“ได้เจอตัวจริงเสียที เอิงพูดถึงพี่อั้ตบ่อยมากครับ” มัชกรทักทาย เขาไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายเป็นลูกน้องคนสนิทของอรองค์ เพราะวสุเป็นคนยิ้มง่าย และดูจะตามใจอรองค์มาก
“พี่อั้ต รู้ไหมว่ากำนันประโยชน์ เขาทำธุรกิจอะไรบ้าง นอกจากบ้านเมียเขาทำรับเหมาก่อสร้าง”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรแบบออกนอกหน้า แต่ใครๆ ก็รู้ว่า ร้านอาหารพระจันทร์ริมน้ำ กับผับตะวันส่อง กำนันโยชน์เป็นเจ้าของตัวจริง แต่ให้ญาติๆ เป็นรับหน้าเป็นเจ้าของแทน”
“อยากไปเที่ยวผับตะวันส่อง” อรองค์บอก
“อย่าเลย” สีหน้าหนักใจ
“ทำไม”
“ที่นั่นมีอบายมุขทุกอย่าง เอิงถือศีลห้าไม่ใช่เหรอ”
“ก็ถือ แต่บางวันศีลก็ขาด เพราะโกหกป้าอินว่าไปเที่ยวทะเลน่ะสิ”
“แล้วอบายมุขที่พี่อั้ตว่ามีอะไรบ้างครับ” มัชกรถาม
“มีทั้งยา บ่อน และค้าประเวณีเด็ก”
วสุรู้สึกแปลกใจที่มัชกรดูสนใจเรื่องนี้ ในขณะที่อรองค์นั้นเขาไม่แปลกใจ เพราะอีกฝ่ายเคยเปรยเรื่องกำนันประโยชน์มาบ้างแล้ว คนในไร่หรือในพื้นที่ก็ต่างพูดถึงการตายของนายใหญ่กับพ่อของ
อรองค์ว่าเป็นฝีมือกำนันประโยชน์ อรองค์อยากแก้แค้นกำนันประโยชน์ ในขณะที่นายของเขานั้นกลับพาตัวเองไปเกี่ยวดองกับกำนันประโยชน์
วสุไม่กล้าบอกเรื่องสำคัญบางอย่างให้อรองค์รู้ ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายเสียใจอีกครั้ง รวมทั้งอรองค์เองก็เคยบอกเขาว่าไม่ต้องพูดถึงภูวิณให้เธอได้ยิน
“พี่อั้ตเคยไปเหรอ”
“ก็เคย ตอนเรียน เพื่อนๆ พาไปเที่ยวอยู่สองสามครั้ง”
“ตำรวจรู้ไหมครับ” มัชกรถาม
“รู้เห็นเป็นใจมากกว่า เพราะที่นี่กำนันเขาใหญ่กว่าตำรวจด้วยซ้ำ แถมครอบครัวเมียกำนันก็รวย และมีญาติเป็นถึงนักการเมืองอีก”
“ถ้าตำรวจที่นี่ทำอะไรไม่ได้ ก็ให้ตำรวจที่อื่นทำสิ” อรองค์ว่า
“หรือไม่ก็ให้ข่าวกับทางเพจที่ชอบแฉเรื่องชั่วๆ ของคนมีอิทธิพล” มัชกรเสริม
“แต่การจะทำแบบนั้นได้ ต้องมีข้อมูลที่มากกว่าคำบอกเล่า”
“ก็ต้องมีภาพการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมด ทั้งยา บ่อน และค้าประเวณีเด็ก” อรองค์ขยายความ ซึ่งทำให้วสุทำหน้าตกใจ
“ลูกพี่อย่าบอกนะว่าที่อยากไปผับนั่นเพราะต้องการหลักฐาน มันไม่ง่ายหรอกนะ ที่นั่นมีการ์ดมากมาย”
“มันก็ไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว แต่ก็น่าจะลองไปดูลาดเลาก่อน”
“เกิดนายรู้ พี่ตายแน่เลย” วสุพูดอย่างวิตก
“ก็อย่าให้รู้สิ อีกอย่างเขาไม่รู้เสียหน่อยว่าเอิงมาที่นี่”
“มันออกจะเสี่ยงนะ ถ้าเอิงจะไปเอง ให้พี่หาวิธีอื่นดีกว่า” วสุว่า
“พี่อั้ตนั่นแหละ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง พี่เป็นคนในพื้นที่ ถ้าพลาดไป มันไม่เอาพี่ไว้แน่ ให้ผมกับเอิงไปกันเอง น่าจะดีที่สุด”
มัชกรออกความเห็น
วสุมองหน้ามัชกรอย่างไม่เข้าใจ หรือเพราะอรองค์ของให้อีกฝ่ายช่วยในเรื่องนี้
“อ๋อ ไม้เขาก็มีความแค้นกับกำนันประโยชน์เหมือนกัน”
อรองค์บอกวสุแค่นั้น
“อ๋อ แต่พี่ว่าการที่เอิงกับไม้จะเข้าไปเอง มันก็อันตรายเกินไป” ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามัชกรมีความแค้นอะไรกับกำนันประโยชน์ แต่ก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีที่ทั้งสองจะเข้าไปในผับ
“เราจะเข้าไปในฐานะนักเที่ยวก่อน ไม่ทำอะไรบุ๋มบ่ามหรอกครับ และผมสัญญาจะดูแลเอิงอย่างดี” มัชกรให้คำมั่น
“งั้นก็ฝากด้วยแล้วกันครับ” เพราะถึงอรองค์จะเก่งการต่อสู้แค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ สำหรับเขาอยู่ดี
“พี่แพงกับป้าศรีเป็นไงบ้าง”
“สบายดี แต่บ่นคิดถึงเอิงเหมือนกัน”
“อยากไปเจอจัง”
“แอบไปก็ได้ ตอนที่นายไม่อยู่น่ะ” วสุออกความเห็น
“จะดีเหรอ”
“หรือจะให้พี่แพงกับแม่พี่ออกมาหา”
“แต่คิดถึงบ้านไง อยากไปกราบคุณย่าด้วย” ในห้องพระ เก็บเถ้ากระดูกของคุณย่าพิศมัยไว้
แต่การจะเข้าไปในไร่มันก็ต้องผ่านป้อมรปภ. ไม่ต่างจากคนงานในไร่ เพราะบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณไร่ด้วย
“งั้นก็บอกไปหาพี่สิ”
“ที่ป้อมเขาแลกบัตรไง”
“ก็บอกว่าลืม แล้วคุณเอิงก็โทร. หาพี่ แล้วพี่จะบอกรปภ. ว่าเพื่อนพี่เอง”
“รปภ. ไม่รู้จักเอิงนะ”
“คนเก่าลาออกไปหมดแล้ว”
“โอเค ไว้พร้อมจะไปเมื่อไหร่ค่อยโทร. บอกนะ แต่พรุ่งนี้เอิงจะไปที่ผับก่อน”
“ก่อนไปผับ โทร. บอกพี่ก่อนนะ จะไปเตร็ดเตร่แถวๆ นั้น เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกัน”
“ได้เลย”
ทั้งสามพูดคุยกันอยู่กระทั่งเวลาล่วงเลยถึงสี่ทุ่ม วสุจึงขอตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้เขาก็ทำงานตามปกติ เข้างานเก้าโมงเช้า และเลิกห้าโมงเย็น เหมือนคนงานคนอื่นๆ
::::::::::::::::::