chapter 12

1787 Words
      เจ้านายสาวผ่อนลมหายใจ มองดอกไม้สีขาวกับสภาพรกรุงรังของห้องครัว เธอเริ่มลงมือเก็บจัดของให้เข้าที่เข้าทาง หยิบผ้าผืนเล็กลูบน้ำขัดถูโต๊ะให้มันสะอาด            ความเป็นลูกคุณหนูแท้จริงก็แค่เปลือกนอก ตอนเล็ก ๆ แม่ของเธอหนีตามผู้ชายก็คือพ่อ! ทิ้งเธอไว้ลำพังกับคุณยายที่สอนให้เธอทำทุกอย่างเป็น ยังสอนให้เธอรู้จักพอเพียงในแบบของคุณยาย            บ้านหลังใหญ่โตประสาเศรษฐินีชาวจีนย่านวงเวียนใหญ่ จากออฟฟิศไปหากรถไม่ติดมากใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ขณิกาเข้ากรุงเทพทีไรก็จะไปเยี่ยมยายเพียนเสมอ ถึงยายเป็นคนจีนแต่เธอก็ยังไม่เคยจะเรียกยายว่าอาม่าเหมือนลูกหลานคนอื่น ๆ ด้วยความที่แม่บอกให้เรียก ‘ยาย’            ความคิดถึงคุณยายปรากฏในรอยยิ้มหวาน บนใบหน้าสะสวย ขอบตาดำคล้ำเหนื่อยล้าจากการทำงาน            แน่นอนว่าบริษัทของเธอกำลังตกเป็นที่อิจฉา เพื่อน ๆ ที่จบโฆษณากลับมาด้วยกันยังสงสัยว่าเธอได้งานจากคุณเมธพนธ์มาได้อย่างไร            อิงฟ้าและพิมพ์ลภัสโทรสั่งพิซซ่าฉลอง เข้ามาดูรายละเอียดโฆษณา ใบเสนอราคาในตอนเช้าก่อนออกไป ตัวเธอเองก็ซื้อวัตถุดิบมาทำคุกกี้ ที่หลายคนชมชอบว่าอร่อยมากน่าจะเปิดร้านเบเกอรี่ได้            ขณิกาจึงเข้าบริษัทมาแต่เช้าตรู่ หลังทำงานหามรุ่งหามค่ำในหลายมานี้ เตรียมของทำขนม ตีแป้ง เนย น้ำตาลจนเข้ากันแล้วนำเข้าเตาทิ้งไว้ โดยสูตรของเธอถนัดที่ยี่สิบนาที            พอคุกกี้อบร้อนเตือนดังตามเวลา หญิงสาวนั่งยองลงมองแป้งอบสีเหลืองนวลที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว ชื่นชมผลงานตรงหน้า            งานอดิเรกที่ทำให้เธอคลายเศร้า... ในชีวิตว่างเปล่า ไม่ต้องสนใจเสียงโทรศัพท์ดัง โปรแกรมแชทที่เธอจะต้องคุยกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสามารถที่จะคุยกับเขาได้ทั้งวัน ไม่มีเบื่อ กระทั่งวันสุดท้ายที่มันขาดสะบั้นลงด้วยคำ ๆ เดิมคำเดียว            ‘อา... รักพายไม่ได้’            กับความทุ่มเทของเธอที่เป็นฝ่ายถูกทำร้ายฝ่ายเดียว ก็แค่ต้องใช้ความกล้าหาญก้าวขาเดินออกมา...            เพื่อตัวเอง... เธอต้องรักตัวเองให้มาก ช่วงเวลาสั้น ๆ ความทรงจำดี ๆ ระหว่างเธอกับอาภพเป็นสิ่งที่เธอจะต้องลืมมันไปให้หมด ในเมื่อหัวใจของเขาคือก้อนหิน ไม่มีที่ว่างสำหรับใคร!            ในความเงียบที่เธอพยายามปลอบใจตัวเอง หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวว่ามีคนอยู่ข้างหลังได้สักพัก กระทั่งเตาถูกเปิดออก และคุกกี้ชิ้นหนึ่งบนถาดหายไปต่อหน้าต่อตา            “นั่งเหม่ออะไร?”            วงหน้าหวานมองขวับตามคนที่ก้มตัวลงขโมยขนมไปจากเตาร้อน ๆ เขากัดและเพ่งมองขนมชิ้นเล็กในมือด้วยสีหน้าสงสัยพอใจกับรสชาติหวานกลมกล่อม            “คุณเมฆ... ทำไมมาเงียบ ๆ คะ?”            “ผมเป็นพวกชอบงานเซอร์ไพร์ส ทำตัวให้ชินเถอะครับ อีกหน่อยคุณจะได้ตกใจกว่านี้อีก คุณพาย” ดวงตาคู่คมฉายแววแย้มยิ้มอำมหิตแปลก ๆ ขณิกาได้ยินเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขามามากเหมือนกัน            “อย่ามาขู่ฉันเลยค่ะ ฉันไม่กลัวคุณเมฆหรอก ถึงพี่อริสจะบอกว่าคุณร้ายกาจก็เถอะ ฉันว่าไม่เห็นจะสักเท่าไร” หญิงสาวเบ้ปากว่าร่างสูงที่นั่งยองลงข้าง ๆ มองเตาอบขนมด้วยแววตาเป็นประกายวาววับ            “นังตัวแสบใส่ไฟอะไรผมบ้างล่ะ?”            นั่นทำให้เธอถลึงตาอย่างเอาเรื่อง “นี่... อย่ามาเรียกพี่สาวฉันแบบนี้นะ ฉันจะไม่ให้คุณกินคุกกี้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วคุณต้องไปนั่งรอข้างนอกนะคะ ที่นี่เฉพาะพนักงาน”            “เหรอ? แต่คุณข้างนอกเขาบอกว่าเป็นห่วงเจ้านาย ให้ผมเข้ามาดู” ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้ายกาจเหตุเพราะมีคนชี้โพรงให้กระรอกอย่างเขา ก่อนที่ขนมในเตาจะหายไปอีกสามชิ้น ควันลอยกรุ่นอยู่ทำให้เธอมีสีหน้าแปลกใจ            “ไม่ร้อนรึไง?”            “ไม่เท่าไร หนังผมมันด้าน”            ปากเอร็ดอร่อยกับคุกกี้ฝีมือหญิงสาว เขาคิดว่าอร่อยที่สุดตั้งแต่มีลมหายใจมา พอเก็บใส่กระเป๋าเสื้อและจะหยิบมันมาอีก ก็ถูกตีมือเข้าเบา ๆ เป็นเชิงเตือน “คุณเมฆ คุณเอาคุกกี้ใส่กระเป๋าเสื้อแบบนี้ได้ไงเล่า เดี๋ยวฉันห่อใส่ถุงให้ คุณควรจะรอให้มันเย็นสักหน่อยด้วย...”            ชายหนุ่มชะงักมองเธอด้วยท่าทางไม่พอใจ รับประทานขนมเต็มปากไม่เหลือที่ว่างสำหรับพูดจา            “อย่าทำตัวเป็นเด็กสิคะ คุณกินไปหลายอันแล้วนะ แบ่งคนอื่นบ้าง”            คนได้ยินทำไหวไหล่ ก่อนเอื้อมมือเข้าไปอีกรอบพร้อมแววตาเป็นประกาย คราวนี้มือเรียวจับข้อมือของเขาไว้มั่น            “ต้องตะกละขนาดไหน ถึงเอามือล้วงเข้าไปในเตาร้อน ๆ มันเพิ่งจะปิดเมื่อกี้เอง คุณเป็นพวกชอบทำร้ายตัวเองหรือไง?”            แก้มเคี้ยวตุ่ยกลืนขนมลงคอฝืดแล้วก็ถาม “เป็นห่วงผม...?”            หญิงสาวส่ายหน้าไปมา พลิกมือของเขาดูก็เห็นว่าสมเป็นมือของคนทำฟาร์ม มันคงจะด้านจริง ๆ จากนั้นก็เงยหน้าบอก            “อยากกินต้องรอ ต้องจองล่วงหน้านะคะ ออเดอร์ของฉันมีจำนวนจำกัด” ในท่าทีมั่นอกมั่นใจในฝีมืออบขนม เธอผละไปจากเขา เพื่อที่จะไปหยิบถุงมือผ้ามานำถาดคุกกี้ออกจากเตา            และเป็นเพราะว่าแววตาคู่หนึ่งกำลังจ้องเขม็งราวพญาเหยี่ยว ไม่บอกก็รู้ว่าเขาน่าจะเหมาหมดถาดนี้อย่างแน่นอน จึงคอยจ้องจับผิดจนลืมระวัง            “ว้าย!” เร็วพอกับเสียงหวีดร้องคือวงแขนกว้างที่คว้าเอวบางเข้าหมับ! โดยที่เธอไม่ทันได้หยิบถุงมือผ้าลายดอกไม้ และก็ซุ่มซ่ามเองที่เผลอปัดมือไปโดนข้าวของและกระติกน้ำกลมกลิ้งตุบลงพื้น            ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงมองตามน้ำสาดกระเซ็น ไอร้อนที่ลอยอยู่บนพื้นกระเบื้อง            “คุณเมฆ... เป็นอะไรไหมคะ? อุ๊ย!” เธอตกใจพอเพิ่งจะเห็นแขนเสื้อเชิ้ตสีดำเปียกแม้ว่ามันไม่มากนัก            “เดี๋ยว... ค่อยเดินไป มันร้อน” เตือนเสียงเข้มหลังจากที่กลืนคุกกี้คาปากลงคอ ด้วยความรู้สึกติดอกติดใจแม่สาวตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน มืออีกข้างหยิบผ้าผืนใหญ่ที่วางอยู่โยนลงพื้นไปให้มันดูดซับน้ำอย่างช้า ๆ            “ทำไมไม่มีใครจัดการอะไรกันเลย ทำงานก็ทำงานอย่างเดียว รกไปหมด” ปากบ่นพึมพำ เธอคงไม่ได้รู้ตัวว่าความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นจนเชยหน้าขึ้นมองคิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาคู่คมขมวดเข้าหากัน            มีบางอย่างร้อนกว่าน้ำเดือดผุด! คือชายหนุ่มที่กำลังทำตัวเป็นโจรขโมยคุกกี้ เพราะอยากจะเขมือบคนทำคุกกี้เข้าไปด้วย ทว่าพอมือเรียวเล็กยกขึ้นสะกิดอกแกร่งด้วยแรงอันน้อยนิด            “ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”            “เออ... โทษที” เขาพูดไว ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างหิวกระหาย ไม่ได้สนใจอาการแสบร้อนบริเวณต้นแขนน่าจะเป็นเพราะน้ำร้อนกระเด็นผ่านไปเมื่อสักครู่ ก่อนจำใจยอมปล่อยเอวบางของหญิงสาวในเดรสสีชมพูหวานลายดอกอย่างเสียอกเสียดาย            “ฉันมีบัวหิมะ ทาไปก่อนแล้วกันนะคะ พอช่วยแผลน้ำร้อนลวกได้” คนพูดหลุบตาลงมองพื้น ก้าวข้ามน้ำหย่อมใหญ่อย่างระวังเพื่อไปเปิดตู้เย็น หยิบกระปุกครีมสามัญประจำบ้านเปิดฝาออก            “คุณเมฆนี่นะ ยังกับสไปเดอร์แมนหรือไอร่อนแมน?” พูดพลางฉีกยิ้มกว้างหวาน เธอกลับมายืนข้างเขา เอื้อมไปคว้าข้อมือหนา ถือวิสาสะเลิกชายเสื้อของคนเจ็บ พับมันทบขึ้นเป็นชั้นทีละข้าง            “...”            ไม่มีคำตอบในสีหน้านิ่งเฉยเย็นชา เขารู้สึกพึงพอใจกับความเจ็บเล็กน้อยที่ทำให้ได้ใกล้กันมากขึ้นสักหน่อย ขนตางอนเป็นแพหนาเหนือดวงตาคู่สว่างใส รอยยิ้มบนวงหน้าหวานที่เหมือนจะให้ท่า ใต้รองพื้นบาง ๆ ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากเย็น            “ขอบคุณนะคะ”            “เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับผม ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ” สายตาของเขาหยุดพลันเปล่งประกายคมกล้าเหนือเส้นผมดำขลับที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนของแชมพูดอกไม้ เขาได้แต่หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเธออาจมีใจให้เขาบ้างสักหน่อย            เขาก็คงเอาชนะไอ้พิภพ... ได้เยาะเย้ยมันอย่างสะใจสักหน่อย แล้วเขาจะทำยังไงต่อ?            “แผลนี่ทาบัวหิมะเดี๋ยวเดียวก็น่าจะหาย แต่ฉันว่า... คุณเมฆควรไปร้านขายยาด้วยนะ”            มือเรียวโปะครีมเย็น ๆ ลูบไล้ไปมา บาดแผลแทบจะยุบหายในทันที            ดวงตาคู่คมเข้มหลุบลงมองปลายนิ้วอุ่นร้อนที่พาฤทธิ์ยาเย็นเฉียบพร้อมกับความนุ่มนวล อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเขา            “อย่าลืมนะคะ”            “ผมไม่เป็นไร คงไม่ต้องไป...” พูดพลันร่างสูงขยับก้าวหนึ่ง กรามแกร่งที่มีเคราเขียวครึ้มขึ้นแซมในวงหน้าหล่อเหลาโน้มลงช้า ๆ ไม่มีความเสแสร้งอยู่บนใบหน้าของเขาที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง            หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร มีเจตนาอย่างไรแน่ และทำไมเธอถึงไม่ห้ามเขา กระทั่งได้ยินน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง            “ขอคุกกี้หมดนี่เลยได้ไหม?”            ขณิกาปิดตาลงถอนหายใจ พยายามควบคุมน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น            “ฉันไม่ได้งกนะคะ แต่พี่ ๆ เขาไม่ได้กินกันสักอัน คุณเมฆกินหมดนี่ก็ไม่มีแป้งแล้ว”            “ไปซื้อ...”            “ฉันต้องทำงานนะคะ”            “งั้นไม่ต้องทำ ผมจ้างบริษัทอื่นละกัน”            หญิงสาวทำหน้าเหวอกับคำข่มขู่ของลูกค้าหนุ่มที่เอาแต่ใจอยู่พอตัว งานใหญ่งานนี้เป็นบันไดแห่งชื่อเสียงในวงการงานบริษัทโฆษณา ซึ่งเธอฉลาดมากพอ            “ไปก็ได้ค่ะ...”            “ไปครับ ไปรถผมละกัน” มุมปากหนาหยักได้รูปประดับยิ้มร้ายกาจ ชายหนุ่มหมุนกายเดินนำหน้าคนทำคุกกี้ที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ ก่อนคว้ากระเป๋าเดินตามเขาไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD