เปิดเทอมวันแรก มันเป็นเช้าที่สดใสของใครหลาย ๆ คน รวมถึง น้ำหอม เพื่อนสนิทที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ รีบลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาสุดแสนจะเซ็กซี่ตั้งแต่เช้า แต่มันคงไม่ใช่กับนับดาว หญิงสาวที่เอาแต่ทำหน้าตาบูดบึ้งมาตลอดสามวันที่ผ่านมา
“นับ นี่จะทำหน้าบูดไปถึงเมื่อไหร่ สามวันแล้วนะ ถามก็บอกแต่ว่าไม่มีอะไร” เพื่อนซี้ถามขึ้นเมื่อแต่งตัวเสร็จ แล้วเดินออกมานอกห้องยังเห็นนับดาวทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่เช่นเคย
“ไม่มีอะไรจริง ๆ น้ำ แค่รู้สึกเซ็ง ๆ น่ะ แล้วนี่ แต่งตัวสวยขนาดนี้ จะไปอ่อยใคร” นับดาวตอบกลับพร้อมกับปรายสายตาไปมองน้ำหอมที่ยืนหมุนตัวโชว์ไปมา
“จะไปอ่อยรุ่นพี่ที่คณะ” คนโดนถามตอบออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม ซึ่งนับดาวก็รู้ดีว่านี่คือเป้าหมายของน้ำหอม ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาสอบชิงทุนมาเรียนในมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งนี้ให้ได้
แต่สำหรับเธอ ที่สอบชิงทุนในครั้งนี้เพราะต้องการเพียงแค่โอกาสในการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ดีและมีชื่อเสียง เพื่อใช้สำหรับต่อยอดในการเปิดร้านอาหารต่อไปในอนาคต
ระหว่างที่กำลังนั่งแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัย นับดาวก็เอาแต่มองไปนอกหน้าต่างรถ วันนี้การจราจรหนาแน่น ทำให้รถขยับได้ไม่เร็วเท่าไหร่นัก มองนั่นนี่ไปเพลิน ๆ สมองก็ดันไปคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน
จู่ ๆ ก็ไปมีอะไรกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก แถมยังไม่ได้ป้องกัน โชคดีที่พอมีความรู้อยู่บ้าง หลังหนีกลับมาก็รีบไปร้านขายยาซื้อยาคุมฉุกเฉินทันที และโชคดีที่สองก็คือ วันนั้นเป็นวันทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จะขอผู้จัดการหยุดพักเพราะเปิดเทอม เลยไม่ต้องไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้นอีก
“เอ้า เหม่อ จะเหม่ออีกนานมั้ย” เสียงของน้ำหอมดังขึ้นในระหว่างที่นับดาวกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เมื่อเธอมองดูจนรอบ ก็เห็นว่ารถแท็กซี่มาจอดหน้ามหาวิทยาลัยพอดี
พอลงจากรถ เพื่อนซี้สุดสวยก็เดินตรงดิ่งไปด้านหน้าด้วยความมั่นอกมั่นใจ แล้วสองคนก็แยกกันเดินคนละทาง เพราะคณะคหกรรมศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่คนละฝั่งของมหาวิทยาลัย
หญิงสาวตัวเล็กเข้ามาในห้องเรียน หันซ้ายมองขวา แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักใครที่นี่เลยสักคน แล้วสายตาก็ไปปะทะกับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักอย่างกับตุ๊กตา ที่ว่างข้างผู้หญิงคนนั้นยังไม่มีใครนั่ง นับดาวตัดสินใจเดินเข้าไปหาทันที
“นี่ ๆ เธอชื่ออะไรเหรอ” นับดาวทักทายออกไปอย่างเป็นมิตร พร้อมกับยิ้มให้คนตรงหน้า ซึ่งเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน
“เราชื่อเทียนไข เรียกเทียนก็ได้ แล้วเธอล่ะ”
“เราชื่อนับดาว เรียกนับเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
นับดาวนั่งลงข้าง ๆ เทียนไขโดยที่ไม่ต้องรอขออนุญาต เปิดเรียนทั้งทีมันก็ต้องหาเพื่อนก่อนเป็นอันดับแรก
“เทียนมีเพื่อนหรือยัง ถ้ายังไม่มีมาเป็นเพื่อนกันไหม” เสียงเล็กเอ่ยถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา มันไม่มีอะไรให้น่าอาย และเทียนไขก็ท่าทางใจดี
“อื้อ เอาสิ เทียนก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน” เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด เทียนไขน่ารักและใจดีมากด้วย
หลังจากเรียนช่วงเช้าเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันเดินมากินข้าวที่โรงอาหาร แต่ในระหว่างที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก นับดาวก็ดีดตัวลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเทียนไข
“นับเป็นอะไร ลุกขึ้นทำไม” เทียนไขถามขึ้นพร้อมกับมองไปทางด้านหลังตัวเองที่เพื่อนมองอยู่ “คุณเมฆ”
“นับรู้จักคุณเมฆเหรอ” คำถามของเทียนไขทำให้นับดาวที่อยู่ในอาการตกใจได้สติกลับมา มันเหมือน เหมือนมากจริง ๆ เหมือนกับผู้ชายคนที่นอนอยู่ข้างเธอวันนั้นอย่างกับแกะ
“ปะ เปล่า เผอิญพี่เขาหน้าเหมือนคนรู้จักน่ะ” หน้าตาเหมือนกันมาก แต่พอมองดูดี ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะคนที่เทียนไขเรียกว่าคุณเมฆนั้น เขาใส่เสื้อแขนสั้นทำให้เห็นว่าไม่มีรอยสักที่แขน และที่คอก็เช่นกัน
ก็นึกว่าดวงจะซวยซ้ำซ้อน
แต่จู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ก้มลงมากระซิบบางอย่างกับเทียนไข จนทำให้เธอต้องกินข้าวอย่างเร่งรีบแล้วก็ขอตัวกลับไปก่อน ทำให้ตอนนี้นับดาวต้องเดินออกไปเรียกแท็กซี่กลับคอนโดเพียงคนเดียว เพราะน้ำหอมที่อยู่คณะวิศวฯ ยังมีเรียนต่อช่วงบ่าย
/////
คลับไททันสเนค
“ทำไมวันนี้มาเร็วจังเลยครับนาย” พนักงานที่ดูแลอยู่ในคลับรีบกุลีกุจอเข้ามาถาม เมื่อเห็นนายน้อยของพวกเขาเดินเข้ามาข้างในตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด
“มาตามหาคน” ตอบเสร็จ ม่านหมอกก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาคนที่ต้องการจะเจอ
ความจริงเขาจะเข้ามาตั้งแต่คืนวันที่เธอหนีไป แต่มีงานด่วนต้องไปทำให้พ่อ ทำให้ทิ้งเวลาจนล่วงเลยมาถึงสามวัน
“นายหาใครครับ” พนักงานที่อยู่ข้าง ๆ ถามต่อ “เดี๋ยวผมช่วยหาอีกแรงครับ”
“เด็กเสิร์ฟที่ชื่อนับดาว วันนี้มาหรือยัง ปกติเธอจะมากี่โมง” ม่านหมอกตอบทั้งที่สายตายังกวาดมองไปรอบ ๆ ร้าน
“อ๋อ ถ้าน้องนับดาว ไม่ได้มาทำแล้วครับ เห็นบอกผู้จัดการว่าเปิดเรียนแล้ว ขอหยุดช่วงหนึ่งครับ” ได้ยินแบบนั้น คนที่กำลังต้องการเจอตัวหญิงสาวก็ตวัดหางตาไปมองพนักงานที่ยืนอยู่ทันที
“แล้วมีเบอร์ติดต่อหรือเปล่า”
“ผู้จัดการน่าจะมีนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดเหล้ามาให้ฉันข้างบน เอาเหมือนเดิม ถ้าผู้จัดการมาแล้วก็บอกว่าฉันรออยู่” เขาสั่งพนักงานแล้วก็เดินขึ้นไปรอด้านบนที่เป็นโซนส่วนตัว ส่วนคนรับคำสั่งก็ได้แต่ก้มหัวเพื่อแสดงว่าเข้าใจ
ม่านหมอกนั่งรออยู่ด้านบนเกือบชั่วโมง ก็มีชายวัยสามสิบนิด ๆ ท่าทางตุ้งติ้งวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาหา สีหน้าดูร้อนใจ ก็นานทีปีหนนายน้อยจะเรียก นั่นแสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่นอน และถ้าหากเป็นเรื่องไม่ดี มีหวังได้ตกงานกลับบ้านไปกินแกลบ
“นะ นายมีอะไรให้เชอร์รี่รับใช้หรือเปล่าคะ” ชายหนุ่มที่แทนตัวเองว่าเชอร์รี่ยืนอยู่ข้างโซฟาที่ม่านหมอกนั่ง สองมือกุมเอาไว้ด้านหน้า ก้มหัวรอรับคำสั่ง
“ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่อยากได้เบอร์ติดต่อของพนักงานเสิร์ฟที่ชื่อนับดาว” พอได้ยินคำตอบ ก็ทำให้ผู้จัดการถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อ๋อ รอสักครู่นะคะ ขอเชอร์รี่หาแป๊บหนึ่ง” ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมาเลื่อนหาเบอร์ของคนที่นายน้อยต้องการ หาอยู่ครู่เดียวก็เจอ
“นี่ค่ะนาย” เชอร์รี่พูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ม่านหมอกดู เมื่อเห็นแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเบอร์โทรนั้นทันที
นิ้วยาวกดเบอร์โทรตามที่เห็น แล้วก็ยกขึ้นมาแนบหูรออีกฝ่ายรับสาย แต่ว่า
หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...มีเพียงเสียงตอบรับอัตโนมัติ ราวกับว่านับดาวไม่ได้เปิดเครื่อง
“ทำไมโทรไม่ติด” ม่านหมอกหันไปถามผู้จัดการที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับสายตาคาดคั้นราวกับว่าอีกฝ่ายทำความผิด
“ชะ เชอร์รี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่วันก่อนน้องนับดาวยังใช้เบอร์นี้โทรมาขอลาหยุดอยู่เลยนะคะ เชอร์รี่ว่า บางทีอาจจะแบตหมด หรือไม่น้องก็ปิดเครื่องเพราะกำลังทำอะไรบางอย่างค่ะ”
ยิ่งได้ฟังเหตุผลก็ยิ่งหงุดหงิด สมัยนี้มันมีใครปิดเครื่องโทรศัพท์เพราะทำอย่างอื่นด้วยเหรอ แต่ไม่ว่าจะพยายามกดโทรหากี่สาย ก็มีเพียงเสียงตอบรับอัตโนมัติเหมือนเดิม
“จะไปไหนก็ไป”
“ค่ะ ค่ะ”
ฝ่ามือยกขึ้นโบกให้คนที่ยืนรับคำสั่งอยู่ออกไปเพราะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองโทรศัพท์ตัวเอง แล้วก็หยิบขึ้นมากดโทรออกอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม
“ปิดเครื่องทำไมวะ หรือว่าจะอยู่กับผัว” เขาบ่นกับตัวเอง แล้วเหตุผลที่แล่นเข้ามาในหัวนั้นก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
แก้วเหล้าถูกยกกระดกเข้าปากถี่ ๆ คนอย่างม่านหมอกมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาพร้อมจะคลานขึ้นเตียงด้วยตลอดเวลา แต่เธอดันหนีเขาไปหลังจากที่มีอะไรกันครั้งแรก ถึงยังไงก็จะต้องตามหาให้เจอ
เสียหน้าไม่เท่าไหร่ แต่ติดใจอยากจะเอาอีกซ้ำ ๆ นี่สิเรื่องใหญ่ หากหาเธอไม่เจอ มีหวังต้องลงแดงตายแน่ ๆ
/////
“นับ นี่ตกลงว่าเปลี่ยนเบอร์โทรทำไม ทำตัวแปลก ๆ นะเดี๋ยวนี้” เสียงน้ำหอมถามขึ้น ระหว่างที่ทั้งสองกำลังกินข้าวเย็นด้วยกันภายในคอนโด
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ดูดวงมาแล้วหมอบอกว่าถ้าเปลี่ยนเบอร์โทรแล้วดวงจะรุ่ง” นับดาวตอบออกไป แต่สายตากลับเอาแต่ก้มมองจานอาหาร
“นับเชื่อเรื่องดวงตั้งแต่เมื่อไหร่” เพื่อนซี้ยังถามต่ออย่างไม่เชื่อในเหตุผลนัก แต่ไหนแต่ไร นับดาวเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องดูหมอ ดูดวง จะมั่นใจในสิ่งที่พิสูจน์ได้มากกว่า ขนาดมีน้ำหอมที่ขอพรจากเจ้าแม่แล้วสมหวังทุกครั้ง นับดาวก็พูดแค่ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
“ก็หมอดูทักมา เพื่อความสบายใจ ไม่เห็นเสียหายอะไร” เมื่อนับดาวยืนยันในคำตอบ น้ำหอมก็ไม่เซ้าซี้อีก
นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองโทรศัพท์ตัวเอง ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะตามหาเธอหรือเปล่า แต่เปลี่ยนเบอร์ไว้ก่อนดีที่สุด เพื่อความสบายใจ
///////////////////////////////////////////////////////
พี่หมอกมาแล้วค่า ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้ อย่างลืมกดคอมเมนต์ บอกต่อ ป้ายยาให้ไรท์ด้วยน้าาา
รักทุกคนค่าาา