ตอนที่ 4... หัวใจว้าวุ่นของคนรุ่นเก่า

3155 Words
“มาแล้วเหรอครับเฮีย” ชัชชัยทักทายเจ้านายด้วยประโยคง่ายๆ “มึงก็เห็นกูยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ กูจะยังไม่มาได้ยังไง!” พลวัตตอบกลับอย่างหัวเสีย ตลอดทางกลับมาที่สถานบันเทิงเขาหยุดคิดถึงของขวัญเลยไม่ได้เลยสักนิด เขาหงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรลงไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของเขา เขาไม่เคยต้องบังคับฝืนใจผู้หญิงคนไหนให้มาใกล้ชิด เขาไม่เคยทำตัวเป็นผู้ชายไร้เกียรติกับผู้หญิงคนไหนนอกจากของขวัญมาก่อน “ผมรบกวนเชิญเฮียไปคุยกับน้องๆ ที่ตัดสินใจจะทำงานได้ไหมครับ” ชัชชัยรู้ว่าเขาคงเจอกับอะไรที่ไม่สบอารมณ์ก่อนจะกลับเข้ามาที่นี่ จึงไม่เสี่ยงที่จะถามอะไรโง่ๆ อีก “สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของผู้หญิงเกือบยี่สิบคน กล่าวทักทายเมื่อพลวัตเดินตามชัชชัยเข้ามาในห้องประชุม ทุกคนต่างมองเขาด้วยสายตาหลงใหล แต่พลวัตก็ไม่ได้สนใจสายตายั่วยวนที่คอยจับจ้องเลยแม้แต่น้อย “เลขาของผมคงพาพวกคุณเดินดูการทำงานของที่นี่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่พวกคุณยังอยู่ในห้องนี้ แปลว่าพวกคุณเต็มใจและยินดีที่จะรับมือกับผู้ชายมือไว ผู้ชายหื่น หรือผู้ชายที่อาจจะเมาจนอ้วกใส่กระโปรงตัวโปรดของพวกคุณ แต่มีเรื่องที่ผมอยากจะย้ำให้ทุกคนได้เข้าใจตรงกันอีกครั้ง ที่นี่เป็นทั้งสถานบันเทิง งานของพวกคุณคือบริการลูกค้า เอาอกเอาใจ รินเบียร์ ชงเหล้า หากมีลูกค้ายื่นข้อเสนอให้คุณไปนอนด้วย คุณจะไปหรือไม่ไปก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ ผมไม่ใช่พ่อเล้า ผมแค่อยากขายเหล้า ขายเบียร์ ขายอาหารอร่อยๆ ขายบรรยากาศดีๆ และเก็บค่าห้องพักจากโรงแรมที่เปิดไว้ข้างๆ อย่าเข้าใจผิดว่าร้านของผมเป็นอาบ อบ นวด หรือเป็นอย่างอื่น” พลวัตพูดถึงประโยคนี้ ก็มีเสียงหัวเราะชอบใจจากสาวๆ โรงแรมที่เขาว่านั้น เอาไว้ใช้ทำอะไรคงไม่ต้องอธิบายให้มากความ “แบบนี้แปลว่า... ถ้าเฮียชวนหนูไปลองใช้เตียงในห้องพักที่เฮียพูดถึง เราก็จะประหยัดเวลาเดินทาง และมีเวลาทำอะไรอย่างว่ามากขึ้นใช่ไหมคะ” คำถามของสาวใจกล้าคนหนึ่ง เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่กำลังจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันได้ไม่น้อย “ผมไม่นิยมมีเซ็กส์กับลูกจ้าง ใครมีคำถามอะไรอีกไหมครับ” พลวัตตอบเรียบๆ แต่กลับทำให้คนฟังอึ้งจนทั้งห้องเงียบกริบ ไม่มีใครถามหรือสงสัยอะไรในสิ่งที่เขาอธิบายไปเมื่อครู่อีกแล้ว “รายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวชัชชัย เลขาของผมจะเป็นคนชี้แจงอีกที อ่อ! แล้วถ้ามีปัญหาอะไร ให้แจ้งกับชัชชัย ไม่ต้องแจ้งกับผม เค้าจะเป็นคนคัดกรองเรื่องต่างๆ ว่าผมควรจะรับรู้หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีเรื่องอะไรสำคัญ ก็อย่าเพิ่มงานให้เลขาผมนะครับ งานเค้าล้นมืออยู่แล้ว ยินดีต้อนรับทุกคนนะครับ ขอให้ทำงานอย่างมีความสุข” พลวัตพูดเพื่อเตือนสติใครก็ตาม ที่คิดจะเข้ามาวุ่นวายกับเขาเกินความจำเป็น และไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มปิดท้าย ซึ่งมันทำให้สาวๆ ในห้อง ลืมไปสนิทเลยว่า ก่อนหน้านี้ เขาแสดงบทบาทของการเป็นนายจ้างได้โหดร้ายเพียงใด แต่ที่พลวัตทำลงไปนั้น เขาไม่ได้ต้องการจะสร้างความกลัวให้กับใคร เพียงแค่อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ว่าเขาไม่ได้ใช้พวกเธอ เป็นเครื่องมือในการหารายได้ เขาไม่ได้มองว่าพวกเธอเป็นสินค้า และเขาไม่ได้บังคับจิตใจและร่างกายของใครให้มาทำงานที่นี่ และเขาก็อยากจะพูดเรื่องนี้ให้คนที่ต่อว่าเขาเมื่อชั่วโมงก่อนได้ฟัง แต่เขาก็คิดว่าเสียเวลาที่เปล่า เพราะงานที่เขาทำอยู่ มันสนับสนุนสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปเมื่อครู่อย่างหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ในเมื่อเธอยังไม่ได้รู้จักเขาดีพอ การตัดสินใจสิ่งที่เขาเป็นจากภายนอกก็ถูกต้องแล้ว บ่ายวันต่อมา “น้องขวัญ! มาทำอะไรแต่เช้า!” ชัชชัยเดินมาทักของขวัญ ที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟใกล้ๆ กับร้าน “พี่ชัช!” เธอเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ เพราะเธอโทรศัพท์หาเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่รับสาย เธออยากบอกเขาว่า วันนี้เธอจะเข้ามาทำความสะอาดก่อนเวลาปกติ เพราะไม่อยากเจอหน้าเจ้าของห้อง “ดีใจอะไรขนาดนั้น นี่พี่ไม่ให้พระเอกละครนะเว้ย” เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ขวัญกำลังอยากคุยกับพี่ชัชอยู่พอดีเลยค่ะ” “อยากคุยกับพี่... มีอะไรเหรอ” “วันนี้ขวัญขอเข้าไปทำความสะอาดก่อนได้ไหม ตอนเย็นขวัญต้องรีบไปทำงานพิเศษค่ะ” “ตอนนี้เพิ่งเที่ยงครึ่งเองนะ แล้วขวัญไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอ” “ไม่มีค่ะ” “พี่ไม่ว่างเข้าไปที่ร้านตอนนี้ด้วยสิ...” “ขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งบอกพี่ชัชตอนนี้ แต่จริงๆ แล้ว... ขวัญจะบอกพี่ชัชตั้งแต่สายๆ แล้วค่ะ แต่พี่ชัชไม่รับสาย” “ก็เนี่ยแหละ พี่ถึงเข้าร้านตอนนี้ไม่ได้ พี่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ต้องกลับไปเอาก่อน” “อ๋อ... ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญนั่งทำงานรอพี่ชัชที่นี่ก็ได้ค่ะ” ของขวัญตอบอย่างเสียดาย เธออยากทำงานให้เสร็จ ก่อนที่พลวัตจะเข้ามาทำงานในช่วงเย็น เธอไม่อยากเสี่ยงเพราะกลัวจะเจอพลวัตอีกครั้ง “เอาแบบนี้ดีกว่า พี่ยืมโทรศัพท์หน่อย” ชัชชัยไม่อยากให้เธอเสียเวลาไปเปล่าๆ จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปขออนุญาตเจ้าของห้อง “เฮียครับ ผมชัชชัยนะครับ” “มีอะไรด่วนชัช... แล้วเอาเบอร์ใครโทรมา” พลวัตถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เวลาเที่ยงครึ่ง ไม่ใช่เวลาที่เขาจะตื่นมาอย่างสดใส มันเป็นต้องเวลาหลังสามโมงเป็นต้นไป “วันนี้เฮียนอนที่ร้านหรือเปล่าครับ พอดีว่าน้องขวัญจะเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานเฮียตอนบ่ายนี้ ตอนเย็นน้องไม่ว่างน่ะครับ” “ทำความสะอาด... บ่ายกี่โมง” “ก็ถ้าเฮียนอนที่ร้าน ผมก็จะให้น้องเข้าไปตอนบ่ายโมงเลยครับ ถ้าเฮียไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้น้องเข้าไปทำงานพร้อมผม” “อ๋อ... แกก็เอากุญแจห้องทำงานฉันให้เด็กมันไปสิ” “จะดีเหรอครับ น้องจะทำงานคนเดียว ไม่มีใครอยู่เฝ้าเลยนะครับ” “แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าเด็กคนนี้ไว้ใจได้ ถ้าไว้ใจได้จริงๆ ก็ให้เข้ามาทำความสะอาดเลย” “ได้ครับ เฮียอนุญาตใช่ไหมครับ” “อือ... ตกลงนี่เบอร์ใคร เบอร์ใหม่เหรอ?” “เบอร์น้องขวัญครับ ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน แต่มาเจอน้องขวัญพอดี แล้วก็จะกลับไปเอาโทรศัพท์ก่อน เลยเข้าไปที่ร้านตอนนี้...” “เออๆ แค่นี้นะ จะนอนต่อ” พลวัตขี้เกียจฟังเรื่องที่ไม่อยากรู้ เพราะได้คำตอบที่ต้องการตั้งแต่คำแรกของประโยคแล้ว เขาตัดสายและลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว “น้องขวัญ เดี๋ยวเอากุญแจห้องทำงานเฮียไปเลยนะ” ชัชชัยเดินกลับมาบอกของขวัญ “เข้าไปได้เลยเหรอคะ” “ใช่ครับ เสร็จแล้วก็ล็อคห้อง แล้วเอากุญแจใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานพี่นะ” “มีคนอื่นอยู่ด้วยไหมคะ” “ไม่มีใครอยู่หรอกครับ เวลานี้เค้านอนกันหมด แต่น้องขวัญไม่ต้องห่วงนะ ทำความสะอาดเสร็จก็กลับได้เลย” ชัชชัยบอกโดยที่ลืมไปว่า เขายังไม่ได้คำตอบว่าเจ้านายนั้นนอนค้างที่ร้านหรือเปล่า “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ของขวัญได้ยินว่าไม่มีใครอยู่ในร้านก็สบายใจ เธอรับกุญแจจากชัชชัย และบอกลาเขาทันที ตอนนี้เธออยากทำงานให้เสร็จเร็วๆ “สวัสดีตอนบ่าย!” “...” “จะไปไหน!” พลวัตรีบวิ่งไปยืนบังประตู ก่อนที่ของขวัญจะหมุนลูกบิดเดินหนีเขาไป “หนูจะเข้ามาทำความสะอาดตอนอื่นค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณทำงาน” “รบกวนอะไรกัน แล้วทำไมต้องเรียกเฮียว่าคุณด้วย เป็นทางการเกินไปหน่อยหรือเปล่า เฮียรู้สึกว่าเราสนิทกันมากพอสมควรนะ เรียกเฮียว่าคุณ มันฟังดูห่างเหิน ทั้งๆ ที่เราก็ใกล้ชิดกันจะตาย จริงไหม” เขาพูดพร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ เธอ “เดี๋ยวหนูมาทำความสะอาดตอนเย็นดีกว่าค่ะ” เธอบอกและขยับตัวหนีเขาไปเรื่อยๆ “ตอนเย็นไม่ว่างไม่ใช่เหรอ” “...ว่างค่ะ” “โกหกมันบาปนะ... ชัชชัยบอกเฮียว่าหนูจะเข้ามาทำความสะอาด เพราะว่าตอนเย็นหนูไม่ว่าง” “ตอนแรกไม่ว่าง แต่ตอนนี้ว่างแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ” ของขวัญพูดจบก็เดินหนีเขา แต่มีหรือที่พลวัตจะยอมให้เธอออกไปง่ายๆ เขายืนบังประตูเอาไว้ ถ้าเธอจะออกไปจากห้องทำงาน เธอก็ต้องผ่านด่านเขาไปให้ได้ก่อน “เฮียรู้นะว่าหนูกำลังจะหลบหน้าเฮีย เพราะเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม” เขายืนพิงประตูและกอดอกถามเธอสบายๆ เหมือนว่าสิ่งที่เขาทำนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา ต่างกับในใจที่รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เปล่าค่ะ” ของขวัญพยายามสบตาเขา เหมือนว่าเธอไม่รู้สึกอะไร ถ้าเธอโวยวายหรือเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ เธอแค่กลัวว่าเขาจะเข้าใจว่าเธอแกล้งหลับ และอยากให้เขาลวนลาม เธอจึงเลือกที่จะแสดงออกให้เขาเห็นว่า มันไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไรกับชีวิต “ถ้าไม่ได้หลบหน้าเฮีย แล้วทำไมไม่อยู่ทำความสะอาดต่อล่ะครับ” พลวัตยังคงคาดคั้นเอาความจริงจากผู้หญิงตรงหน้า สายตาและคำพูดของเธอ กำลังดื้อรั้นมากขึ้นเรื่อยๆ “หนูเข้ามาในห้องนี้ โดยที่ไม่ได้เคาะประตูก่อนก็เสียมารยาทมากพออยู่แล้วและหนูคิดว่าคงไม่เหมาะสม ที่จะทำความสะอาดห้องนี้ โดยที่มีเจ้าของห้องกำลังทำงานอยู่ค่ะ” “ชัชชัยไม่ได้บอกเหรอว่าเฮียอยู่ที่ห้อง” “ไม่ค่ะ... พี่ชัชบอกว่าไม่มีคนอยู่” “โอเค! หนูเข้าใจว่าไม่มีคนอยู่ เลยเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้เคาะประตู แต่พอเปิดมาเจอเฮีย หนูเลยไม่อยากรบกวนเฮียใช่ไหม” “ใช่ค่ะ” “แล้วสรุปตอนเย็นหนูว่างหรือไม่ว่าง” “ไม่ว่างค่ะ” “แน่ใจนะว่าไม่ว่าง ไม่ใช่อยากหลบหน้าเฮียเฉยๆ เหรอ” “หนูไม่ว่างจริงๆ ค่ะ” ของขวัญจำใจพูดโกหก แม้ว่าไม่อยากทำเลยสักนิด “งั้นเฮียอนุญาตให้หนูทำงานของหนูตามสบาย เฮียก็จะทำงานของเฮีย ไม่ต้องเกรงใจ หรือคิดว่าไม่เหมาะสม ตกลงไหม” พลวัตยื่นข้อเสนอ “แต่... แต่ตอนทำความสะอาดมีฝุ่นเยอะนะคะ” “ไม่เป็นไร เฮียไม่ได้เป็นโรคแพ้ฝุ่น” “ค่ะ... หนูขออนุญาตทำงานเลยนะคะ” ของขวัญพูดจบ ก็เดินไปหยิบไม้กวาด มากวาดพื้น ส่วนพลวัตก็เดินสบายๆ ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เขาหยิบงานขึ้นมาทำ และคอยแอบมองหญิงสาว ที่คงจะอึดอัดน่าดูที่ต้องทำสิ่งต่างๆ โดยที่มีเขานั่งอยู่แบบนี้ มีหลายครั้งที่สายตาของเขาและเธอมองประสานกัน โดยที่เขาตั้งใจให้เธอรู้ว่าเขามองเธออยู่ ส่วนเธอนั้นแอบมองเขา เพื่อระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด จนเมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ห้องทำงานของเขาก็สะอาดหมดจด ยกเว้นก็แต่... “ขวัญ!” พลวัตเรียกเธอเสียงดัง ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน “คะ?” “ทำไมไม่เช็ดโต๊ะทำงานเฮีย ฝุ่นจับเต็มไปหมดแล้ว” เขาใช้นิ้วมือปาดลงไปที่โต๊ะ และยกให้เธอดูว่าฝุ่นละอองที่เธอปัดกวาด มันตกลงบนโต๊ะทำงานเขามากเพียงใด ของขวัญเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปทำความสะอาด เธอไม่ได้ลืมหรอกนะ แต่เธอเห็นเขานั่งอยู่ จึงไม่อยากรบกวน หรือจะให้พูดจริงๆ คือเธอไม่กล้าบอกเขา ว่าเธอต้องการเช็ดโต๊ะตัวนี้น่ะสิ “มายืนเช็ดใกล้ๆ สิ ทำไมต้องยืดแขนขนาดนั้น” เขาตลกปนหงุดหงิดท่าทางของเธอ ที่หวาดกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้ แม้จะมีโต๊ะคั่นกลางอยู่ก็ตาม เพล้ง! “อ้าว... แก้วตก” พลวัตเห็นเธอทำหูทวนลม ก็หยิบแก้วน้ำมาปล่อยมันให้ตกลงพื้น จนเศษแก้วแตกกระจายไปทั่ว เขากระตุกยิ้มมุมปากให้เธออย่างกวนประสาท “นั่งอยู่เฉยๆ นะคะ ให้หนูทำความสะอาดก่อน” ของขวัญพยายามอดทน แม้จะรู้ว่าเขาตั้งใจ แต่เธอจะไม่โวยวาย เพื่อให้ตัวเองตกอยู่ในเกมที่เขาเป็นผู้นำ “นี่เฮียทำขนาดนี้แล้ว หนูยังทำเป็นไม่สนใจเฮียอีกเหรอ” พลวัตหมดความอดทน เขาลงทุนทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ ก็เพราะว่าอยากให้เธอสนใจ แต่เธอกลับเมินเฉย ต่อพฤติกรรมของเขา “แล้วทำไมเฮียต้องทำขนาดนี้ล่ะคะ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย” ของขวัญพูดไปก็เก็บกวาดเศษแก้วไปด้วย “ก็ ก็เฮีย...” เขาไม่กล้าตอบในสิ่งที่เป็นเหตุผลของทั้งหมด เขาไม่กล้าตอบว่าเขาอยากให้เธอสนใจ “ขออนุญาตไปรับโทรศัพท์นะคะ” เธอบอกเขาและเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่หน้าห้องทำงาน โดยที่พลวัตรีบเดินตามไป เขาแอบฟังเธอคุยโทรศัพท์ ผ่านประตูที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย และเขาก็ได้ยินว่าเธอตกลงเวลานัดหมายกับปลายสาย ในเวลาบ่ายสามโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาอีกสี่สิบนาทีต่อจากนี้ “อย่าทำอะไรตกลงมาอีกนะคะ หนูต้องไปแล้ว” ของขวัญเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก็บอกให้เขารู้ว่าเธอไม่มีเวลาทำเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว “เฮีย!” เธออดทนกับพฤติกรรมของพลวัตไม่ได้ เธอยังทำความสะอาดเศษแก้วและน้ำที่หกอยู่เต็มพื้นไม่เสร็จ เขาก็แกล้งเธอด้วยการทำกล่องปากกาหล่นลงพื้น “ทำไม! จะถึงเวลานัดแล้วหรือไง” “หนูจะเก็บแค่แก้วที่แตกแล้วก็เช็ดน้ำให้แห้งเท่านั้นนะคะ ส่วนปากกาที่เฮีย ทำตก หนูขอไม่เก็บค่ะ” ของขวัญบอกเขาอย่างหัวเสีย เธอรู้ว่าในฐานะของลูกจ้าง เธอไม่ควรชักสีหน้าใส่เขาแบบนี้ แต่สิ่งที่เขาทำมันเป็นการเอาเปรียบและกลั่นแกล้งเธอจนเกินไป “แค่เก็บปากกาไม่กี่ด้าม มันเสียเวลามากเลยใช่ไหม ตกลงว่านัดใครไว้ ทำไมต้องรีบร้อน หรือว่าโกหกว่ายังไม่มีแฟน!” พลวัตลุกจากเก้าอี้และดึงตัวเธอให้ขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขา “หนูจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับการทำตัวเป็นคนตรงต่อเวลาเหรอคะ หรือว่าปกติเฮียเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง เวลามีนัดกับคนอื่น” เธอเถียงเขาคอเป็นเอ็น แต่เธอไม่ได้เถียงด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นนะ “เฮียไม่เคยนัดใครแล้วไปช้า!” “ถ้าอย่างนั้นเฮียก็เป็นคนแก่แต่นิสัยเหมือนเด็ก เรียกร้องความสนใจ เอาแต่ใจ กวนประสาท และไม่มีเหตุผล” “ทำไมพูดกับเฮียแบบนี้” “แล้วก็เป็นคนชอบวางอำนาจ และไม่ยอมรับความจริงด้วย” “ของขวัญ!” “เรียกทำไมคะ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็ปล่อยให้หนูทำงานให้เสร็จเถอะค่ะ ชีวิตหนูไม่ได้อยู่เฉยๆ ก็มีเงินใช้เหมือนเฮียนะคะ หนูต้องไปทำธุระ” “ได้! ถ้าเฮียทำให้หนูเสียเวลามากล่ะก็ เฮียจะไปส่งหนูเอง” พลวัตพูดจบก็ดึงข้อมือเธอออกมาจากห้องทำงาน “เฮียปล่อยหนูนะ หนูไปเองได้!” เธอใช้แขนข้างที่เป็นอิสระเกาะโต๊ะทำงานเอาไว้ “ไปหยิบกระเป๋า แล้วให้เฮียไปส่ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องออกจากที่นี่!” “ไม่ค่ะ หนูจะหยิบกระเป๋า แล้วออกไปจากที่นี่โดยที่เฮียไม่ต้องไปส่ง!” “จะดื้อใช่ไหม!” “ไม่ได้ดื้อค่ะ แต่เฮียจะไปส่งหนูทำไมคะ แค่ปล่อยให้หนูกลับไปตอนนี้ หนูก็ไปทันเวลานัดแล้ว” “ก็ชดเชยที่เฮียทำให้หนูเสียเวลาไง” พลวัตคิดหาเหตุผลแทบไม่ทัน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันจริงๆ ว่าจะไปส่งเธอทำไม “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ” “ไม่อยากอยู่กับเฮียสองต่อสอง เพราะกลัวว่าเฮียจะหอมแก้มหนูอีกใช่ไหม” “หนูยอมรับก็ได้ค่ะว่าหนูกลัว... อย่าทำอะไรหนูอีกเลยนะคะ หนูมาทำความสะอาดแทนป้านิด ไม่ได้มาทำงานอย่างอื่น” ของขวัญสารภาพตามตรง แววตาของเธอไม่ได้แสดงความดื้อรั้นอีกต่อไป มีเพียงแววตาที่มองเขาอย่างขอความเห็นใจ “...เก็บเศษแก้วแล้วก็เช็ดน้ำซะ ทำเสร็จแล้วจะได้ไปให้ทันเวลานัด” พลวัตรู้สึกผิดอีกครั้ง คำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บ โดยที่ไม่ต้องมีคำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว และเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องแสดงออกไปแบบนั้น เขาเดินไปหยิบปากกาที่ตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ โดยที่ของขวัญมองตามหลังเขาด้วยความไม่เข้าใจ ตกลงเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ เวลาที่เขาจะพูดจารู้เรื่อง เธอก็ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ บทจะไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด ก็เถียงคอเป็นเอ็น อีกใจก็คิดถึงคำพูดของป้านิด ที่เคยบอกว่าเขาเป็นคนดี เพียงแค่เราต้องมองให้เห็นเท่านั้นเอง “ลามกขนาดนี้... จะเป็นคนดีแค่ไหนกันเชียว” เธอพูดออกมาตามที่ใจคิด ถึงเขาจะดีในเรื่องอื่น แต่เรื่องความหื่น เธอตัดสินแล้วว่า เขามันพวกบ้ากามชัดๆ และเมื่อมองไปยังนาฬิกา เธอก็รีบจัดการงานที่คั่งค้างให้เสร็จ เพราะมีงานด่วนให้เธอต้องไปทำ เธอดีใจที่คำกล่าวอ้างของเธอที่บอกเขาไป กลายเป็นเรื่องจริง เพราะเธอไม่ได้โกหกพลวัตแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD