นับดาวกำลังนอนหลับฝันดีอยู่บนเตียง เช้าวันเสาร์แบบนี้ แถมกลางคืนไม่ต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะนอนให้เต็มอิ่ม หลังจากที่อดหลับอดนอนเพราะทำงานมาเป็นเวลาหลายเดือน
แต่ร่างกายก็สั่นไหวไปมาด้วยแรงเขย่าของเพื่อนซี้เพียงคนเดียว ถึงอยากจะนอนต่อแค่ไหน แต่ก็ต้องจำใจเปิดเปลือกตาขึ้นมา
“น้ำ แกจะรีบตื่นไปไหนแต่เช้า นอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง” คนที่กำลังงัวเงียถามขึ้น แล้วมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“ไปศาลเจ้าแม่กัน”
“ศาลเจ้าแม่ แกจะไปทำไม” แต่พอได้ยินว่าศาลเจ้าแม่ นับดาวก็ดีดตัวลุกจากเตียงทันที จะว่าไปถึงเธอคิดว่าทุกครั้งที่น้ำหอมสมหวังในเรื่องที่ขอมันจะบังเอิญ แต่ลองดูหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร เผื่อจะสมหวังบ้าง
“ไปบนเจ้าแม่ ขอให้ได้ผัวรวย” และนั่นคือคำตอบจากน้ำหอม ที่จริงก็พอรู้เรื่องที่เพื่อนพยายามที่ขอสอบชิงทุนเข้าคณะวิศวฯ แต่ไม่คิดว่าจนถึงตอนนี้น้ำหอมจะยังตั้งมั่นในปฏิภาณไม่มีเปลี่ยน
ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว นับดาวจึงยอมตามเพื่อนไปศาลเจ้าแม่ด้วยกัน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ทั้งคู่ก็ลงมารอแท็กซี่ที่หน้าคอนโด เพราะเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาจากสถานรับเลี้ยง ทั้งคู่จึงดิ้นรนทำทุกอย่างให้การเป็นอยู่ดีขึ้น คอนโดนี้ก็ออกค่าเช่าคนละครึ่ง ส่วนรายได้ก็มาจากการทำงานในคลับสุดหรูชื่อดัง
รออยู่ไม่นานรถแท็กซี่ที่กดเรียกก็มาจอดด้านหน้า ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนรถ และมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าแม่ที่ไปประจำ รถแท็กซี่ลัดเลาะฝ่าการจราจรอยู่ครู่ใหญ่ก็มาถึงที่หมาย จ่ายเงินเสร็จนับดาวและน้ำหอมก็รีบเดินเข้าไปข้างในทันที
“มาถึงนี่แล้ว เอาก็เอาวะ ลองดูหน่อย” นับดาวพึมพำกับตัวเองแล้วก็ลงไปนั่งพับเพียบอยู่หน้ารูปปั้นเจ้าแม่ ที่เพื่อนซี้บอกว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
นับดาวหยิบธูปที่วางไว้สำหรับคนมากราบไหว้ขึ้นมาจุด สองมือพนมระดับหน้าอก ก่อนที่จะบนขอสิ่งที่ต้องการ
“เจ้าแม่ขา ลูกขอให้เจ้าแม่ช่วย อย่าให้เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลยนะเจ้าคะ ถ้าหากเจ้าแม่ให้ในสิ่งที่ลูกปรารถนา ลูกจะเอาผลไม้ แล้วก็เสื้อผ้าชุดใหม่มาถวายนะเจ้าคะ”
กล่าวคำบนบานเสร็จก็ยกมือสาธุท่วมหัวแล้วปักธูปลงไปในกระถาง ภายในใจก็ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง
/////
วันจันทร์
สองขาก้าวเดินมาตามทางจนมาถึงหน้าคณะฯ ของตัวเอง วันนี้ดูครึกครื้นยิ่งกว่าทุก ๆ วัน เพราะจะมีการจับสายรหัสของนักศึกษาทั้งหมด
ถึงเวลารวมตัว รุ่นพี่ทั้งหลายก็เรียกรุ่นน้องให้ไปยังโถงใต้ตึกคณะ จากนั้นก็มีการอธิบายลำดับขั้นตอนในการจับสายรหัส
นับดาวล้วงมือลงไปในโถแก้วที่มีกระดาษใบเล็กม้วนอยู่ข้างในหลายใบ แล้วหยิบขึ้นมา
“กุญแจ?” เธออ่านคำที่อยู่ในกระดาษ แล้วก็ทำหน้าสงสัย มันเป็นชื่อคน คำใบ้ หรือสิ่งของ
เสียงนกหวีดดังขึ้น เป็นสัญญาณให้รุ่นน้องเริ่มตามหารุ่นพี่ของตัวเองได้ นับดาวเดินจนรอบโถง แต่ก็ยังไม่เจอรุ่นพี่ของตัวเอง จนได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไอ้คีย์ น้องหามึงเจอหรือยังวะ” เป็นเสียงรุ่นพี่ผู้ชายตะโกนถามเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโถง
“กุญแจ = คีย์ ต้องใช้แน่ ๆ” คิดได้แบบนั้น นับดาวก็รีบเดินเข้าไปหารุ่นพี่ปีสองที่นั่งอยู่อีกฝั่งทันที
“พี่คะ พี่ใช่รุ่นพี่ในกระดาษแผ่นนี้หรือเปล่าคะ” พูดเสร็จก็ยื่นแผ่นกระดาษใบเล็กให้ชายหนุ่มตรงหน้าดู
“เจอกันสักทีนะครับ นึกว่าจะหาพี่ไม่เจอซะแล้ว” และทันทีที่ได้ยินคำตอบ รอยยิ้มหวานก็ระบายบนใบหน้าทันที
“เทียน! เราเจอพี่รหัสแล้วนะ” นับดาวตะโกนบอกเทียนไขที่นั่งอยู่ แล้วก็ชี้มือให้ดูรุ่นพี่ของตัวเอง
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่คีย์” ศีรษะก้มลงเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยบอกผู้ชายตรงหน้า จากนั้นก็มีการพูดคุยกัน จึงทำให้รู้ว่า ที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นสายรหัสของเธอทั้งหมด มีทั้งรุ่นพี่ปีสอง ปีสาม และปีสี่
/////
กิจกรรมจับสายรหัสเสร็จแล้ว มองหาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่เห็นมาที่หน้าคณะฯ แสดงว่าน้ำหอมยังจับสายรหัสไม่เสร็จแน่ ๆ นับดาวจึงตัดสินใจเดินมารอเพื่อนที่คณะวิศวฯ แทน แต่พอมาถึงก็เห็นน้ำหอมกำลังวิ่งรอบคณะฯ อยู่
นั่นหมายถึง สิ่งที่บนเอาไว้บรรลุผล
“ไอ้น้ำ แกจะต้องวิ่งอีกกี่รอบวะเนี่ย” นับดาวตะโกนถามเพื่อนสนิทที่วิ่งผ่านมายังบริเวณที่เธอนั่งอยู่พอดี
“อีกสองรอบก็เสร็จแล้ว บนเจ้าแม่ไว้ห้ารอบ” พอได้คำตอบ นับดาวก็ได้แต่ถอนหายใจ ก็คณะวิศวฯ ใหญ่ขนาดนี้ กว่าจะคบสองรอบคงใช้เวลาอีกสักพัก
นับดาวละสายตาจากเพื่อนที่กำลังวิ่งอยู่ แล้วมองไปรอบ ๆ ดูนักศึกษาที่กำลังเดินไปเดินมา แล้วสายตาก็ไปปะทะกับผู้ชายคนหนึ่ง
“ซวยแล้วไอ้นับ” คำพูดแผ่วเบาออกมาจากลำคอ พร้อมกับกลืนก้อนน้ำลายเหนียว
ผู้ชายคนนั้นมีผมสีควันบุหรี่ ใส่เสื้อซ็อปแขนสั้นสีเลือดหมูของคณะวิศวฯ นั่นจึงทำให้เห็นรอยสักบนแขนข้างซ้ายของเขา และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ผู้ชายคนนั้นก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน แถมยังหยักยิ้มให้เธออีกด้วย
เขาคือคนที่เธอนอนด้วยคืนนั้น
นับดาวรีบเบือนใบหน้าตัวเองกลับมาอีกทางทันที ในใจก็นึกภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่ แต่ความจริงก็คือความจริง ยังไงมันก็ใช่เขาแน่ ๆ
“สิ่งศักดิ์อะไร ไม่เห็นจะมีจริงเลย” เธอพูดกับตัวเองอีกรอบ แล้วก็ลุกจากม้าหินอ่อนตัวเดิมเขยิบไปนั่งตัวใหม่ที่ไกลออกมาหน่อย แต่พอหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเขายังมองเธออยู่
ม่านหมอกกำลังจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ผูกผมหางม้าสูง นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก และทันทีที่เธอหันมามองหน้าเขา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าทันที
“ตามหาแทบตาย สุดท้ายก็อยู่แค่เอื้อมนี่เอง” สายตาคมยังมองอยู่ที่เธออย่างไม่ละสายตา ผู้หญิงคนที่เขาตามหาแทบตาย สุดท้ายก็เรียนที่เดียวกัน ถึงจะอยู่คนละคณะก็เถอะ ที่รู้ ก็เพราะว่านับดาวผูกผมด้วยโบว์สีประจำคณะคหกรรมศาสตร์
ม่านหมอกมองดูนับดาวที่เขยิบหนีไปนั่งโต๊ะตัวที่อยู่ไกลออกไป ก็ยิ่งทำให้แน่ใจว่าไม่ผิดตัวแน่ และที่แน่กว่านั้นก็คือ เธอเองก็คงจะจำเขาได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำหน้าตกใจเมื่อหันมาเห็นหน้าเขา
ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา น้ำหอมก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านับดาวเสียก่อน
“เป็นเพื่อนกันเหรอ อย่างนี้ก็สนุกสิ” ชายหนุ่มผู้ที่มากด้วยลูกเล่นแพรวพราวพูดขึ้นอย่างชอบใจ
เธอเป็นเพื่อนกับน้องรหัสเขา ที่น่านฟ้ากับเหนือน้ำจองตัวเอาไว้ นั่นก็หมายถึงโอกาสที่จะเข้าหานับดาวนั้นง่ายขึ้น แถมเธอยังอยู่คณะเดียวกันกับม่านเมฆอีกต่างหาก
ม่านหมอกล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วกดหาคู่แฝดตัวเองทันที รออยู่ครู่เดียวอีกฝ่ายก็รับสาย
//หมอกมีอะไร//
“เมฆรู้จักรุ่นน้องที่คณะฯ ที่ชื่อนับดาวหรือเปล่า” เหมือนกับว่าม่านเมฆไม่ต้องใช้เวลาคิด เพราะเขาตอบออกมาทันที
//รู้จัก เป็นเพื่อนใหม่เทียน//
“ดีเลย เมฆรู้หรือเปล่าว่านับดาวอยู่สายรหัสใคร”
//ได้ยินว่าอยู่สายไอ้คีย์ เด็กปีสองน่ะ//
“ขอบใจนะเมฆ หมอกไม่กวนละ” หลังจากวางสาย ม่านหมอกก็หันไปมองนับดาวอีกครั้ง เธอกำลังเดินออกไปทางหน้ามหาวิทยาลัยกับน้ำหอม
มีจังหวะหนึ่งที่นับดาวหันกลับมา แต่พอเห็นว่าเขามองอยู่ก็รีบหลบสายตาทันที
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ คนอย่างม่านหมอกไม่เคยปล่อยให้ของที่อยากได้หลุดมือ”
เขาพูดกับตัวเอง พร้อมกับในหัวที่กำลังคิดแผนการบางอย่าง ในเมื่อเธอหนี มันก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องไล่ต้อน อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม
///////////////////////////////////////////////////////