ไม่อยากจะเชื่อเลยให้ตายสิ!
ฉันได้เจอเพื่อนซี้สมัยเด็กละ เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งเกือบสิบปีเชียวนะ!!
“พอฉันย้ายบ้านมาพวกนายก็อยู่ที่เดิมกันตลอดเลยเหรอ อีกคนที่ย้ายมาพร้อมนายนั่นโจ๋ใช่มะ? พอนึกดูดีๆ แล้วหมอนั่นไม่เปลี่ยนเลยแฮะ แต่ถ้าไม่ได้เห็นแหวนวงนี้ที่นายสวมติดสร้อยไว้ฉันก็นึกไม่ออกนะเนี่ย โหย...แต่นายยังเก็บมันไว้อีกเหรอ นานขนาดนี้แล้วแท้ๆ แถมเห็นฉันแวบเดียวก็จำได้กันนี่ต้องความจำดีขั้นเทพเลยนะ! อ๊ะ! ฉันพูดมากไปป่ะเนี่ย =_=”
เพิ่งรู้ตัวว่าพูดจ้ออยู่คนเดียวก็เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับไนท์ที่รับฟังยิ้มๆ พร้อมกับเคลียร์โต๊ะของห้องที่เพิ่งกลับกันออกไป โดยไม่ตอบคำถามใดเลยสักคำ (แต่ฉันก็ไม่ได้เว้นจังหวะให้ตอบด้วยอะนะ)
“จะว่าไปนายทำงานอยู่นี่ ฉันมาป่วนแบบนี้ไม่ดีมั้ง เดี๋ยวเอาไว้คุยกันที่โรงเรียนดีกว่า” พอฉันทำท่าจะลุกจากโซฟา มือใหญ่ก็ฉวยข้อมือฉันรั้งไว้
ราวมีกระแสอุ่นจัดไหลผ่านจากฝ่ามือคู่นั้น...
หัวใจฉันกำลังกระตุก...แปลกๆ
“นั่งเถอะ ไม่เป็นไร”
“...”
“ฉันคิดถึงเธอ”
น้ำเสียง แววตา สัมผัส ยืนยันคำพูดนั้นให้ยิ่งเด่นชัดจนฉันเกือบน้ำตาซึม ดูสิ...เพื่อนรึอุตส่าห์คิดถึงเรา จำเราได้ตั้งแต่เห็นกันแวบแรก แต่ฉันกลับลืมพวกเขาไปซะสนิท
ฉันมันนังชั่วช้า TOT
“ตอนย้ายโรงเรียนมาใหม่ๆ ฉันก็คิดถึงนายกับโจ๋น้า...” ฉันบอกเสียงอ้อนก่อนทิ้งตัวลงนั่งตาแป๋ว ไม่ได้โกหกนะ ตอนนั้นฉันร้องไห้ในห้องเรียนด้วยซ้ำ คิดถึงพวกเขาใจจะขาด แล้วยะหยาก็มาปลอบ
และเพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันมีเพื่อนซี้เป็นผู้หญิง ฉันก็ดีใจจนลืมโจ๋กับไนท์ไปซะสนิท แหะๆ
“แล้วทำไมนายมาทำงานที่นี่ล่ะ?”
“ร้านของพ่อน่ะ เปิดก่อนกำหนดทั้งที่ยังไม่ลงตัว คนก็ไม่พอ ฉันว่างๆ อยู่เลยมาช่วย”
“จริงเหรอ! งั้นคราวหน้าฉันมาร้องฟรีได้ป่ะ >_‘พรวด!!’
ขม! พวกยะหยาสั่งน้ำบ้าอะไรมาเนี่ย อ๊ะ! ไม่สิ นี่ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องคาราโอเกะของใครไม่รู้ นี่ก็แก้วของใครไม่รู้! อี๋~ ถึงจะพ่นใส่หน้าไนท์ไปเกือบหมด แต่ฉันก็กลืนมันลงไปอึกใหญ่เชียวน้า T^To
เอ๊ะ พ่นใส่หน้าไนท์?
=[]=! เพื่อนฉันกลายเป็นปีศาจน้ำลำไยไปแล้ว!! (ถ้าที่ฉันกลืนเข้าไปเมื่อกี๊คือน้ำลำไยขมๆ เน่าๆ อะนะ)
“อ๊าย ไนท์ ฉันขอโทษ TOT”
ฉันวางแก้วใบนั้นลงแล้วลุกพรวด ตั้งใจจะเดินไปหาไนท์ที่ยังนั่งอึ้งห่างจากฉันไปไม่กี่ก้าว แต่แค่ร่างกายตั้งตรงขนานกับพื้นเก้าสิบองศา สมองก็กลับหมุนติ้ว เหมือนเลือดทุกหยดมันเดือดพล่าน...ร้อนไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย...
โลกมันหมุนรอบตัวเองเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
“เฮ้ย พรีม!!”
สิ้นเสียงดังก้องโสตประสาทนั้น สติและกำลังก็วูบดับลงในทันที...
‘เปิดห้องให้ผมหน่อย ห้องไหนก็ได้’
ฉันมุ่นคิ้ว ขยับตัวน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงนุ่มแสนเบาราวกับลอยมาจากที่แสนไกล ในหัวยังปวดระบม ร่างกายก็ร้อนจัดราวกับจะมอดไหม้ เหมือนใครสักคนกำลังพาฉันแบกขึ้นหลังเดินไปไหนสักที่
ไปไหน...
‘ช่วยหาซื้อชุดนักเรียนให้สองชุดด้วยครับ ขอพรุ่งนี้เช้าเลยนะ ของโรงเรียน-’
พอสิ้นเสียงนั้น ก็ราวกับแผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นเฉียบ อ่อนนุ่ม เหมือนร่างกายที่เบาหวิวเมื่อครู่เกิดหนักหนาขึ้นมาโดยไร้เหตุผล เสียงปิดประตูดังแผ่ว ก่อนสัมผัสอุ่นจัดจะแตะลงที่แก้มฉัน...เกลี่ยไล้เบาๆ
‘เธอลืมสัญญาของเราแล้วจริงเหรอ...’
“...”
‘ลืมจริงๆ เหรอพรีม...’
ฉันมุ่นคิ้ว นึกรำคาญขึ้นมาตงิดๆ ใครกัน สัญญาอะไร ฉันไม่เคยให้สัญญากับใครไว้สักหน่อยนี่นา ถ้าเคย...แล้วทำไมตอนนี้ฉันจำอะไรไม่ได้เลยละ...
พอค่อยหรี่ตามอง ก็เห็นภาพตรงหน้าเลือนรางราวกับจะละลายหายไปโดยง่าย แต่พอหลับตาลงอีกครั้ง แล้วเปิดเปลือกตา ก็ราวทุกสิ่งที่เห็นหลอมรวมกันเป็นภาพฟุ้งๆ ในห้วงแห่งความเลือนรางระหว่างความจริงกับความฝัน เหมือนฉันจะเห็นกระต่ายละ! คุณกระต่ายใส่สูทผูกหูกระต่ายสีดำที่คอเองเหรอที่โน้มกายคร่อมตัวฉันไว้
สงสัยฉันจะเป็นอลิศที่หลุดเข้ามาในแดนมหัศจรรย์สินะ =w=
อ๊ะ! คุณกระต่ายกำลังจะหนีไปแล้ว!
‘หมับ!’
‘เฮ้ย! พรีม ปล่อยฉัน’