถ้าได้งานก็จะได้เงินเพิ่มเยอะกว่าเดิม แต่ถ้าไม่ได้ก็ดี เหม็นขี้หน้านัก อีกอย่างนายนี่ไม่น่าจะใจปั้มให้หกหมื่นแน่ๆ
“ก็แค่นั้นล่ะ แล้วไม่เห็นเขียนในใบสมัครเลยว่าต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ แล้วถ้าผมให้เท่าที่เก่าล่ะคุณจะเอามั้ย?”
คนถูกซักทำหน้าจ๋อยแล้วก็ก้มหน้าเงียบ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะขอเท่าไหร่ดี แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะให้อีกเท่าตัวอย่างที่นาถรดีบอกแน่ๆ
“คุณจะมีปัญหามั้ย ถ้าผมเรียกให้มาช่วยงานในวันหยุด หรือต้องทำงานต่อดึกๆ แต่ผมก็จ่ายโอทีตามกฎหมายแรงงานนะ เผลอๆ จ่ายมากกว่าด้วย อันนี้แล้วแต่ว่าคุณจะทำงานถูกใจผมมากน้อยแค่ไหน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ดี แล้วปกติคุณใส่รองเท้าส้นสูงหรือส้นเรียบ?”
“คะ?”
“ตอบผมมา รู้ไว้ด้วยว่าถ้าเราจะทำงานด้วยกัน ผมไม่ชอบต้องพูดซ้ำ โอเค๊ ตอบ!”
“ส่วนใหญ่จะเรียบค่ะ”
“เพราะ?”
“เดินคล่องดีค่ะ แต่เวลาออกงานก็มีบ้างที่ใส่ส้นสูง”
“กี่นิ้ว สาม สี่ หรือว่าห้า?”
“เอ่อ! สองถึงสามค่ะ”
“ชอบแต่งหน้ามั้ย วันนี้คุณไม่แต่ง แล้ววันต่อไปจะแต่งมั้ย หมายถึงเวลามาทำงานที่นี่?”
“ปกติไม่แต่งค่ะ ยกเว้นเวลาออกงานมีบ้างนิดหน่อยค่ะ”
“ใส่กระโปรงสั้นหรือยาว?”
“คะ?”
เริ่มหมั่นไส้ไม่น้อยแล้ว จะถามอะไรนักหนาและไม่เกี่ยวกับงานสักนิด
“ตอบ”
คนสัมภาษณ์เลยส่งเสียงหนักให้ เพราะรำคาญเช่นกัน
“เอ่อ! ส่วนใหญ่จะยาวค่ะ หรือบางทีถ้าต้องออกนอกออฟฟิศก็จะใส่กางเกงค่ะ”
“มีแฟนหรือยัง? ในนี้บอกว่ายังไม่แต่งงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยังไม่มีแฟน”
“คะ?”
พิชชาส่งเสียงสูงนิดๆ เพราะรู้สึกว่ามันจะมากไปแล้ว ลามมาถึงเรื่องส่วนตัวแล้ว มาสมัครงานนะ ไม่ได้มาหาแฟนหรือหาคู่เดต จะได้มาถามซอกแซก
“ตอบมา คุณนาถคงบอกแล้วนะ ว่าเวลาผมมีน้อย”
“ยังค่ะ”
“ยังนี่คืออะไร คุณนาถยังไม่บอก หรือยังไม่มีแฟน หรือว่ามีแฟนแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน?”
“ทั้งสามอย่างค่ะ”
“ทำอาหารเป็นมั้ย?”
“เป็นค่ะ”
“อาหารอะไร ไทย จีน ยุโรป?”
“เอ่อ! ส่วนใหญ่จะไทยค่ะ จีนก็แบบง่ายๆ ยุโรปก็จะแค่พวกพาสต้ากับสเต๊กค่ะ”
“โอเค ผมสรุปคร่าวๆ นะ ว่าคุณมีประสบการณ์ด้านเลขาสามปี นับตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานที่เดียวมาตลอด ได้เงินเดือนสามหมื่น คุณไม่ค่อยใส่ส้นสูง ไม่ค่อยแต่งหน้า ไม่มีปัญหาถ้าถูกเรียกมาช่วยงานในวันหยุด หรือทำงานล่วงเวลาดึกๆ ดื่นๆ คุณใส่กระโปรงยาวมากกว่าสั้นหรือไม่ก็ใส่กางเกง คุณไม่มีแฟน คุณทำอาหารไทยเป็นหลัก จีนก็แบบง่ายๆ ยุโรปก็จะแค่พวกพาสต้ากับสเต๊ก ทั้งหมดนี้ถูกต้องมั้ย?”
“ค่ะ”
“แล้วคุณเริ่มงานได้เร็วสุดเมื่อไหร่ พรุ่งนี้เลยได้มั้ย?”
“คะ?”
“ย้ำอีกรอบคือ ผมไม่ชอบพูดซ้ำ คุณได้ยินแล้วว่าผมถามอะไร แค่ตอบมา ว่าได้หรือไม่ได้เท่านั้น ตอบ”
“เอ่อ! ฉันต้องลาออกจากที่เก่า แล้วต้องรอส่งงานก่อนค่ะ ถึงจะมาเริ่มงานได้”
“เร็วสุดเมื่อไหร่?”
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“โอเค ผมตกลงรับคุณเข้าทำงาน ให้เงินเดือนหกหมื่นบาท ออกไปบอกคุณนาถเลย แล้วอาทิตย์หน้ามาเริ่มงาน ขอบคุณที่อยากร่วมงานกับเรา”
“เอ่อ! ค่ะ”
“เชิญ”
พิชชาลุกขึ้นด้วยท่าทีงงไม่น้อย เมื่ออีกฝ่ายผายมือไปหาประตู ในใจก็ถามตัวเองไปด้วย
“เอ๊ย! แกได้งานแล้วเหรอวะช่า ทำไมมันง่ายจัง เงินเดือนตั้งหกหมื่นด้วย นี่แกไม่ได้ฝันนะช่า ถ้าอีพวกเพื่อนๆ แกรู้เข้า มันจะว่ายังไงวะ?”
“อ้อ! เอานี่ไปให้คุณนาถด้วย ฝากให้โทรเรียกลุงชอบมารอหน้าประตูเลย เดี๋ยวผมออกไป”
พิชชาเดินไปรับใบสมัครที่เขายื่นให้มาถือไว้แล้วเดินออกจากห้อง
“เป็นไงบ้างจ๊ะช่า?”
คนถูกถามเกิดอาการตื้อตันจนตอบไม่ถูก เพราะยังงงๆ อยู่ ไม่รู้ว่าได้งานนี้ยังไง ในใจก็ถามตัวเองไปด้วยว่าฝันไปหรือเปล่า เพราะจากที่คิดว่าจะถูกเขาไล่ตะเพิดออกจากห้องตั้งแต่ตอนแรก กลับกลายเป็นว่าได้งาน แถมเงินเดือนเยอะกว่าที่เดิมอีก
“ได้ค่ะพี่”
“ดีใจด้วยนะจ๊ะ เห็นมั้ยพี่ว่าแล้ว คุณดนตร์จะต้องชอบช่าแน่ๆ นั่งก่อนๆ พี่จัดการงานตรงนี้เสร็จ แล้วจะคุยรายละเอียดอีกที”
“ค่ะ”
คนงงยังคงรับคำไปอย่างนั้น ไหล่ระหงก็ถูกเลขาใหญ่กดให้นั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะ ที่รกไปด้วยเอกสารไม่รู้อะไรเป็นอะไร ด้านหลังนั้นก็มีโต๊ะอีกห้าตัวตั้งเรียงรายอยู่ มีคนนั่งทำงานสองคน อีกคนเดินไปมาทำตามที่คนนั้นคนนี้สั่ง
ตื๊ดๆๆๆ
คนเหม่อถึงกับสะดุ้ง เมื่อเครื่องอินเตอร์คอมบนโต๊ะดังขึ้น นาถรดีง่วนอยู่กับหน้าจอหันไปหาสองสาวที่นั่งอยู่ด้านหลัง แต่ปรากฏว่าต่างติดสายพร้อมกัน เลยรีบมากดรับเองแบบเปิดลำโพงเพราะมือยังทำงานค้างอยู่
“ค่ะคุณดนตร์”
“เมื่อกี้ผู้ช่วยคนใหม่ของคุณนาถบอกอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ไม่ค่ะ มีอะไรคะ?”
นาถรดีหันไปมองผู้ช่วยคนใหม่ด้วยความสงสัย ส่วนคนถูกมองก็งงไม่น้อย ว่าตัวเองเกี่ยวอะไรด้วย
“ผมให้บอกคุณนาถโทรหาลุงชอบให้มารอหน้าประตู เดี๋ยวผมจะลงไป แค่ให้ทำงานง่ายๆ ชิ้นแรกก็พลาดแล้ว ไหนคุณนาถบอกว่าเก่งแล้วก็คล่องไง ครั้งนี้ผมยกให้นะ แต่ถ้ามาทำงานแล้วมีแบบนี้อีก คงไม่ต้องบอกนะว่าผมจะทำยังไง คุณนาถต้องเทรนให้ดีๆ นะครับ”
“ค่ะๆ เดี๋ยวนาถจัดการเองค่ะ คุณดนตร์มีอะไรอีกมั้ยคะ?”
“โน”
พิชชายกมือขึ้นทาบอก เพราะเพิ่งจำได้ว่าเขาสั่งอะไรไว้ เลยมองหน้านาถรดีด้วยความรู้สึกผิด กำลังจะอ้าปากบอกเหตุผลแล้วว่าทำไมถึงไม่ได้บอก
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจช่า แต่จำไว้เลยนะว่า นี่ล่ะท่านเพอร์ของพวกเรา ไว้ช่ามาเริ่มงานก็จะได้สนุกกันล่ะทีนี้ ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ”
“ท่านเพอร์เหรอคะพี่?”