ตอนที่ 5... เพื่อนรัก รักเพื่อน

2958 Words
“ขวัญ...” “ขอโทษทีกร เรามาช้าตั้งห้านาที ขอโทษนะ” ของขวัญบอกกร หรือ พงศกร เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นัดเธอมาคุยเรื่องรายงานที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย “ไม่เป็นไรเลยขวัญ เราเพิ่งมาถึงก่อนขวัญแป๊บเดียว” เขาตอบกลับสบายๆ เพราะเธอไม่ได้มาสายจนทำให้เขาเสียเวลา “ไหน? เราต้องแก้รายงานตรงไหนบ้าง” เธอวางกระเป๋าเสร็จ ก็ถามถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องรีบมาหาพงศกร “ตรงนี้เลย ตรงหัวข้ออาหารจากประเทศตะวันตก” “หัวข้อย่อยไหนเหรอ” เธอถามพงศกร ซึ่งถูกอาจารย์จับฉลากให้ทำงานร่วมกัน “ส่วนที่ขวัญแบ่งไปทำ ไม่ต้องเพิ่มอะไรแล้วล่ะ เพราะขวัญทำงานละเอียดมาก แต่ในส่วนของเรา เราว่าข้อมูลเรื่องการต้อนรับและการบริการลูกค้าในร้านอาหารตะวันตกยังไม่แน่นพอ เราเลยอยากรบกวนเวลาขวัญ ช่วยแนะนำหน่อย ขวัญทำงานที่ร้านอาหารยุโรปใช่ไหม” “ใช่แล้ว งานพิเศษของเราเองแหละ เราเป็นพนักงานเสิร์ฟและรับออเดอร์ แต่บางครั้งก็ไปเป็นพนักงานต้อนรับ ทำสลับๆ กันไป เราขออ่านก่อนนะว่ากรตกหล่นตรงไหนบ้าง เราจะได้ช่วยเพิ่มให้” “ที่จริงขวัญทำส่วนนี้ตั้งแต่แรก ขวัญก็ไม่ต้องเสียเวลามาช่วยเรา ขอโทษที่เรารบกวนเวลานะ” “รบกวนอะไรกันล่ะ นี่งานกลุ่มนะ แล้วเราตกลงกันแล้วนิ ว่าจะทำเรื่องที่เราไม่ถนัด เราจะได้มีความรู้ในเรื่องนั้นเพิ่ม แล้วอีกอย่างวันนี้วันหยุด ขวัญไม่ต้องรีบไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร” “แล้วพรุ่งนี้ล่ะ ต้องทำงานหรือเปล่า” พงศกรมีความคิดดีๆ ในหัว “พรุ่งนี้วันเสาร์ ขวัญไม่ต้องทำ ขวัญหยุดวันศุกร์กับเสาร์” “เยี่ยม! งั้นทำงานเสร็จแล้วไปเที่ยวกัน” “เที่ยวไหนอะ” “ก็เที่ยวตามประสาวัยรุ่นไงยะ” เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่ง ดังมาก่อนตัว “แค!” “อย่าเรียกแค! เรียกแครอทสิ เรียกแคเฉยๆ เดี๋ยวมันไม่น่าหมั่นไส้” แครอท หรือ เขมิกา บอกของขวัญด้วยสีหน้าไม่พอใจเกินความจำเป็น “จ้ะ! แม่แครอท แล้วนี่มาได้ไงอะ” “อ้าว! ก็ทำรายงานไง ไม่ได้อ่านกรุ๊ปไลน์อีกแล้วใช่ไหม” เขมิการู้นิสัยของของขวัญดี รายนี้มักจะเชื่องช้าต่อเหตุการณ์บ้านเมือง หรือแม้กระทั่งเรื่องของกลุ่มเพื่อนสนิท “แล้วไหนเทนนิสอะ ไม่มาทำรายงานกับแกเหรอ” ของขวัญถามหา เท็น หรือ นิติ แต่ด้วยความที่ตัวเป็นชาย แต่หัวใจเป็นหญิง เท็นจึงขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนๆ เรียกว่าเทนนิส “ช้าตลอดอะแหละอีเทนนิสน่ะ ว่าแต่แกคืนนี้แกไปเที่ยวกับพวกฉันไหม ไปเถอะ แกปฏิเสธพวกฉันมาหลายครั้งแล้วนะเว้ย ตั้งแต่เปิดเทอมจนจะปิดเทอมอยู่แล้ว แกยังไม่ไปปาร์ตี้กับพวกฉันเลย กรก็ไป เพื่อนๆ ในคลาสอีกหลายคนก็ไป” “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปนะ แต่ฉันไม่ว่าง” “แต่วันนี้ขวัญว่าง เราถามขวัญแล้วแครอท วันนี้ขวัญไม่ต้องไปทำงานพิเศษ พรุ่งนี้ก็ด้วย” “เลิศ! งั้นสรุปว่าแกตกลง ห้ามปฏิเสธ โอเค?” “แก... คือฉัน...” “ไม่ต้องอ้างอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องอ้างว่ากลัวเมา เพราะคืนนี้แกเมาแน่ แต่พวกฉันจะเป็นคนดูแลเอง กรก็จะช่วยดูแลแกด้วย ใช่ไหมกร” เขมิกาหันไปส่งสัญญาณให้พงศกรตอบตกลงทางสายตา “ใช่ๆ คนคออ่อนอย่างขวัญสบายใจได้ มีคนขอแข็งไปเป็นเพื่อนตั้งหลายคน ไม่มีอะไรต้องกังวล” “ตกลงตามนี้นะ! ฉันไปโทรศัพท์ไปตามนังเทนนิสก่อน ไม่รู้เดินตามผู้ชายหล่อ จนหลงทางหรือเปล่า เดี๋ยวฉันมา” เขมิกาพูดจบก็ลุกจากโต๊ะไป เธอไม่อยากเปิดโอกาสให้คนไม่ชอบสังสรรค์อย่างของขวัญปฏิเสธ และอยากให้พงศกรได้มีเวลาอยู่กับเพื่อนรักของเธอสองต่อสองด้วย “นานๆ ขวัญจะไปเที่ยวกับพวกในคลาสสักที ไม่ต้องคิดมากหรอก ถือซะว่าไปปลดปล่อย อาทิตย์หน้าก็ต้องเข้าครัวทำอาหารแล้ว คงไม่มีเวลาให้เราเที่ยวเล่นแบบนี้เท่าไหร่” เขาชักแม่หลายสายมาเป็นเหตุผล ให้ของขวัญรู้สึกว่าการไปเที่ยวกับพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล “เรากลัวเมาน่ะสิ เราดื่มไม่เกินห้าแก้วก็เมาละ อ่อนเนอะ” “ฮ่าๆ ไม่อ่อนหรอก เรียกว่าร่างกายไวต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ดีกว่า” “มันก็อยากไปนะ แต่กลัวจะเป็นภาระเพื่อนแล้วจะหมดสนุกกันน่ะสิ” “กรบอกแล้วไง กรจะดูแลขวัญเอง ไปเถอะนะ” พงศกรบอกเธออย่างสื่อความหมาย แต่เหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาจะบอกเลยสักนิด “ไปก็ได้... ไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตานานแล้ว” เธอตอบตกลงอย่างยินดี การได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ตามประสาวัยรุ่น ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยอย่างหนึ่งเหมือนกัน เธอส่งยิ้มให้พงศกร ก่อนจะช่วยเขาทำรายงานต่อ โดยที่ไม่รู้เลยว่า เพื่อนของเธอคนนี้นั้นรู้สึกกับเธออย่างไร เขาชอบเธอตั้งแต่ได้เจอเธอครั้งแรก ในงานรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีก่อน แต่ด้วยความที่เขากลัวจะเสียความเป็นเพื่อน หากบอกความในใจกับเธอ เขาจึงเลือกเก็บความรู้สึกที่มีเอาไว้ “แครอท... เข้าไปตอนนี้หรือรออีกแป๊บดีวะ” นิติหันไปถามเขมิกา เมื่อยืนอยู่หน้าร้านและเห็นพงศกรกับของขวัญกำลังนั่งคุยกันอยู่ “นั่นดิ เข้าไปตอนนี้จะขัดจังหวะไอ้กรเปล่าวะ” “เราจะขัดหรือไม่ขัด มันจะมีประโยชน์อะไรวะ นี่มันชอบขวัญมาสามปีแล้วนะ มันไม่บอกหรือทำอะไรให้ขวัญรู้หน่อยเหรอ ปีหน้าก็จะเรียนจบแล้วนะ” “ขนาดกรมันไม่ได้ชอบเราสองคน เรายังรู้เลยว่ามันชอบขวัญ แกคิดว่าขวัญมันจะไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอเทนนิส” “เฮ้อ... จิตใจชะนี ยากแท้หยั่งถึง” นิติถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ของขวัญเป็นเพื่อนสนิทของเขากับเขมิกา ส่วนพงศกร แม้จะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่เขาก็เป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีมาโดยตลอด หากทั้งสองคนได้คบหาดูใจกัน เขากับเขมิกาก็จะยินดีเป็นอย่างมาก “ฉันว่าเดี๋ยวไอ้กรมันคงบอกเร็วๆ นี้แหละ ไม่งั้นมันจะแอบมาขอเปลี่ยนกลุ่มทำรายงานกับแกเหรอ” เขมิกาออกความเห็น เมื่ออาทิตย์ก่อน อาจารย์จับฉลากให้ทำรายงานเป็นคู่ และเป็นนิติที่ได้ทำงานคู่กับพงศกร ส่วนเธอบังเอิญได้ทำงานคู่กับของขวัญ “ถ้าไอ้กรมันไม่บอกชอบนังขวัญก่อนจบปีสาม ฉันจะจดลิขสิทธิ์นายพงศกร มาเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว หล่อ น่ารัก นิสัยดี ยิ้มสวย แต่ตอนนี้ เราเข้าไปทำงานกันได้แล้วแครอท จะไปเที่ยวทั้งๆ ที่งานยังไม่เสร็จไม่ได้ อย่าลืมคอนเซปท์ของพวกเราสิ” “ไม่ลืมค่ะคุณเทนนิส...” “แรด รั่ว ยั่วได้ แต่ไม่เซย์กู๊ดบายเรื่องเรียน” นิติและเขมิกาพูดคำขวัญประจำกลุ่มขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมโต๊ะกับของขวัญและพงศกร “ชนนนน!” เสียงแก้วเหล้ากระทบกัน ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลุ่มเพื่อนของของขวัญรวมตัวกันที่ร้านแห่งหนึ่ง คล้ายๆ ว่านี่เป็นงานที่รวมทุกคนในชั้นเรียนเอาไว้เพื่อหาความสุขใส่ตัว ก่อนที่แต่ละคนจะต้องวุ่นวายและทุ่มเทให้กับการทำโปรเจคสำหรับการเรียนให้จบชั้นปีที่สามในชีวิตมหาวิทยาลัย จริงอยู่ที่การเรียนคหกรรมศาสตร์นั้นไม่ต้องเสียเวลานั่งอ่านหนังสือและทำความเข้าใจกับอะไรยากๆ เป็นเวลาหลายวัน แต่การเข้าครัว ที่ไม่ใช่ทำแค่เพียงทอดไข่ดาวหรือเจียวไข่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เพราะการจะรังสรรค์เมนูอาหารขึ้นมาสักหนึ่งชนิด ไม่เพียงแต่รสชาติของอาหารจานนั้นจะต้องอร่อย แต่ต้องรู้ถึงรายละเอียดของวัตถุดิบ เข้าใจและใส่ใจในกรรมวิธีต่างๆ และใช้จิตวิญญาณความเป็นศิลปิน ตกแต่งจานอาหารให้ออกมาน่าสนใจอีกด้วย ของขวัญนั่งนิ่งๆ มองเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ในโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดของร้าน บางคนร้องเพลงคลอไปกับเสียงนักร้องและดนตรีสด บางคนก็ลุกเต้นอย่างสุดเหวี่ยง บางคนก็เดินมาชนแก้วกับเธอ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ตอนนี้สมองของเธอนั้น รับรู้กับเรื่องราวตรงหน้าได้น้อยลงไปทุกที “ขวัญ! ไหวไหมแก!” นิติเห็นเพื่อนไม่คึกครื้นเหมือนช่วงแรกๆ จึงหยุดเต้นและเดินมาถามด้วยความเป็นห่วง “ไหวๆ แต่ถ้าไปเต้นคงไม่ไหวแล้วอะ” “เดี๋ยวเรานั่งเป็นเพื่อนขวัญได้นะ เทสนิสไปเต้นต่อเถอะ” พงศกรได้โอกาสใกล้ชิดกับเพื่อนที่เขาแอบชอบ ก็เสนอตัวช่วยดูแลของขวัญ “กรไม่ไปเต้นกับเพื่อนๆ เหรอ” ของขวัญไม่อยากรบกวนเขา “ไม่เต้นหรอก เราเต้นไม่เก่งน่ะ” “งั้นก็... ฝากด้วยนะกร” นิติสบายใจที่มีคนช่วยดูแลเพื่อนรัก และเขาก็มั่นใจว่าพงศกร จะไม่ทำอะไรน่าเกลียดกับเพื่อน “วันนี้ขวัญไม่เห็นเมาเลย” เมื่ออยู่กับเพียงลำพัง พงศกรก็เขยิบมานั่งใกล้ๆ ของขวัญ แต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ เพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัย เขาเพียงอยากดูแล และพูดคุยกับเธอ ไม่ได้อยากใช้โอกาสนี้ทำอะไรไม่ดี “ยังไม่เมา... แต่ตอนนี้ก็มึนๆ หัว เราเลยนั่งเฉยๆ ดีกว่า” “ดีแล้ว ถ้าออกไปเต้นกับเทนนิสกับแครอทอาจจะอ้วกก็ได้” “ใช่ นี่ถ้าเรากินอีกแก้ว มีหวังภาพตัดแน่ๆ” เธอประเมินอาการของตัวเอง เธอเคยเมา เพราะไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเอง และเธอจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก “งั้นขวัญกินน้ำสักแก้วดีไหม น้ำเปล่าจะได้เจือจางแอลอกอฮอล์ไง” “น้ำเปล่าก็ได้เหรอ ปกติเราเคยได้ยินว่าให้กินพวกนมเปรี้ยว” “หรือขวัญจะกินนมเปรี้ยวล่ะ เราออกไปซื้อให้ได้นะ เซเว่นอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” “ไม่เป็นไรๆ น้ำเปล่าก็พอ” เธอเห็นเขาทำท่าจะลุกไปซื้อนมเปรี้ยวมาให้เธอจริงๆ ก็รีบบอกเขา “น้ำเปล่าหมด... เดี๋ยวเราไปสั่งมาให้นะ อย่าเพิ่งหลับ” “โอเค... จะพยายาม” ของขวัญพูดจบก็หาวอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนี้เธออยากนอน เธอปวดหัวและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกจากทิ้งตัวลงบนที่นอน “เฮ้ย! ทำอะไรอะ” พงศกรรีบวางขวดน้ำเปล่าไว้บนโต๊ะ และผลักร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังจะนั่งลงข้างๆ ของขวัญ “ผมมารับขวัญกลับบ้าน” “คุณเป็นใคร” เขมิกาและนิติ เห็นสถานการณ์ไม่ปกติจึงเดินมาถาม ทั้งสองมองหน้าผู้ชายแปลกหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะเข้าไปยืนบังเพื่อนสนิทที่นอนหลับสนิท ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ “มายุ่งกับเพื่อนฉันทำไม” “ผมเป็นพี่ชายของของขวัญ” “พี่ชาย? ขวัญไม่เห็นเคยบอกพวกเราว่ามีพี่ชาย” “จะมาล่อลวงเพื่อนฉันไปทำมิดีมิร้ายไม่ใช่ กร! ไปเรียกการ์ดมาพาผู้ชายคนนี้ออกไป” เขมิกาสั่งพงศกร “ผมไม่ได้จะมาล่อลวงเพื่อนคุณ ผมรู้จักกับของขวัญจริงๆ” “คุณชื่ออะไร เราจะโทรไปถามป้านิดว่าคุณรู้จักของขวัญจริงหรือเปล่า” “ผมชื่อพลวัต...” “พลวัต?” “ใช่ครับ แล้วป้านิดก็เป็นคนบอกให้ผมมารับของขวัญกลับบ้าน” “แครอท! โทรหาป้านิด” นิติยืนบังเพื่อนรักไว้อย่างปกป้อง ส่วน เขมิกาก็รีบกดโทรศัพท์หาผู้ปกครองของขวัญที่เธอรู้จักมักคุ้น พร้อมๆ กับที่พงศกร เดินกลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสามคน “ป้านิดสั่งให้เค้ามารับไอ้ขวัญจริงๆ ว่ะ” เขมิกากระซิบบอกนิติอย่างอายๆ “แน่ใจเหรอแครอท” พงศกรถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้ยินของขวัญพูดถึงพี่ชายที่ชื่อพลวัตเลยแม้แต่ครั้งเดียว “บ้านขวัญอยู่ไหน” นิติต้องการข้อยืนยันว่าผู้ชายคนนี้รู้จักเพื่อนของเธอจริงๆ เพราะถ้าเขาเป็นคนหลอกลวง เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ เขาคงเสียใจไปตลอดชีวิต ที่ปกป้องเพื่อนรักไม่ได้ “รามอินทรา ซอย 47” พลวัตตอบอย่างใจเย็น เขาไม่โกรธหรือถือโทษเพื่อนๆ ของคนที่นอนฟุบโต๊ะหลับไปแล้ว เพราะเขาไม่เคยเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของคนเหล่านี้มาก่อน พวกเขามีสิทธิ์ที่จะถามเพื่อความมั่นใจ “...ก็ได้! พวกเราให้คุณพาขวัญกลับบ้านก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า คุณจะต้องถ่ายรูปส่งมาให้พวกเราดู ว่าคุณส่งเพื่อนเราถึงบ้าน พร้อมกับแชร์โลเคชั่นมายืนยันกับพวกเราด้วย หยิบโทรศัพท์ของคุณขึ้นมาปลดล็อค แล้วส่งมาให้ฉันด้วยค่ะ” เขมิกาพูดจบก็แบมือรอรับโทรศัพท์จาก ชายแปลกหน้า ซึ่งเขาทำตามที่เธอบอกโดยไม่ลังเล และไม่มีท่าทีจะหลีกเลี่ยงคำขอ “ขอบัตรประชาชนคุณด้วย” นิติไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด เขาอาจจะไม่ส่งรูปมาบอกเขมิกาก็ได้ “ถ้าผมส่งเพื่อนคุณถึงบ้านแล้ว คุณต้องลบรูปถ่ายบัตรประชาชนผมทิ้งด้วย ตกลงไหม มันไม่ใช่รูปที่ควรจะอยู่ในโทรศัพท์มือถือของคนอื่น” พลวัตเปิดกระเป๋าสตางค์และยื่นมันให้นิติ “เราจะลบรูปบัตรคุณ ก็ต่อเมื่อเราได้คุยกับป้านิดและแน่ใจว่าของขวัญปลอดภัยดี” “ตกลงครับ” “นี่เบอร์โทรศัพท์ของฉัน แล้วนี่ก็ไลน์ของฉัน คุณต้องรายงานฉันทันทีที่ขวัญถึงบ้าน” “ผมเข้าใจครับ... ผมพาเพื่อนคุณกลับบ้านได้หรือยัง” “ได้... แต่พวกเราจะเดินไปส่งขวัญที่รถด้วย” พงศกรพูดจบก็เข้าไปช่วยนิติและเขมิกาพยุงร่างของขวัญ แม้วันนี้เธอจะไม่ได้เมาจนขาดสติ แต่เธอก็นอนหลับไปโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ถ่ายรูปรถผมกับทะเบียนรถไว้ด้วยไหมครับ ผมอยากให้พวกคุณสบายใจ” พลวัตหันไปถามทั้งสามคน หลังจากพวกเขาจัดแจงของขวัญให้นั่งอยู่บนรถเรียบร้อย “ถ่ายแล้ว...” พงศกรหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้พลวัตดู เขาทำก่อนที่พลวัตจะพูดซะอีก “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ” พลวัตพูดจบก็เดินไปขึ้นรถ โดยไม่รอฟังคำพูดอะไรอีก เพราะคืนนี้เขาเสียเวลานั่งมองเด็กผู้หญิงที่หลับคอพับอยู่ที่เบาะข้างๆ มาหลายชั่วโมงแล้ว “ขวัญมันมีพี่ชายหล่อขนาดนี้ ทำไมมันไม่บอกพวกเราเลยวะ” นิติมองตามท้ายรถหรูที่เพิ่งขับออกไปด้วยความสงสัย “ที่ฉันสงสัย... ไม่ใช่เรื่องมีพี่ชายหรือเปล่าหรอก” เขมิกาเห็นต่าง “แล้วแกสงสัยอะไรวะ” “ถ้าพี่ชายขวัญขับรถแพงขนาดนี้ ทำไมน้องสาวต้องทำงานพิเศษงกๆ เกือบทุกวันวะ” “เออ... นั่นสิ” “อาจจะเป็นญาติกันก็ได้มั้ง” พงศกรออกความเห็น เพราะเขาไม่เห็นความคล้ายคลึงกันของพี่น้องสองคนนี้เลยสักนิด “อืม... ช่างเถอะ ยังไงป้านิดก็ยืนยันแล้วว่ารู้จักผู้ชายคนนี้จริงๆ ตอนนี้เรากลับเข้าไปข้างใน แล้วก็รอเค้าโทรมาดีกว่า” “โอเค... ไปจ้ะกร ไปเต้นกับเทนนิสดีกว่า” นิติตอบตกลงกับเขมิกา แต่ตาหันไปมองพงศกรอย่างออดอ้อน “ไม่เต้นจ้ะ... ปวดฉี่” พงศกรบอกก่อนจะหัวเราะท่าทางของนิติเบาๆ เขาไม่มีอารมณ์จะเต้นหรือสนุกกับเสียงเพลงแล้ว เขาเป็นห่วงของขวัญ และสงสัยสถานะที่แท้จริงของผู้ชายที่ชื่อพลวัตมากกว่า “นี่... ถ้าชอบขวัญก็บอกขวัญได้แล้วนะกร” เขมิการู้ว่าเขาเป็นห่วงเพื่อนสนิทของเธอ “ใช่ ไม่ยอมบอกสักที เก็บไว้ทำไมก็ไม่รู้ ดีนะที่ขวัญมันไม่สนใจพวกผู้ชายที่เข้ามาจีบ ไม่งั้นแกอกหักไปนานแล้วนะกร” นิติเห็นด้วยกับสิ่งที่เขมิกาพูด “ก็เพราะว่าขวัญไม่สนใจใครเลยน่ะสิ เราถึงไม่กล้าบอกขวัญ ถ้าเราบอกไป ขวัญจะยังคุยกับเราเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้... ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พงศกรรู้ว่าถ้าเขาบอกไป ของขวัญคงทำตัวห่างจากเขามากขึ้น “อย่างน้อยก็ได้บอกเปล่าวะแครอท... ผู้หญิงอย่างพวกแก มีคนมาบอกชอบ ก็ต้องดีใจไม่ใช่เหรอ” “ก็ดีใจแหละ... แต่มันก็ต้องดูเหตุผลอื่นๆ ด้วย” “เหตุผลไรของพวกชะนีเนี่ย น่าเบื่อ! ไปเต้นต่อละ แกรอรับโทรศัพท์ด้วย โอเคนะ!” “อีนี่! เจอผู้ชายหล่อเดินเข้าร้านก็ทิ้งเพื่อนเลยนะ” เขมิกาบ่นเพื่อน ที่ทำเป็นไม่เข้าใจที่เธอพูด ความจริงก็อยากเดินตามผู้ชายไปนั่นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD