วันรับน้อง
“หมอก! จะไปไหน” เสียงของเหนือน้ำตะโกนถามเมื่อเห็นม่านหมอกเดินออกไปข้างนอก ทั้งที่รุ่นพี่คนอื่น ๆ กำลังช่วยกันวางสิ่งของสำหรับกิจกรรมรับน้องที่กำลังจะเริ่ม
“ผมจะไปคหกรรมหน่อย เฮียสองคนอยู่รับน้องเด็กเฮียไปเถอะ” คนโดนถามหันกลับมาตอบ แล้วก็เดินออกไป
น้องใหม่ปีหนึ่งที่เป็นสายรหัสของเขา เป็นผู้หญิงที่น่านฟ้ากับเหนือน้ำต้องการ อยู่ไปก็เท่านั้น สู้ออกไปหาอะไร ๆ สนุก ๆ ทำดีกว่า
ใช้เวลานานเดินอยู่ไม่นาน ม่านหมอกก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคณะคหกรรมศาสตร์ นัยน์ตาสีน้ำตาลหันมองซ้ายขวาเพื่อที่จะหาคู่แฝดของตัวเอง
“หมอก มาทำอะไรที่นี่” เสียงของม่านเมฆดังมาจากทางด้านหลัง ม่านหมอกรีบหันกลับไปดูทันที
“มาหาอะไร ๆ สนุก ๆ ทำอะดิ” เขาตอบออกไปพร้อมยักไหล่ให้อีกฝ่าย “ว่าแต่ เด็กปีหนึ่งอยู่ตรงไหน”
สายตาคมของอีกฝ่ายหรี่ตามองม่านหมอกอย่างรู้ทัน คนอย่างเขาหากไม่มีเป้าหมายอะไร คงไม่ลงทุนเดินมาถึงที่นี่แน่นอน
“คราวนี้เป็นใครอีกล่ะ” ม่านเมฆเอ่ยถามพร้อมกับเดินอ้อมหลังเอาของไปวางไว้
“นับดาว เด็กปีหนึ่ง” ทันทีที่ได้ยินชื่อ ม่านเมฆก็รีบหันกลับมามอง
“นั่นมันเพื่อนเทียน จะทำอะไรก็คิดดี ๆ ว่าแต่รู้จักน้องมาก่อนหรือไง” จากที่ฟังม่านหมอกเรียกนับดาว ก็น่าจะรู้จักหรือสนิทกันระดับหนึ่ง
“ยิ่งกว่ารู้จัก ก็ผู้หญิงคนที่หมอกเล่าให้เมฆฟังนั่นไง” พอได้ยินคำตอบ ม่านเมฆก็แทบจะระเบิดหัวเราะออกมา
“อ๋อ คนที่ฟันหมอกแล้วทิ้งนะเหรอ ว่าแต่ หมอกติดใจอะไรน้องอะ ลีลาดี?” ม่านเมฆเอาข้อศอกกระทุ้งไปที่ลำตัวของอีกฝ่าย แล้วหรี่ตามองรอคำตอบ มันมีไม่บ่อยหรอกที่ม่านหมอกจะตามหาผู้หญิงที่ตัวเองนอนด้วย
“แค่อยากเอาอีก”
“ให้มันจริง ไม่ใช่ตกหลุมรักน้องแล้วหรือไง”
“พอแล้วเมฆ แซวอยู่ได้ หมอกไปดูเด็กปีหนึ่งก่อนนะ”
พูดเสร็จก็ทิ้งคู่แฝดตัวเองไว้ที่เดิม แล้วม่านหมอกก็เดินไปยังที่รวมตัวของเด็กปีหนึ่ง พร้อมกับสอดส่ายสายตาหาคนที่ต้องการจะเจอ แล้วก็เห็นนับดาวนั่งอยู่กับเทียนไข กำลังคุยอยู่กับผู้ชายหลายคน พวกนั้นคงเป็นสายรหัสของเธอ
ถึงแม้ภาพที่เห็นจะทำให้ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ม่านหมอกก็ไม่อยากทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ เขานั่งดูนับดาวอยู่อีกฝั่งของโถงคณะฯ เงียบ ๆ จนเห็นว่าเธอลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ร่างกายไวตามใจคิด เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินตามนับดาวไปทันที
“ว้าย! นะ นาย” นับดาวร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมีใครดึงแขนเธอเอาไว้ แต่พอหันกลับมาดู มันยิ่งทำให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก
“จำฉันได้จริง ๆ สินะ” ม่านหมอกปล่อยแขนของเธอแล้วยืนเอาสองมือค้ำฝาผนังไว้ ทำให้หญิงสาวต้องอยู่ในกรงแขนของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“จะ จำได้อะไร เราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ” นับดาวตอบออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ เชิดใบหน้าสวยขึ้นจนเขานึกหมั่นเขี้ยว
“หืม เธอแน่ใจเหรอว่าเราไม่เคยเจอกัน แต่เราเคยเอากันนะ” ประโยคสุดท้ายเขาโน้มใบหน้ากระซิบลงข้างใบหู เสียงทุ้มเข้มของเขาทำเอานับดาวขนลุกอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“พูดบ้าอะไรของนาย อย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ เดี๋ยวใครมาได้ยินฉันจะเสียหาย” ยิ่งเธอพูดมากเท่าไหร่ ดูเหมือนผู้ชายตัวโตคนนี้จะยิ่งเขยิบตัวเองเบียดเข้าหามากขึ้น จนตอนนี้ ตัวของเขาและเธอแทบจะติดกันอยู่แล้ว
“แต่ริมฝีปากนี้ ฉันเคยจูบมาแล้วนะ” ไม่ใช่แค่พูด แต่ม่านหมอกยังประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนปากบางเล็กของเธออย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“นายทำบ้าอะไรของนายฮะ จู่ ๆ จะมาจูบผู้หญิงที่ตัวเองไม่รู้จักแบบนี้ได้ไง ไอ้โรคจิต” เธอยังคงต่อว่าเขาไม่หยุด ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่มีหรือว่าเขาจะกลัว ริมฝีปากได้รูปนั้นโค้งขึ้นอย่างมีเลศนัย
“จะปฏิเสธก็ไม่เป็นไร แต่จำเอาไว้นะ ว่าฉันไม่หยุดแค่นี้แน่ ๆ บังเอิญว่าฉันดันติดใจเธอน่ะสิ อยากเอาเธออีกหลาย ๆ รอบ”
นับดาวได้แต่เบิกตาโตอ้าปากค้าง อยากจะด่าไอ้ผู้ชายบ้ากามคนนี้ แต่สมองกลับไม่ประมวลผลคำด่าอะไรออกมาเลย คนบ้าอะไรมาพูดเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงหน้าตาเฉย
“อะ ไอ้คนบ้ากาม” เป็นคำแรกที่นับดาวพูดออกมาหลังจากตั้งสติได้ แต่ดูเหมือนม่านหมอกจะไม่ได้โกรธ และท่าทางชอบใจอีกต่างหาก
“ก็ไม่เถียงนะ ฉันชอบมีเซ็กซ์ โดยเฉพาะเวลาที่ได้เอากับเธอ โคตรฟิน เอ๊..แบบนี้เรียกว่าโลกกลมหรือพรหมลิขิตนะ”
“เรียกว่าผีผลักเถอะ ที่ต้องมาเจอคนอย่างนาย”
“ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าเธอจำฉันได้”
รอยยิ้มร้ายฉาบบนใบหน้าหล่อเหลา วงแขนล่ำ ๆ ปล่อยออกจากกำแพง แล้วเขาก็เปลี่ยนมาล้วงกระเป๋าเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี
ม่านหมอกเดินกลับออกมาทางใต้โถงคณะฯ แต่เขาไม่ได้กลับไปที่คณะฯ ของตัวเอง นัยน์ตาคมมองหากลุ่มคนที่ต้องการจะคุยด้วย แล้วก็เห็นว่ายืนอยู่ไม่ไกล
สองขายาก้าวเดินไปข้างหน้า ในขณะที่สองมือยังซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ท่าทีของเขาใครเห็นก็ต้องหมั่นไส้
“คนไหนไอ้คีย์” ม่านหมอกถามขึ้น แล้วไล่สายตามองกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าทีละคน
“ผมครับ พี่มีอะไรหรือเปล่า”
“แล้วทั้งหมดนี้เป็นสายรหัสของนับดาวทุกคนหรือเปล่า” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามสิ่งที่อยากรู้ออกไปแทน
“ครับ ผมกับพวกพี่ ๆ เป็นสายรหัสของน้องนับ แล้วตกลงพี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มปีสองถามออกไปอีกครั้ง แต่ดูเหมือนม่านหมอกไม่ได้สนใจคำถามของคีย์แม้แต่น้อย เขาสนใจที่ผู้ชายคนนี้เรียกนับดาวอย่างสนิทสนมมากกว่า
“มึงเรียกน้องรหัสว่าอะไรนะ”
“ก็เรียกนับไง ก็น้องบอกว่าให้เรียกแบบนี้” คีย์ยังพูดต่อโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
“อย่าเสือกเรียกเมียกูด้วยชื่อสั้น ๆ แบบนั้นอีก นี่คือการเตือนครั้งที่หนึ่ง และแน่นอนว่ากูไม่ชอบเตือนใครครั้งที่สอง” ฝ่ามือหนาดึงเนคไทของชายหนุ่มปีสอง ทำให้ร่างของคีย์ถลาเข้ามาใกล้
“เข้าใจที่พูดใช่ไหม”
“ขะ เข้าใจแล้วครับ” เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจ ม่านหมอกก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ
ถึงแม้ว่าที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้จะเป็นลูกคนรวยมีเงินมาเรียนทั้งนั้น เรื่องเงินทอง ธุรกิจ อาจจะเอามาข่มกันไม่ได้เพราะไม่มีใครด้อยกว่าใคร แต่ถ้าเรื่องอำนาจและอิทธิพล แน่นอนว่าชื่อเสียงของทายาทไททันสเนคทั้งสี่คนนั้นเป็นที่เลื่องลือ
ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากจะมีปัญหาด้วย
ม่านหมอกเดินออกจากคณะคหกรรมศาสตร์ โดยที่ม่านเมฆได้แต่มองตามหลังพร้อมกับส่ายหัว
ออกมาจากห้องน้ำ นับดาวก็เดินตรงมายังกลุ่มของรุ่นพี่ตัวเองทันที แต่เธอรู้สึกได้ว่าพวกพี่ ๆ ทำตัวแปลกไป ดูกลัว และเกรงใจเธออย่างไรก็บอกไม่ถูก พอเริ่มกิจกรรมรับน้องก็ไม่กล้าเล่น ไม่กล้าเรียกเธอ จนนับดาวทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามขึ้น
“พี่คีย์ พวกพี่ไม่พอใจอะไรนับหรือเปล่าคะ ทำไมแต่ละคนทำตัวออกห่างนับอย่างนั้น เมื่อเช้ายังดี ๆ กันอยู่เลย” ได้ยินคำถาม ชายหนุ่มทั้งสามคนก็มองหน้ากันไปมา ก่อนที่จะส่ายหัวพร้อมกับยกมือปฏิเสธพัลวัน
“ไม่มีอะไรหรอกน้องนับดาว อย่าคิดมากนะครับ” จะไม่ให้คิดมากได้ยังไง ดูคำพูดคำจาสิ จู่ ๆ ก็เรียกชื่อเต็มเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ปกติเรียกน้องนับมาตลอด
“แน่นะคะ”
“แน่ครับ”
เห็นว่าคาดคั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ นับดาวจึงเดินออกไปหาเทียนไขที่นั่งอยู่อีกด้านแทน
///////////////////////////////////////////////////////