กับเจ้าแฝดมิริณทั้งเฉ่งทั้งด่า แต่มาอยู่ต่อหน้าจิรัช ถึงจะไม่ใช่เจ้านายลูกน้องแล้ว หญิงสาวกลับประหม่าจนทำตัวไม่ถูก
หัวใจเต้นแรงจนคิดว่าถ้ายกมือขึ้นมากุม จะน่าสงสัยหรือเปล่า?
“ผมไม่ได้มีตำแหน่งแล้ว ไม่ต้องเรียกท่านหรอกครับ”
“ชินปากค่ะ มาเที่ยวเหรอคะ”
อีกคำถามที่อยากรู้ก็คือมากับใคร? มานานหรือยัง? กลับวันไหน? ยังโสดอยู่ไหม? หรือแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว?
“เปล่าหรอกครับ ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เกือบหนึ่งปีแล้ว”
อดีตเลขาฯ เพิ่งออกมาจากห้องนอนแต่งตัวไม่เรียบร้อยมากนัก ถ้ายืนคุยกันตรงนี้นานๆ อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าหญิงสาวคุยกับผู้ชายหลายคนในเวลาเดียวกัน
จิรัชตัดใจ ถึงจะอยากคุยด้วยมากแค่ไหน แต่ขอจบบทสนทนาลงแค่นี้ดีกว่า ไม่แน่ว่ามิริณอาจจะไม่อยากพูดคุยกับเขา
แค่เจ้านายเก่าแก่ๆ คนหนึ่ง มีเหรอหญิงสาวจะสนใจ
“ผมไม่กวนแล้วครับ บังเอิญวิ่งออกกำลังกายมาเจอก็เลยมาทักทายตามประสาคนเคยรู้จัก ผมขอตัวไปวิ่งต่อ ลาก่อนครับ”
ละ... ลาก่อน? จะลาก่อนได้ยังไง ในเมื่อหล่อนใช้เวลาตามหาเขานานถึงสองปี!
มิริณมองตามแผ่นหลังกล้ามแน่นนั้นอย่างไม่ละสายตา ก้มลงมองสภาพการแต่งกายของตัวเอง ไม่หนักใจเท่าคีบรองเท้าแตะของทางรีสอร์ตมาด้วย มันใหญ่เกินเท้าไปมากจะออกวิ่งไปบนทรายยังไงล่ะเนี่ย แต่มิริณก็ออกวิ่งไล่ตามหลังเจ้านายเก่าไปแล้ว
จีบ!
ต้องจีบเขาให้ได้
ไม่สิ มีสติให้มากมิริณ
ต้องสืบก่อนว่าคุณจิรัชยังโสดหรือเปล่า ไม่ได้ข่าวเขามาสองปี เขาอาจจะมีผู้หญิงสักคนคอยอยู่ข้างๆ ไปแล้วก็ได้
มิริณไม่ชอบออกกำลังกายโดยการวิ่ง อย่างมากก็เล่นบอดี้เวทง่ายๆ เน้นเล่นเอวให้คอด เล่นก้นให้เด้ง มาทะเลร้อยรอบพันรอบ เพิ่งจะมีวันนี้ที่ได้ออกวิ่งยามเช้าตรู่ ไม่ใช่วิ่งออกกำลังกายนะ แต่วิ่งตามผู้ชาย!
แฮ่กๆ ไม่ไหวแล้ว
ขาอ่อนคู่นั้นหมดเรี่ยวแรง ล้มพับไปบนผืนทรายส่งเสียงร้องดัง ชายวัยกลางคนที่ออกวิ่งไปไกลมองกลับหลัง เพิ่งจะสังเกตเห็นอดีตเลขาฯ สาววิ่งตามมาจากหาดหน้ารีสอร์ต
“คุณมิริณ!” สุภาพบุรุษอันดับหนึ่งประจำใจมิริณวิ่งกลับมาคุกเข่าลงข้างๆ “คุณตามผมมาเหรอครับ”
“ค่ะ” มิริณหอบ แฮ่ก! พระอาทิตย์เพิ่งขึ้นไปไม่นานแต่แสงแดดที่สาดส่องลงมาค่อนข้างร้อน ผิวพรรณบนแก้มกลมจึงแดงระเรื่อ
“เพิ่งจะได้คุยกันไม่กี่คำ ดิฉันกลัวว่า... จะไม่ได้เจอท่านอีกค่ะ”
“ทำไมไม่ส่งเสียงเรียกล่ะครับ”
เขาทำหน้าตาเหมือนอยากจะดุหญิงสาวให้มากกว่านี้
“ขออนุญาตนะครับ”
เขาขออนุญาต ก่อนจึงเปิดสาบชุดคลุมอาบน้ำออกจากเรียวขาสองข้าง สำรวจคร่าวๆ ว่ามีรอยแผลหรือเปล่า
เมื่อไม่มี จึงลากชายชุดคลุมมาปิดไว้ให้ตามเดิม เขาข่มใจสุดความสามารถไม่ให้เลื่อนสายตาขึ้นมองเหนือไปกว่าหัวเข่า อาจจะเห็นอะไรบางอย่างที่วับๆ แวมๆ ใต้ชุดกระโปรงสายเดี่ยว
น่าอิจฉาเด็กหนุ่มสองคนนั้นเสียจริง ที่ได้ครอบครองหญิงสาว
“ไม่มีแผลครับ ล้างทรายออกจากขาให้สะอาดก็พอ อ้อ! แล้วเลิกเรียกผมว่าท่านได้แล้ว ฟังดูแก่ชะมัด ถึงจะแก่จริงๆ ก็เถอะ”
มิริณพลอยขำไปกับเขา
“ได้ค่ะ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีคะ”
“ตามใจคุณ แค่ชื่อก็ได้ครับ หรือถ้าจะเรียกสั้นๆ ก็คุณจิ”
“ดิฉันมินะคะ ทำงานด้วยกันมานาน เรียกชื่อจริงกันตลอดเลย”
“ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณมิ” จิรัชช่วยปัดทรายออกจากหน้าแข้งลงไปถึงข้อเท้าให้หญิงสาว
“ขำอะไรครับ?” เงยหน้าขึ้นถาม เข้าใจว่าอดีตเลขาฯ สาวตลกที่เขาทำตัวเป็นตาแก่บ้ากามจับขาสาวๆ
แต่ไม่ใช่ มิริณกำลังขำเรื่องอื่น
“นึกถึงชื่อเล่นของคุณจิกับดิฉันแล้วหลุดหัวเราะไม่ได้เลยค่ะ จิ-มิ จิ-มิ พอพูดเร็วๆ แล้วคิดดีไม่ได้เลยค่ะ”
จิรัชงงว่าตลกตรงไหนจนมิริณเล่า ใบหน้าอ่อนกว่าวัยของแด๊ดดี๊ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามหญิงสาว เสียลุคหมด มิริณก็เลยจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้สุภาพเรียบร้อยตามการวางตัวมากนัก แต่ยังมีความคิดที่สื่อไปในทางเพศเหมือนผู้ชายทั่วไป
“แต่ก็เข้ากันดีนะคะ มิชอบ คุณจิล่ะคะ ชอบหรือเปล่า?” ส่งสายตาอ่อยเหยื่อไปให้เห็นกันจะๆ เหยื่อของหล่อนจะได้ไม่ต้องเก็บไปคิดให้เสียเวลา
หลงลืมความตั้งใจแรกไปสนิท เรื่องที่ว่าจะสืบสถานภาพของเขาก่อน
ของอย่างนี้ถ้าคนสองคนความคิดไม่ตรงกัน คงจะไม่มีทางได้ไปต่อขั้นตอนต่อไป ดังนั้นอ่อยไปก่อน อย่าเพิ่งคิดเยอะ
“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ มีร้านเล็กๆ ตรงนั้นผมจะไปซื้อน้ำมาให้”
อุ้มหญิงสาวที่ลุกขึ้นเดินไม่ไหวมานั่งรอบนเก้าอี้สาธารณะ บริเวณนี้ห่างจากชายหาดหน้ารีสอร์ตหญิงสาวมาเกือบหนึ่งกิโลเมตร ให้อุ้มสาวกลับไปส่งถึงรีสอร์ต เกรงว่าอายุอานามและสังขารจะไม่ไหว พาล้มลงกลางทางเสียหน้าแย่เลย จึงอุ้มมาหาที่นั่งไม่ไกลจากจุดที่หล่อนล้ม รอให้หล่อนเดินไหว ค่อยเดินกลับทางเดิมไปพร้อมกัน
หายไปไม่นานจิรัชกลับมาพร้อมน้ำดื่มและผ้าเย็น แกะซองให้หญิงสาวนำไปเช็ดใบหน้าให้หายร้อน
อดีตเลขาฯ สาวจงใจอ่อยหรือเปล่าเขา จึงปลดปมสาบเสื้อคลุมออก นำผ้าเย็นผืนนั้นลากจากใบหน้าลงมาที่ลำคอ จนถึงเนินอกใต้ชุดนอนเบาบาง ลงไปถึงเรียวขา ความเย็นหมดแล้วหล่อนเปิดขวดน้ำเทใส่ผ้า นำไปเช็ดเหนือหัวเข่าไม่ให้เหนอะหนะเม็ดทราย
จิรัชยกขวดน้ำให้สูงขึ้นอีก แต่สายตาเขายังคงเหล่มองต่ำ
“ขอบคุณนะคะ”
โป๊ะแตก เมื่อหญิงสาวช้อนตาขึ้นบังเอิญสบเข้ากับสายตาเขา
“ไม่... ไม่เป็นครับ”
“เพิ่งจะหกโมงครึ่ง แดดทำไมถึงร้อนจนแสบผิวอย่างนี้นะ คุณจิมาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน ไม่ร้อนเหรอคะ”
“เทียบจากวันก่อนๆ เวลาประมาณนี้ผมวิ่งเสร็จไปแล้วครับ”
“ตื่นมาวิ่งตั้งแต่ตีห้าเลยเหรอคะ?”
บางวันหล่อนยังไม่ได้นอนเลยนะนั่น แต่เขากลับตื่นแล้ว
“ครับ ช่วงตีห้าครึ่งถึงหกโมงครึ่งอากาศกำลังดี ผมวิ่งจากชายหาดฝั่งนั้นไปจบที่โขดหินข้างหน้า แล้วย้อนกลับไปจบที่ทางเดิม”
มิริณเหลียวมองตามทิศทางดังกล่าว มันไกลเกินไปหรือเปล่า!?
“ไกลมากเลยนะคะ คุณจิพักอยู่ทางนั้นเหรอคะ”
ฉลาดถามมากเลยมิริณ ถ้าคำตอบออกมาว่าใช่ กรอบการทำตัวเองให้ ‘บังเอิญ’ เจออีกครั้งก็จะแคบลง โดยไม่ต้องลากวิญญาณให้ตื่นตีห้ามาดักรอเจอเขามาวิ่งออกกำลังกาย
ไม่ไหวหรอกนะ หล่อนอยากนอนให้เต็มอิ่มมากกว่า ถึงใจรักจะอยากวิ่งตามผู้ชายมากแค่ไหนก็ตาม