กลับบ้าน1

1742 Words
กลับบ้าน “แน่ใจนะว่าเขาจะไม่เจอเอิงที่นี่” ‘ที่นี่’ ของมัชกร ก็คือภูวิณรีสอร์ตนั่นเอง อรองค์ยอมรับว่าตัวเองสับสน บางเวลาคิดว่าไม่ควรเจอภูวิณ เพราะอาจจะยิ่งทำให้ตัดใจยาก แต่บางขณะ คิดถึงจนยั้งใจไม่ได้ เช่นตอนนี้ พอจะเลือกที่พักจริงๆ ใจก็คิดว่าอยากพักในที่ที่จะเห็นเขาได้ง่ายขึ้น จึงเลือก ภูวิณรีสอร์ต อีกใจเพราะอยากชมสถานที่ที่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่เธอเคยฝันว่าวันหนึ่งเมื่อเรียนจบ จะเข้ามาช่วยภูวิณทำงาน ตอนนี้ไม่กล้าฝันแล้ว เพราะถ้าภูวิณเลือกสร้างครอบครัวกับมะลิ เธอก็ต้องเป็นคนนอกทันที แต่อย่างไรก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มเมื่อเห็นรีสอร์ต สวยงามและน่าพักที่สุด และความรู้สึกที่มากกว่านั้น เหมือนที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของเธอ “ไม่หรอก อีกอย่างถึงเจอก็ไม่รู้ว่าอาวิณจะจำฉันได้ไหม ไม่เจอกันตั้งสามปีเลยนะ และฉันก็โตขึ้นมากเลย” “ก็แล้วแต่เอิงเถอะ ที่นี่ก็สวยดี” ด้านหน้าติดแม่น้ำ ด้านหลังติดไร่ บรรยากาศเหมาะสำหรับคนรักน้ำ รักป่าเขา “เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าสักวันจะมาช่วยอาวิณทำงานที่นี่” “ตอนนี้ล่ะ” “ไม่กล้าคิด ถ้าเขาแต่งงานกับมะลิ มะลิคงไม่ต้อนรับฉันแน่” บางครั้งก็แอบคิดว่าเธอทำผิดไปแล้วใช่ไหม ที่เป็นคู่อริกับมะลิตั้งแต่ต้น หากเธอทำตัวดีกับมะลิตั้งแต่คราแรกที่เจอกัน แล้วรักษาความสัมพันธ์แบบคนที่ยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนภูวิณ ป่านนี้เธอคงไม่ถูกภูวิณเขี่ยไปให้พ้นทางรักของเขา รวมทั้งมะลิก็คงยอมรับเธอได้ในฐานะเด็กในปกครองของภูวิณ แต่มันคงสายเกินไปที่เธอจะทำแบบนั้นได้ ที่สำคัญทำใจให้ยอมรับมะลิไม่ได้เช่นกัน เพราะมะลิก็ไม่ได้น่ารักสำหรับเธอ เกลียดขี้หน้ายังไงก็ยังเกลียดจนถึงทุกวันนี้ “คนที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้ อาวิณของเอิงต่างหาก ไม่ใช่แฟนเขาเสียหน่อย” “สักวันถ้าเขาแต่งงานกัน” “แต่ถ้าเขาแต่งงานกันจริงๆ เอิงจะยังอยากอยู่กับอาวิณเหรอ” เมื่อสนิทกันมากขึ้น เรื่องราวส่วนตัวของกันและกันก็รับรู้กันในกลุ่ม เหมือนอย่างเรื่องแม่ของเขาที่ได้บอกเล่ากับเพื่อนๆ ไม่ต่างจากที่เขาได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของอรองค์ ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไร อรองค์ก็ดูเหมือนเอาชีวิตตัวเองผูกติดอยู่กับอาวิณของเจ้าตัว มัชกรรู้สึกเหมือนว่าความรักของอรองค์ที่มีให้กับภูวิณนั้น มันเป็นความรักที่เป็นทุกอย่างในชีวิตอรองค์ ภูวิณเป็นผู้ปกครอง ดูแลอรองค์มาตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์เหมือนคนในครอบครัว แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และความผูกพันนั้นเหมือนเชือกที่รัดร้อยให้อรองค์รู้สึกว่าจะรักใครไม่ได้ ทุกความรักของเธอเป็นของอาวิณเท่านั้น “นั่นสิ ฉันคงอยู่ไม่ได้หรอก อาจจะยอมรับได้ที่เขาจะมีความสุขกับคนที่เขารัก แต่คงทนดูไม่ได้น่ะแก” “งั้นก็อย่าไปคิดมากสิ ไม่ว่าอาวิณจะแต่งงานกับมะลิหรือไม่ เอิงก็ทนดูไม่ได้อยู่แล้ว งั้นก็ทำใจให้สบาย อะไรจะเกิดก็ปล่อยไป” “พยายามอยู่” “เอากระเป๋าไปเก็บในห้อง แล้วเราออกไปหาอะไรกินเถอะ ฉันหิวแล้ว” มัชกรบอก ทั้งสองจึงแยกย้ายเข้าพักตัวเอง ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเล็ก แต่มีสองห้องนอน “ขอขับนะ” อรองค์เอ่ยขึ้นเมื่อลงจากบ้านพักมายังลานจอดรถของรีสอร์ต ที่แบ่งโซนรถยนตร์กับมอเตอร์ไซค์ไว้อย่างเป็นสัดส่วน “แน่ใจนะว่าจะไม่พาฉันหลงทาง” เขาคิดว่าอรองค์จะเลือกกินข้าวในร้านของรีสอร์ต แต่อีกฝ่ายกลับบอกจะไปกินร้านข้างนอก “นี่บ้านเกิดฉันนะ ทุกเส้นทางฉันรู้จักหมด ดีจังเลยที่แกขับมอไซค์มา” อรองค์ที่แต่งกายทะมัดทะแมง ด้วยเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตสีดำกับกางเกงยีนส์ดำขาเดฟที่อวดเรียวขายาว ตวัดขาขึ้นบิ๊กไบค์ก่อน จากนั้นสวมหมวกกันน็อค แล้วยื่นอีกใบให้มัชกร “ถ้าอิ้งรู้บ่นหูชาแน่” มัชกรเอ่ยขึ้น ขณะที่ก้าวซ้อนท้าย “ก็ถึงไม่บอกไงว่านั่งบิ๊กไบค์แกมา” “จะไปกินที่ไหนล่ะ” มัชกรก็เริ่มหิว เพราะมันก็บ่ายโมงกว่าๆ แล้ว “ร้านอร่อยสุดในย่านนี้” จริงๆ กินในร้านรีสอร์ตก็ได้ แต่ อรองค์อยากไปกินมื้อแรกที่มาถึง ที่ร้านประจำหน้าโรงเรียนมากกว่า พูดแล้วก็คิดถึงลูกน้องคนสนิท และเธอก็ยังไม่ได้โทร. บอกวสุเรื่องที่เดินทางมาบ้านเกิด คิดว่าหลังจากกลับมาจากกินข้าว จะต้องโทร. หาเสียหน่อย จริงๆ เธอกับวสุก็คุยกันประจำ แต่ก็ไม่บ่อยเหมือนสมัยแรกๆ ที่มาอยู่กรุงเทพฯ หลังจากเรียนจบในวิทยาลัยด้านการเกษตร วสุก็ทำงานในไร่ภูวิณ “เฮ้ยเบาได้ไหม” มัชกรปรามเบาๆ เมื่ออรองค์ออกรถค่อนข้างเร็ว ปรูดปราดเหมือนพวกเด็กแว้น จนรถเก่งคันหรูที่สวนเข้ามาในรีสอร์เมื่อครู่บีบแตรใส่ เพราะรถออกนอกเลนไปเล็กน้อย “ขวัญอ่อนฉิบ” อรองค์บ่น ภายใต้หมวกกันน็อค ถนนต่างจังหวัดนั้นโล่ง อรองค์ก็บิดด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ทำให้มัชกรนั่งตัวเกร็งเล็กน้อย กระทั่งมาถึงร้านอาหารที่อรองค์บอกว่าอร่อยสุดในย่านนี้ ร้านอาหารเล็กๆ ริมแม่น้ำเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารใหญ่ มีลูกค้าค่อนข้างแน่น แต่ก็มีที่นั่งพอสำหรับแขกสองคน “นี่เลยเมนูเด็ดของฉัน ต้มข่ากุ้งแม่น้ำ กับยำถัวพู แกอยากกินอะไรก็สั่งเลย วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” “เอิงก็สั่งเมนูโปรดมาอีกสองอย่างเถอะ” มัชกรว่า “อือ ได้เลย” จากนั้นอรองค์ก็สั่งอาหารมาอีกสองอย่าง นั่งรออาหารอยู่ไม่นานก็ได้กิน อรองค์เจริญอาหารกว่าทุกมื้อ “อร่อยสมคำที่เอิงอวย” มัชกรว่า หลังจากตักต้มข่ากุ้งชิม ทั้งสองเพลินเพลิดกับอาหารอยู่ชั่วครู่ จากนั้นอรองค์ก็พา มัชกรไปตลาด เพื่อซื้อขนมไทยเจ้าเดิมที่เคยกินตั้งแต่เด็ก ได้ขนมหลายอย่าง ก่อนแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อเครื่องดื่มและของกินเล่น ก่อนกลับภูวิณรีสอร์ต เมื่อถึงห้องพัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็พากันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น “พรุ่งนี้ไปขับรถเอทีวีไปดูน้ำตกไหม” อรองค์ชวน “เอิงไม่กลัวคนรู้จักเห็นเหรอ” “เห็นก็คงจำไม่ได้มั้ง เพราะเราตัวโตขึ้นเยอะเลยนะ” “โตยังไง แต่หน้าเอิงก็ไม่ได้เปลี่ยนนะโว้ย” “เปลี่ยนสิ สวยขึ้นออก” อรองค์พูดแล้วหัวเราะถูกใจ เมื่อเห็นมัชกรทำเบ้ปาก “ไม่อยากไปที่ไร่เหรอ” “อย่าถามสิ มันทำให้อยากไป” สีหน้าอรองค์นั้นหงอยขึ้นมาทันที มาถึงบ้านเกิด แต่กลับบ้านไม่ได้ น่าเศร้าชะมัด “ก็ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้เราก็ขับรถผ่านๆ ไร่ก็ได้มั้ง แต่จริงๆ ที่นี่ให้เข้าไปชมไร่ได้ไม่ใช่เหรอ” “ก็ใช่น่ะสิ” “งั้นเราก็เข้าไปชมสิ” “ไหนแกบอกว่า หน้าฉันไม่เปลี่ยนไง เข้าไปคนงานในไร่ คนเก่าๆ ก็ยังทำงานกันอยู่” “เอิงก็เอาอะไรปิดหน้าสิ สวมแมส สวมหมวกแก๊ป ใส่แว่นกันแดด เหมือนที่ไอดอลเขาทำกันเวลาออกไปข้างนอกไง” “เอ่อ จริงของแก” อรองค์คล้อยตามความคิดของมัชกร “งั้นเริ่มคืนนี้เลย” “อะไร จะเข้าไปไร่ตอนนี้นี่นะ” “ไม่ใช่ เราไปเที่ยวผับในเมืองกันดีกว่า” “เราสองคนอายุไม่ถึงยี่สิบนะโว้ย ใครเขาจะให้เข้า” “ไม้ แกนี่นะ ไม่รู้หรือไง มีเงินก็เข้าได้ทั้งนั้นแหละ” “ไปเที่ยวตลาดนัดก็พอแล้วไหม แล้วไหนแกบอกจะโทร. หาลูกน้องแกไง” “เออ ลืมไป” จากนั้นอรองค์ก็รับโทร. หาวสุทันที [ลูกพี่ว่าไง หายไปนานเลยนะ] “ยุ่งๆ เรื่องเข้าเรียนมหาลัย แต่ว่าตอนนี้ว่างมากเลย พี่อั้ตมาหาหน่อยสิ [โอ๊ย ลูกพี่ จะให้ผมไปหาตอนนี้นี่นะ จากนี้ไปกรุงเทพฯ ก็ดึกพอดี] “เอิงอยู่ที่ภูวิณรีสอร์ต” [หา จริงเหรอ ไม่อำพี่นะ!] “ไม่หรอก รีบมานะ ที่บ้านพักเอห้า” [งั้น เดี๋ยวพี่รีบไปเลยนะ] “อย่าบอกใครล่ะ” [แน่นอนเป็นความลับ] “เอ่อ พี่อั้ตรู้ไหมอาวิณอยู่ไหน” [เพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อครู่นี่เอง] “โอเค พี่อั้ตก็รีบมาเลยนะ” [อือ เจอกัน] อรองค์วางสายแล้ว ก็ออกไปเตร็ดเตร่หน้าบ้านพัก เพียงสิบกว่านาทีเท่านั้นวสุก็ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาหน้าบ้านพัก ถึงจะไม่ได้เจอกันนานถึงสามปี แต่ทั้งสองก็ติดต่อ และอวดรูปในชีวิตประจำวันให้กันดูบ้าง อรองค์ไม่แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าเดิมมาก “พี่อั้ต” อรองค์วิ่งไปหาด้วยความดีใจ พร้อมกับจับมืออีกฝ่าย แต่วสุบิดมือออกแล้วยิ้มแหย “ลูกพี่ ขึ้นบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะสงสัยเอา” “สงสัยอะไร คนที่นี่ไม่มีใครรู้จักเอิงเสียหน่อย ยกเว้นเจ้าของรีสอร์ต ที่ตอนนี้กลับบ้านไปแล้ว” ส่วนพนักงานที่นี่ไม่มีใครรู้จักเธอเสียหน่อย “แต่คนที่นี่รู้จักพี่ เพราะบางวันพี่ก็เข้ามาช่วยงานใน รีสอร์ต” “อ้าวเหรอ” อรองค์เลยรีบบอกให้วสุขึ้นบ้าน แล้วแนะนำให้รู้จักกับมัชกร มัชกรยกมือไหว้ลูกน้องของอรองค์ ที่อายุมากกว่าลูกพี่และตัวเขา :::::::::::::::
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD