chapter 13

1579 Words
การจราจรช่วงเย็นหนาแน่นติดขัดทั่วทุกถนนในเมืองกรุง การทำคุกกี้เพิ่มจึงมีเวลาซื้อของแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากออฟฟิศ ชายหนุ่มเห็นด้วยและตามใจเธอขอแค่เขาได้ห่อขนมกลับบ้าน ต้องเป็นคุกกี้ฝีมือเธอเท่านั้น!            พอขับรถมาถึงที่หมาย ร่างสูงในเชิ้ตสีดำสนิทก็จับรถเข็นเดินนำไปแผนกเครื่องปรุง ละฝีเท้าให้ช้าลงเล็กน้อยให้เท่าคนตัวเล็กที่มีความสูงแค่ระดับบ่า            “มันต้องใช้อะไรบ้าง แป้งสาลีเหรอ?”            “แป้งสาลีอเนกประสงค์ เนย ช็อกโกแลต อย่างอื่นมีหมดแล้วค่ะ คุณเมฆทำอาหาร หรือว่าทำขนมเป็นไหมคะ?”            “ผมทำกับข้าว ทำงานแม่บ้านเป็นทุกอย่าง ผมแค่ไม่เคยทำขนม เมื่อก่อนผมไม่ได้รวยเท่านี้...” น้ำเสียงราบเรียบบอก เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการนึกถึงอดีตอันไม่มีเรื่องใดให้น่าจดจำ            หญิงสาวเชยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกแปลก จะว่าสงสารก็ด้วยส่วนหนึ่ง มือหยิบแป้งสาลีที่ต้องการจากชั้นวางลงในรถเข็น เดินไปข้าง ๆ กัน เธอคงได้แค่ปลอบประโลม            “ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจนหรอกค่ะ บ้านฉันพอมีฐานะ แต่ว่าฉันทำอาหารได้ทุกอย่าง พ่อแม่ตามใจฉัน ฉันอยากทำอะไรฉันก็ได้ทำ ฉันเลยไปเรียนทำขนม เย็บปักถักร้อย ฉันชอบงานแม่บ้านงานฝีมือค่ะ” ท่าทางมั่นใจของเธอทำอีกคนหัวเราะเย้ยหยัน            “พ่อแม่ตามใจมาก ลองโทรบอกพ่อสิว่ามาซื้อแป้งสาลีไปทำคุกกี้กับผม”            “ฉันเล่าเรื่องคุณเมฆให้พ่อกับแม่ฟังแล้วค่ะ บอกด้วยว่าวันนี้ไม่กลับบ้าน งานเยอะมากฉันคงจะได้นอนออฟฟิศ”            “ว่าแล้วเชียว... พ่อแม่ไม่ว่า” ดวงตาประกายเย็นวาบตวัดหางตาไปอีกทางหนึ่ง สาวทอมบอยหล่อล่ำกล้ามโตในชุดสีดำปิดหน้าปิดตาด้วยหน้ากากยังใส่หมวกแก้ปเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตมาทำด้อม ๆ มอง ๆ ไม่มีทางที่ขณิกาจะไม่รู้            เธอเลยทำเก้อเขินไปเพราะรู้สึกเหมือนเพิ่งจะโกหก...            “เอ่อ... คือหมวดพินแกชอบทำตัวเป็นพวกสตอล์กเกอร์น่ะ ไม่มายุ่งกับเราหรอก แกสนิทกับฉันมาตั้งแต่เด็ก ๆ”            “ไม่แปลก ลูกสาวสวยขนาดนี้ธรรมดาก็ต้องหวง เวลาอยู่กับไอ้แก่นั่นมีคนตามไหม?”            ขณิกาชั่งใจกับคำชมว่า ‘สวยขนาดนี้’ กับคำว่า ‘ไอ้แก่’ ทั้งพอใจและไม่พอใจ            “คุณเมฆพูดจาไม่เพราะเลยนะคะ ทุกคนเขามีชื่อ คุณควรจะเรียกชื่อ ไม่ใช่ตั้งฉายาให้คนนู้นคนนี้มั่วไปหมด”            “มันเรียกผมว่าอะไรล่ะ?”            “ไอ้เมธพนธ์... คนที่นู่นเขาเรียกคุณเมฆแบบนั้นทั้งนั้นแหละ ช่วยไม่ได้นี่คะ คนของคุณชอบไปรังควานชาวบ้าน”            ล่าสุดคงเป็นเรื่องชินดนัย เจ้าของร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังถูกยิงจนต้องหามเข้าโรงพยาบาลดึกดื่น พอรุ่งเช้าตำรวจเข้าไปรวบตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ ผู้ร้ายตามหลักฐานกล้องวงจรปิด คนเหล่านั้นไม่ได้ซัดทอดไปที่เมธพนธ์ ลูกน้องคนสนิทของเขาถูกเรียกตัวไปก็บอกว่าไม่รู้เรื่องนี้ ขณะที่พ่อของเธอยังสงสัยถึงได้บอกให้เธอลองหลอกถามเขาดู            แน่นอนว่าขณิกาคงไม่อยากทำ... แค่เขามาติดต่องาน ปกป้องเธอจนบาดเจ็บวันนี้ทำให้รู้สึกผิดไม่น้อย            “ผมเห็นเด็กมันไม่มีอะไรทำ ออกไปมั่วสุมเล่นยา มันโดนพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านมาขอข้าวกินของานทำ เห็นหน่วยก้านดีเลยเก็บพวกมันไว้ช่วยงาน พอมันไปก่อเรื่องผมได้เลื่อนยศเป็นไอ้ พูดไปไม่มีใครเชื่อ เปลืองน้ำลาย...”            แต่เธอเชื่อเขา...            ความคิดของหญิงสาวทอดผ่านทางแววตาชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาที่เริงรื่นชื่นบานเพราะได้มาเดินซื้อของกับเธอในทีแรกเปลี่ยนเป็นนิ่งขึ้งดุดัน            “ไม่ต้องมาเวทนาผมไม่ชอบ”            “เปล่าเลยค่ะ”            “ทำหน้าแบบนั้น ตีความหมายได้อย่างเดียว ผมเกลียดที่สุดเลยล่ะ ถ้าจะต้องให้ใครมาสงสาร”            “ฉันไม่ได้สงสารคุณเมฆจริง ๆ ฉันจะไปสงสารคุณทำไม?” เธอให้เหตุผลเขาที่ทำหน้าเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจนได้ยิน            “ฉันว่าคุณเมฆน่ารักดีต่างหาก เป็นคนตลกร้าย”            นั่นล่ะเรื่องโกหกทั้งเพ! ชายหนุ่มถึงกับแค่นหัวเราะ “ไม่เคยมีคนบอกว่าผมน่ารัก คนทั้งเขาใหญ่นี่เกลียดผมทั้งนั้น ผมว่าสมองคุณน่าจะผิดปรกติ”            “ฉันนี่ไงล่ะ” เธอทำตาโตบอกเขาที่ด่าเธอว่าสมองผิดปรกติ! ขณิกาไม่ได้โกรธอะไรเขาอีกต่างหาก            “แม่พระจริง ๆ” ออกเสียงสูงปรี๊ดอย่างประชดประชัน มือที่สัมผัสเหล็กเย็นเฉียบผลักรถไปข้างหน้าคล้ายว่ามีไออุ่นประหลาดอยู่รอบกายเขาและเธอ            เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้สามารถที่จะพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กับขณิกาได้เหมือนเป็นเพื่อน เหมือนกับที่เขาคุยกับวิทยาได้            “เห็นไอ้เด็กเวรพวกนี้แล้วนึกถึงตัวเอง... สมัยก่อน”            “สมัยก่อนทำไมคะ?”            ความอ้างว้างปรากฏขึ้นบนวงหน้าหล่อเหลาเพียงครู่เดียว เนยหลายอย่างถูกหยิบใส่รถก่อนถามเสียอีก “เนยยี่ห้อไหนก็ได้ใช่ไหม?”            “ใช้ได้หมดค่ะ ตกลง... สมัยก่อนยังไง?”            ท่าทางอยากรู้อยากเห็นของคนที่ไม่ได้สนใจวัตถุดิบในการทำขนมเลยทำให้เขายกยิ้มบางๆ            “ผมเชื่อว่าคุณจะไม่อยากฟัง แต่ถ้าเกิดอยากรู้ขึ้นมา ลองไปถามพ่อคุณดู ป่านนี้คงให้ตำรวจในกรมขุดเรื่องผมตั้งแต่หมอตัดสายสะดือแล้วมั้ง”            “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเมฆไม่อยากเล่า ฉันก็ไม่อยากรู้” พูดพลันเชยหน้าใส่อย่างเชิดหยิ่ง หยิบของใส่รถเข็นอีกหลายอย่างเผื่อพนักงานในออฟฟิศบางคนอาจต้องลุยงานยันดึกดื่น เหมือนตัวเธอที่ทำงานจนหลับคาคอมพิวเตอร์ไปกับลูกน้อง            เมธพนธ์ยังสังเกตเห็นดวงตาสุกใสและใบหน้าของเธอมีชีวิตชีวากว่าวันก่อน ขอบตาแดงช้ำตอนนี้เหลือรอยบาง ๆ เหมือนอดนอนเพราะงานมากกว่าแอบร้องไห้อยู่คนเดียว            “คุณ... ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”            “ฉันจะเป็นอะไรคะ? ไม่มีอะไรบนโลกนี้ทำร้ายฉันได้ เพราะว่าฉันสวยรวยมาก” ย้ำหนักแน่นในคำสามคำ ขณิกาเคยมั่นใจในตัวเองมาตลอด เธอแค่สูญเสียมันไปชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนคนเสียการทรงตัว ทว่าขาของเธอยังคงแข็งแรง            “เหมือนโดนมดกัดล่ะ ผ่านไปสักพักคงลืม มันต้องมีสักวันที่ลืมได้ ชีวิตมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ งานฉันยุ่งจะตาย ต้องมาเอาอกเอาใจลูกค้าทำคุกกี้โฮมเมดให้กินอีก” แถมบ่นเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัว ร่างสูงก้าวขาไปอย่างเฉยเมยมองของสดว่าจะซื้ออะไรไปอีก            “ชอบมันมากนักรึไง? ไอ้โคแก่... คิดจะกินหญ้าอ่อน ผมว่าแก่ไปนะ”            คนได้ยินถึงกับเบ้หน้าเพราะรู้มาว่าตัวเขาเองยังอายุห่างจากเธอเกือบหนึ่งรอบชีวิต คงจะเป็นโคแก่อีกตัวมาดักรอชิมหญ้าอ่อน            “แหม... ว่าคนอื่นเขาไม่เกรงใจอายุตัวเองเลยเนอะ”            “มีคนชมว่าหน้าผมยี่สิบกว่า แต่ผมอายุแค่สามสิบหก” คนตอบไม่สะทกสะท้านกับอายุที่คงทำอะไรเขาไม่ได้ พอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ สีหน้าของเขาดูตั้งใจว่าอยากจะได้ยินคำตอบ            “ตกลงว่าชอบมันมาก...?”            “ไม่เท่าไร... ไม่งั้นคงจะชักดิ้นชักงอไปแล้วค่ะ เรื่องธรรมดาชีวิตมีปิ๊งมีรักมีเลิก คุณเมฆไม่เคยอกหักรึไง?”            “ไม่เคย เพราะผมไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” เขายิ้มพลางหยิบโยเกิร์ต ผักเพื่อสุขภาพใส่ลงไปในรถเข็น            ขณิกากะพริบตาปริบ ๆ “เอ้อ... แล้วคุณเมฆส่งดอกไม้ให้ฉันทำไม... คุณไม่ได้จีบฉันอยู่เหรอคะ?”            “ไม่ได้จีบ เห็นว่าเศร้ากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็ส่งดอกไม้ไปงั้น ๆ อืม... อยากมาหาก็มา คุกกี้อร่อย แล้วก็งานโฆษณา...” เขาคงไม่ได้บอกไปว่าทีแรกนั้นอยากแก้เผ็ดไอ้พิภพด้วย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางชั้นวางขนม            ขณิกาแสร้งทำเมินหน้าไป ไม่ได้อยากเอาความอะไรกับคนเฉยชาอย่างเขา ในเมื่อตัวเธอเองยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ฉับพลันนั้นเอง เสียงแหบพร่ากระซิบเรียก            “พาย...”            ร่างบางสะดุ้งเฮือก! เพราะลมร้อนที่เป่าลงใบหู เบิกตากว้างตกตะลึงหันขวับไปต่อว่า “คุณเมฆ... ทำอะไร!?”            “อะไรเหรอ?” คนถามหัวเราะออกมาหลังจากที่เป่าหูคนเล่นอย่างนึกสนุก พอแก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงระเรื่อ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหูแรง ๆ            “เล่นอะไรแบบนี้ฉันไม่ชอบเลยนะ! ฉันจะไปร้านขายยา ซื้อวิตามิน ไปจ่ายเงินคนเดียวละกัน” พูดจบ ขณิกาก็เดินหนีไปไม่รอคำตอบของคนข้างหลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD