‘ตึ้งง!!’
“...”
“ก...กรี๊ดดด” “เฮ...”
ทั่วทั้งสนามเงียบกริบไปตามๆ กัน ก่อนระเบิดเสียงเฮลั่นเมื่อบอลลูกนั้นถูกนักเรียนหน้าใหม่อีกคนที่ตัวสูงที่สุดในสนามกระโดดขึ้นจับยัดห่วงโดยไม่มีคำว่ายาก สุดยอด! ฉันเพิ่งเคยเห็นบาส ม.ปลายดังค์กับตาตัวเองก็วันนี้แหละ!!
ร่างสูงชะลูดที่สวมเสื้อทีมสีฟ้าชูกำปั้นขึ้นราวจะประกาศศักดาแห่งชัยชนะ ก่อนพี่มังกรเป่านกหวีดหมดเวลาเพียงเสี้ยววินาที ยิ่งเรียกเสียงเฮจากสีฟ้าลั่นสนาม ผสานกับเสียงกรี๊ดจากพวกผู้หญิง...
...ทั้งสองสี -*-
ใบหน้าคมคายแฝงความกวนในดวงตาสีอำพันเงยขึ้นมาสบตากับฉันพอดี ผู้ชายที่ทำคะแนนสุดท้ายนั้นมีเรือนผมสีน้ำตาลที่ทำไฮไลท์สีทองเป็นช่อ ดูมีมิติ และมีเสน่ห์เหลือร้ายไม่เบา
สบตากันได้แค่อึดใจเดียว ใบหน้าหล่อคมของคนตัวสูงนั่นก็คลี่รอยยิ้มราวยินดียิ่งกว่าชัยชนะที่เพิ่งได้รับ อะไร? ยิ้มให้ใคร? ฉันเหรอ?
ไม่มั้ง คงยิ้มให้ใครสักคนที่รู้จักกันแถวนี้
ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะวิ่งมาทางสีเรา แต่กลับติดแหง็กอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนร่วมทีมในสนามที่วิ่งเฮโลกันเข้าไปแสดงความยินดี กระทั่งที่ฉันถูกน้ำรินกับยะหยาชวนเดินไปอีกทาง
นักเรียนใหม่สองคนนั้น ก็ยังมองตามฉันจนลับตา...
พอจบจากงานกีฬาสี พวกน้ำรินก็ชวนฉันไปร้องคาราโอเกะแก้เซ็งที่ร้านเปิดใหม่ย่านศูนย์การค้า การแหกปากตะโกนนี่ก็คลายเครียดได้ดีเหมือนกันแฮะ ทีแรกต้าร์ดูเครียดมาก ก็แพ้แต้มเดียวนี่นะ เป็นใครก็เสียดาย
แต่ตอนนี้หมอนั่นกำลังร้องเพลงรักหวานเจี๊ยบ...กับเพื่อนฉัน แถมมีแอบเต๊ะอั๋งเล็กน้อยถึงปานกลาง ต่อให้หลังจากนั้นจะโดนน้ำรินตบมั่ง ศอกมั่ง ขยี้เท้ามั่ง เอาไมโครโฟนโขกหัวมั่ง ก็ยั๊ง...ไม่เข็ดซะที
ชักทนดูไม่ได้ละ - -^
“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยดิหยา”
ฉันลุกจากโซฟาเดินไปตะโกนชวนยะหยาที่ข้างหู มันก็พยักหน้าเออออโดยไม่ละสายตาจากมอนิเตอร์ที่กำลังเลือกเพลงใหม่ มือก็คลิกเมาส์อยู่นั่น ตกลงเข้าใจคำพูดฉันมั้ย?
ไปคนเดียวก็ได้ฟะ!
ฉันเดินหาห้องน้ำประมาณสิบวัน (เวอร์) แล้วพอออกจากห้องน้ำได้ ก็เดินหาห้องที่เพิ่งออกมาไปทั่วร้านคาราโอเกะ เพราะลืมจำชื่อห้องไว้ T_T โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสาย พวกนั้นมัวแต่ร้องเพลงกันไม่รู้สึกเลยว่าเพื่อนหายไปทั้งคนใช่ม๊าย แงๆ ถ้าหาห้องเจอฉันจะกระโดดกัดหูพวกแกทีละคนเลยคอยดู!
“พี่คะๆ”
ฉันตะโกนเรียกร่างโปร่งสูงในชุดสูทพนักงานที่กำลังเดินนำไปข้างหน้า คนนั้นหยุดกึก หันมองมา อ๊าย ลัคกี้ๆ ให้พนักงานคนนี้ช่วยไปเช็กที่เคาน์เตอร์ก็ได้ว่ายะหยาโทรมาจองห้องชื่ออะไร
แต่พอเดินไปใกล้ ทำไมถึงรู้สึกว่าเขา...คุ้นตาจัง?
“เอ่อ พอดีหลงห้องน่ะค่ะ ช่วยเช็ก-”
“พรีม?”
“คะ?”
ฉันตอบรับชื่อตัวเองโดยอัตโนมัติ ก่อนกะพริบตาปริบ พยายามเพ่งมองใบหน้าหล่อใสของผู้ชายตรงหน้าอย่างพินิจ แม้สีหน้าของเขาจะยังเรียบนิ่ง แต่นัยน์ตาคู่สวยกลับไหวระริกราวกับกำลังยินดีเป็นอย่างมาก
ผมดำ ตาดำ ตัวสูงพอๆ กับต้าร์...เคยเจอกันที่ไหนนะ?
“เรารู้จักกันเหรอ?”
อ๊ะ! พอถามไปปุ๊บก็นึกออกเลยแฮะ คนนี้เป็นหนึ่งในเด็กใหม่ที่ย้ายมาห้องหกนี่นา คนที่นำทีมบาสสีฟ้าชนะต้าร์ แต่พอฉันถามไปแบบนั้น ดวงตาสีรัตติกาลที่ทอประกายแห่งความหวังก็ดับแสงหม่นลงจนฉันใจหายวาบ ความรู้สึกแบบนี้มัน...
เหมือนเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นกับฉัน เมื่อนานมาแล้ว...
“เธอลืมฉันแล้วจริงๆ เหรอ?”
“...”
“เธอลืมแม้แต่สัญญาของเรา?”
ฉันกะพริบตาปริบๆ อ้าปากน้อยๆ อย่างงุนงง ถึงผู้ชายคนนี้จะดูจริงจังในทุกคำที่พูดออกมา แต่ฉันจำไม่ได้ว่าเคยสัญญิงสัญญาอะไรกับใครไว้นี่นา ยิ่งกับคนเท่ๆ แบบนี้ฉันจะลืมไปง่ายๆ ได้ไง?
♪♫♪♫♪♫~
ฉันสะดุ้งโหยงเพราะเสียงริงโทนโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงมันดังก้อง ก่อนล้วงมันออกมากดรับ จังหวะเดียวกับที่คนตรงหน้าถอนหายใจออกมาเบาๆ
แล้ว ‘บางอย่าง’ ก็เล่นแสงไฟสะท้อนวูบใส่ตาฉัน จังหวะที่เขาคนนั้นหมุนกายหันหลังและกำลังจะเดินห่างออกไป...
ภาพวันวานก็พลันเด่นชัดในความทรงจำ
ฉันลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงแนบกายโดยไม่ทันฟังว่ายะหยาพูดอะไรบ้าง ในสมองตอนนี้ราวกับถูกรีเพลย์ให้ไหลย้อนกลับสู่ความทรงจำวันวาน ที่สวนสาธารณะกว้างใหญ่ไพศาล ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกดาวกระจายสีทองอร่ามข้างสระน้ำใหญ่ ตอนเป็นเด็กฉันเคยชอบไปวิ่งเล่นกับเพื่อนสองคนที่สนิทกันมากๆ ในตอนนั้น
โจ๋กับ...
“ไนท์...”
ร่างสูงชะงัก ก่อนหันมองกลับมา พร้อมรอยยิ้มละมุนคุ้นตา
“ครับผม”