EP 4

1189 Words
อยากจะถอนหายใจใส่เจ้านายไม่น้อย เพราะไม่รู้จะหาคนมีคุณสมบัติแบบนี้จากที่ไหน “ประสบการณ์กี่ปีดีคะ?” “ไม่ต้องเยอะหรอก สักสองสามปีพอ คนนี้ผมอยากได้ไว้ช่วยงานทุกอย่าง ทั้งในออฟฟิศและข้างนอกด้วย ย้ำว่าขอพวกไม่ห่วงสวย พวกไม่ชอบอ่อย พวกแสตนบายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เงินเดือนไม่เกี่ยง และขอคนที่คุณนาถรู้จักได้ยิ่งดี จะได้ไม่มาดีแตกเหมือนสามคนนี้อีก อะไร! มาทำงานวันแรกใส่ซะจะลากพื้น แต่อยู่ไปๆ ทำไมกระโปรงหดเรื่อยๆ ผมไม่ใช่พวกตายอดตายอยากมาจากไหนนะ จะได้มีเลขาคอยใส่สั้นๆ ล่อตลอด ถ้าอยากมีเซ็กผมออกไปหาเอง ไม่ต้องมาเสิร์ฟถึงที่หรอก เคลียร์?” “ค่ะ คุณดนตร์มีอะไรจะเพิ่มเติมมั้ยคะ?” “โน” “ว่าแต่ถ้านาถหาคนแบบนี้ได้ จะให้เงินเดือนเท่าไหร่คะ?” “ที่เก่าได้เท่าไหร่ ผมให้อีกเท่าหนึ่งเลย ถ้าเรียกไปทำงานวันหยุดก็ให้พิเศษ ให้ล่วงเวลา เบิกได้ตามสบาย ขอแค่ได้คนแบบที่ผมบอกมาก็แล้วกัน” “ค่ะ” ถึงจะรับปาก แต่คนเป็นเลขาก็รู้ดี ว่าจะต้องกลับไปนอนก่ายหน้าผากคิดนานแน่ๆ จะไปเสาะหาคนที่เจ้านายต้องการมาจากโลกไหน จะไม่เอาก็ไม่ได้    สองชั่วโมงแล้วที่พิชชานั่งรออยู่ในห้องรับรอง หลังกรอกใบสมัครไว้ แล้วถูกนาถรดีสั่งให้รอสัมภาษณ์เลย ใจนั้นเกิดอาการร้อนรนไม่น้อย เพราะเช้านี้โกหกเจ้านายว่าป่วย ขอลางานครึ่งวัน บ่ายจะรีบเข้าไปทำงานตามปกติ ถึงจะรู้สึกแย่ที่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด เพราะเคยมีเพื่อนร่วมงานขอลาไปทำธุระครึ่งวัน ดันถูกเจ้านายไล่ออกแทน หรือเพียงแค่เจ้านายได้ข่าวระแคะระคายว่าใครจะลาออก หรือใครกำลังมองหางาน หรือใครไปสมัครงานที่อื่นไว้เข้าหู วิธีที่เจ้านายจัดการกับพนักงานคนนั้น คือไล่ออกสถานเดียว หรือถ้าใครกลัวจะเสียประวัติก็ต้องยอมลาออกเอง และส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น การที่ตัวเองมาสมัครงาน จึงถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด ไม่แพร่งพรายให้ใครรู้โดยเด็ดขาด แม้แต่เพื่อนในบริษัทที่คิดว่าสนิทกันซึ่งมีเพียงคนเดียวคือสาทรก็ตาม ในใจตอนนี้มีสองความคิดคือ หนึ่งจะรอสัมภาษณ์ หรือจะหนีกลับเลย เพราะเดาได้ไม่ยากว่าคงไม่ผ่านแน่ๆ ต่อให้ตัวเองมีประสบการณ์ด้านเลขามาแล้วสามปี แต่ขนาดกิจการที่นี่นั้นคนละเรื่องละราวกับที่ทำอยู่เลยก็ว่าได้ ระหว่างบริษัทรับจัดงานต่างๆ มีพนักงานเจ็ดสิบกว่าคน กับธนาคารดังติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของโลก มันจะมาเทียบกันได้ยังไง “พี่คะ คุณดนตร์เรียกแล้วค่ะ เร็วๆ พี่ แกมีเวลาแค่ยี่สิบนาทีเอง” คนเปิดประตูเข้ามาบอก และแบบไม่เคาะเตือน พิชชาเห็นท่าทีคนเรียกร้อนรนขนาดนั้น เลยรีบลุกตามไปทันที เลยเห็นนาถรดีนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะ แถมยังพยักหน้าให้และส่งสัญญาณบอกเข้าไปด้านในเลย พอเข้าไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าจากข้างนอกที่ว่าเงียบแล้ว ข้างในห้องนั้นเงียบยิ่งกว่า เจ้าของห้องนั่งก้มหน้าอ่านเอกสารอะไรสักอย่างอยู่ “เชิญครับ” คนนั่งก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา แต่พิชชากลับได้ยินเต็มสองรูหูและชัดแจ้ง เพราะบรรยากาศรอบกายเงียบกริบ เลยเดินไปเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะออกหมายจะนั่ง ถึงจะพยายามเบามือสักแค่ไหน แต่ก็ดันมีเสียงล้อครูดกับพรมอยู่ดี “เห็นคุณนาถบอกว่ารู้จักกันมาหลายปี แล้ว...” คนนั่งอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นก็เกิดอาการสะอึกนิดๆ ส่วนคนเพิ่งนั่งลงก็เกิดอาการเดียวกัน ด้วยไม่คิดไม่ฝัน ว่าจะต้องมาพบเจอผู้ชายใจร้าย ที่เห็นรถของตัวเองสำคัญกว่าชีวิตเจ้าถุงเงินผู้น่าสงสาร “คุณ?...” ดนตร์งงนิดๆ แล้วก้มมองใบสมัครสลับกับเงยขึ้นมองคนนั่งตรงหน้าอีกรอบ แล้วก้มลงไปอ่านหมายเหตุ ที่เลขาเขียนกำกับไว้อีกครั้งว่า “คนนี้นาถรู้จักมาสิบห้าปีแล้วค่ะ เท่าอายุเจ้าลูกชายคนโต คิดว่าตรงกับที่คุณดนตร์อยากได้มากสุดแล้ว ถ้าไม่เอาคนนี้ นาถก็ไม่รู้จะหาใครให้นะคะ” “นั่นคุณจะทำอะไร?” คนเงยหน้าจากใบสมัครส่งเสียงห้วนนิดๆ ไปหาคนที่ทำท่าจะลุกขึ้น “กลับค่ะ” “หมายความว่ายังไง ‘กลับ’ ผมน่าเกลียดขนาดคุณจะทนเห็นไม่ได้เลยหรือไง?” เจ้าของห้องส่งเสียงห้วนๆ ให้อีก หน้าก็บึ้งนิดๆ ไม่ต่างจากอีกคนนัก ที่หน้านั้นบูดนิดๆ เช่นกัน “ในเมื่อรู้ดีอยู่แล้ว ว่ายังไงคุณก็ไม่รับฉันทำงาน จะให้อยู่ทำไมล่ะคะ?” “ผมบอกแล้วเหรอว่าจะรับหรือไม่รับ?” “ไม่บอก แต่ฉันเดาได้ค่ะ” “ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ คุยกันหน่อยเป็นไงเรา” “ถ้าคุยแล้วไม่ได้งาน ฉันก็ไม่อยากอยู่คุยหรอกค่ะ ฉันลางานไว้แค่ครึ่งวัน ถ้ากลับไปทำรอบบ่ายไม่ทัน คงถูกไล่ออกแน่ ทีนี้ใครจะรับผิดชอบคะ?” “เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกัน เชิญ” คนหน้าดุปรายตาลงไปหาเก้าอี้ตัวเดิม ที่คนอยากได้งานเพิ่งจะหย่อนบั้นท้ายลงไปได้ไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ “ชื่อคุณคือพิชชา อรุณเรืองรัตน์เหรอ?” ดนตร์ก้มลงไปอ่านในใบสมัครอีกรอบ ก่อนจะเงยขึ้นมองเจ้าของชื่อที่ทรุดกายลงนั่งที่เดิม “ตามนั้นค่ะ” “ว่าแต่เงินเดือนที่เก่าให้เท่าไหร่ ไม่เห็นกรอกไว้ในใบสมัครเลยนี่ แล้วผมจะเอามาวิเคราะห์ในการจ้างงานได้ยังไงกัน?” พิชชาเกิดอาการลังเลนิดๆ เพราะคิดถึงคำบอกของนาถรดี ตอนชวนมาสมัครงานที่นี่ แล้วก็ให้รู้สึกผิดไม่น้อย หากจะต้องโกหกตั้งแต่ยังไม่เข้ามาทำงาน “ช่าไม่ต้องบอกว่าได้ที่เดิมหมื่นห้านะ ให้บอกว่าได้สองหมื่นเลย คุณดนตร์น่ะ ถ้าถูกใจแกจ้างหมดล่ะ” “โหย! พี่นาถจะให้ช่าโกหกตั้งแต่วันสัมภาษณ์เลยเหรอคะ?” “บางครั้งมันก็จำเป็นนะช่า เพราะถ้าเกิดบอกว่าได้หมื่นห้า เกิดที่ใหม่ให้เท่าที่เก่าหรือให้มากกว่าแค่สองสามพัน มันก็ไม่คุ้มกับการเปลี่ยนงานไง แต่ถ้าบอกว่าได้สองหมื่น อย่างที่พี่บอกนั่นล่ะว่าคุณดนตร์จะให้อีกเท่าหนึ่ง ถ้าเป็นคนที่พี่รู้จักและตรงกับใจแก” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD