เมื่ออายุเข้าสู่เลขห้าสุขภาพร่างกายไม่สดใหม่เหมือนในวัยหนุ่ม จิรัชไม่ละเลยการดูแลตัวเอง กินอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย พูดคุยกับคนรอบข้างโดยไม่คัดเลือกว่ารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า เพื่อให้สุขภาพจิตแจ่มใส ไม่อยากตายเพราะตรอมใจ หรือป่วยหนัก เขาขอนอนตายบนเตียงสบายๆ ในวัยชรา
ก่อนย้ายมาลงหลักปักฐานซื้อบ้านและทำธุรกิจบีชบาร์ในสมุย จิรัชบินขึ้นลงกรุงเทพฯ กับสมุยเดือนละหนึ่งครั้ง สนิทกับคนพื้นที่จำนวนมาก เพื่อนที่ไปมาหาสู่กันในปัจจุบัน ล้วนแล้วมาจากคอนเน็กชั่นเก่าๆ สมัยที่เขาทำงานในบริษัท เพิ่งจะรู้ ว่าคนรวยมีบ้านที่สมุยหลายคน
รองเท้าวิ่งคุณภาพเยี่ยมเหยียบไปบนผืนทรายขาวนวล พาชายวัยกลางคนหุ่นลีนออกวิ่งไปตามแนวทราย เขาไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขาสั้นเสมอเข่าตัวเดียว รูปร่างหน้าตาเขาอ่อนกว่าอายุจริงมากกว่าสิบปี ปราศจากไขมันส่วนเกินตามสัดส่วนต่างๆ หน้าท้องมีมวลกล้ามเนื้อชัด เฟิร์มกระชับน่ามอง
เขาออกวิ่งจากชายหาดหน้าบีชบาร์ เลียบชายทะเลไปไกลเกือบสามกิโลเมตร ผ่านโรงแรม รีสอร์ตจำนวนมากแต่ยังไม่ถึงจุดกลับตัว โขดหินไกลโพ้นคือจุดหมายที่เขาจะไปหยุดพักยืดเส้นยืดสาย ก่อนวิ่งกลับไปยังบีชบาร์ เพื่ออาบน้ำแต่งตัว รับประทานอาหาร และเตรียมตัวเปิดร้าน กิจวัตรประจำวันเขาออกมาเป็นตารางเป๊ะๆ จนบางครั้งก็เบื่อ
“กู๊ดมอร์นิ่ง” คนแปลกหน้าชาวไทย ชาวต่างชาติ ส่วนมากเป็นผู้ชายมาวิ่งออกกำลังกายช่วงตีห้าไปจนถึงหกโมงเช้าด้วยกันส่งเสียงทักทาย พวกเขาออกมาวิ่งเจอกันทุกวัน สร้างมิตรภาพง่ายๆ ได้ในเวลาอันสั้น ลูกค้าบางส่วนก็ตามไปอุดหนุนที่ร้านจากการพูดคุยกันแค่ครั้งเดียว
จิรัชหยุดพูดคุยกับเพื่อนใหม่ไม่ถึงห้านาที พักเหนื่อยไปในตัว ก่อนขอไปวิ่งต่อ ถ้ากลับตัววิ่งกลับไปทางบีชบาร์ช้ากว่านี้ อากาศจะร้อนมากขึ้น เริ่มเหนื่อย สลับมาเดินชมวิวทะเล วิวบ้านพักตากอากาศหลังที่เขาเคยจองให้ครอบครัวจากกรุงเทพฯ มาพักผ่อน
ที่กรุงเทพฯ จิรัชหมดห่วงเรื่องงาน บ้าน และลูกสาว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้โฟกัสแค่ตัวเอง ไม่ต้องกลับไปดูแลลูก และไม่ต้องให้ลูกมาดูแล อาจจะเหงาสักหน่อย แต่อยู่ไป เดี๋ยวก็หายเหงาเอง ใช่ว่าเมื่อก่อนเขามีใครมาคอยดูแล ครองตัวโสด อยู่คนเดียวไม่ต่างจากตอนนี้นักหรอก
“พี่มิริณ!”
ผ่านโซนบ้านพักตากอากาศริมชายหาดมาถึงสระว่ายน้ำส่วนกลางของทางรีสอร์ต เสียงตะโกนทำให้เขาสนใจ
น่าขำนัก ทำเหมือนมิริณมีคนเดียวในโลก ร้อยพ่อพันแม่อาจจะตั้งชื่อลูกเหมือนกันมีถมเถไป
จิรัชเตรียมจะออกวิ่งต่อ ทว่าหญิงสาวที่พยายามจะเดินหนีเด็กหนุ่มมาทางชายหาดช่างคุ้นตาเหลือเกิน
แม้ว่าหญิงสาวจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หน้าไม่ได้แต่ง ผมไม่ได้หวีตรง สวมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำ แต่จิรัชก็จำได้แม่นยำว่าใช่อดีตเลขาฯ สาว
“เลิกตามได้แล้ว จะตื้อไปถึงไหน” หล่อนหันไปแว้ดใส่เด็กหนุ่ม
จิรัชพรางตัวโดยเร็ว หลบหลังต้นไม้ใหญ่ โผล่แค่เสี้ยวใบหน้าแอบมองมิริณทะเลาะกับเด็กหนุ่ม
“ไม่ให้ตื้อพี่แล้วผมจะตื้อใครครับ อย่าโกรธผมเลยนะ”
“ไม่ต้องมาดูแลฉัน ฉันดูแลตัวเองได้!”
“พรุ่งนี้ผมปลุกใหม่ก็ได้ จะปลุกให้เช้ากว่านี้ สัญญาเลยครับ”
“หมดโอกาสสำหรับนายแล้วย่ะ! พรุ่งนี้ให้เป็นคิวของคูเปอร์” ก็คือการปลุกมิริณมาดูพระอาทิตย์ขึ้น
“ใจร้าย” เด็กหนุ่มนามคอปเปอร์ทำเสียงเล็กเสียงน้อย “มาสองคนเลยไม่ได้เหรอ ทำไมจะต้องเลือกด้วยว่าวันไหน เวรคนไหน”
“มาทีละคนฉันก็จะไม่ไหวแล้ว มาสองคน ฉันรับไม่ไหวกันพอดี”
หมายถึงเสียง เด็กสองคนแย่งกันพูดเจื้อยแจ้วๆ หล่อนหนวกหู
“ระดับพี่มิริณทำไมจะรับไม่ไหว ผมอ่อนโยนกว่าคูเปอร์ตั้งเยอะ”
ถึงขั้นสลับวันให้ผู้ชายมานอนด้วยเลยเหรอ? จิรัชเบิกตา
เขาตรวจสุขภาพประจำปีทุกครั้งผลตรวจหัวใจออกมาปกติ ไร้โรคภัย ตอนนี้กลับเต้นแรงจวนเจียนจะกระเด็นกระดอนออกมา ทนฟังไม่ไหว อดีตเลขาฯ ที่เขาเห็นหน้าค่าตารู้จักนิสัยใจคอมานาน เป็นผู้หญิงแบบนี้เองเหรอ จิรัชไม่อยากจะเชื่อหูและสายตาตัวเอง
“จำเป็นต้องเรียบร้อยต่อหน้าฉันด้วยเหรอ” มิริณเหวี่ยงใส่เจ้าน้องชาย
คอปเปอร์ไม่เถียงกลับ เขายืนนิ่ง กลัวว่าชายที่กำลังเดินเข้ามาจะเป็นแขกของรีสอร์ต
เขาเข้างานกะเช้า งานเริ่มเจ็ดนาฬิกามีเวลาว่างนิดหน่อยจึงไปปลุกมิริณ แต่เพราะสวมชุดเครื่องแบบของทางรีสอร์ตอยู่ในตอนนี้ จึงไม่อยากพูดจาหรือแสดงพฤติกรรมไม่ดีให้เสี่ยงถูกรายงานหัวหน้า
“ไม่ต้องก็ได้ ฉันไม่ถือ”
เด็กหนุ่มยกมุมปากให้พี่สาวสังเกตเห็นเขี้ยวเล็กบนฟัน แทนการบอกทิศทางโดยตรง แต่มิริณก็ยังพูดไม่หยุด
“นายกลับไปทำงานเถอะไป เลิกงานค่อยมาหาฉันที่ห้อง วันนี้ไม่ได้ไปไหน คงจะเล่นน้ำในสระของรีสอร์ต”
“ครับ”
ยังจะทำตัวเรียบร้อยอยู่ได้ ถูกมิริณหยิกเข้าที่แก้ม คอปเปอร์ทำหน้าย่นเพราะเจ็บ ฉวยโอกาสตอนที่มิริณปล่อยมือกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีกลับไปทางรีสอร์ต
“แค่นี้ก็ต้องวิ่งหนีด้วย ยังไม่ชินอีกเหรอจ๊ะสุดที่รักของพี่!” สาวแสบประจำบาร์โฮสต์หัวเราะไล่หลังเด็กในสังกัด
ฟ้าสว่างขนาดนี้แล้ว พระอาทิตย์ขึ้นที่เด็กแฝดโม้ว่าสวยนักสวยหนาจะยังเหลือให้เห็นอยู่ไหม มิริณหมุนตัวกลับมาทางชายหาด ไม่ได้ตั้งใจว่าจะพบเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้สติของหล่อนหลุดหายไป
เขาคือคนที่มิริณอยากเจอมาตลอดสองปีที่ผ่านมา!
“สวัสดีครับ”
นัยน์ตามิริณเลื่อนจากใบหน้าเขา ลงมาหยุดที่แผงอกไร้ไขมัน ฟิตแอนด์เฟิร์มไม่เหมือนคนอายุเข้าสู่วัยกลางคน
เมื่อครั้งที่ทำงานด้วยกัน คุ้นตากับการแต่งกายของเขาที่สวมสูทผูกไทมาทำงาน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหน้าท้องจิรัชจะ... เนื้อแน่นขนาดนี้ มิริณเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“จำผมไม่ได้เหรอครับ ขอโทษด้วยแล้วกัน”
“จะบ้าเหรอคะ”
อุ๊ย! หลุดปากออกไปแล้วรีบตบให้หยุดพูด
“ขอโทษค่ะ ปากไวไปหน่อย ทำงานด้วยกันมาเกือบสิบปี ไม่ได้เจอแค่สองปี ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธ”
จิรัชไม่ถือสา มิริณค่อนข้างจะพูดตรงจนหลายครั้งฟังดูห้วน และก้าวร้าวจนเขาต้องอบรม ไม่ใช่มิริณพูดหยาบกับเขา แต่หล่อนมักจะพูดหยาบกับคนที่ไม่ให้เกียรติเขา ซึ่งมีเยอะมาก โดยเฉพาะกับนที พี่เขยของเขาเอง ที่มีสถานะเป็นคู่อริเก่า
“คุณเงียบไป แล้วยังมองผมแปลกๆ เหมือนไม่รู้จัก”
“ดิฉัน... ตกใจค่ะ ที่... ท่านมาเงียบๆ บังเอิญจังเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่ท่านลาออกจากบริษัท”