EP 7 ล่มปากอ่าว

1218 Words
ต้องให้บอกไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? ขอข้ามไปเลยแล้วกัน -.- เอาเป็นว่า ต่อจากนั้นผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่ทันปิดประตู ก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่าพรุ่งนี้มีสอบตีฉิ่งที่ชมรม ตัวเล็กยังไม่รู้เลยนี่หว่า ยัยนั่นมัวแต่นอนซมเพราะเป็นหวัด ถ้าพรุ่งนี้ตัวเล็กไม่เอาฉิ่งไป ผมจะหักคอยืมของใครมาใช้สอบได้ล่ะ ไอ้คริสโซไม่ยอมให้แตะ ‘ฉิ่งสั่งทำ’ ของมันหรอก สมาชิกคนอื่นในชมรมดนตรีร่วมชาติโรงเรียนผมก็มีแต่ผู้ชาย จะหว่านเสน่ห์ขอยืมของคนอื่นก็ไม่ได้ ปวดใจสิ้นดี คิดได้ดังนั้นผมก็หันหลังกลับ เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องชะงัก...เพราะจากมุมอับที่ผมยืนอยู่ มันเห็นได้ชัดเลยว่าร่างบางบนเตียงที่ต้องแสงสลัวของโคมไฟ กำลังทำอะไร... ดอกเหมยใช้อะไรสักอย่างที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นเข็มกลัดติดเสื้อมั้ง แทงนิ้วตัวเอง แล้วแปะๆ เลือดให้เป็นหย่อมๆ ดวงๆ บนผ้าปูเตียงสีขาว โห...ถ้าไม่ออกมาเห็นกับตาจะโง่เชื่อไหมนะเรา ลงทุนอะไรขนาดนั้น? แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้น ก็เป็นแบบที่ผมคิดไว้เป๊ะ! พอผมแกล้งเดินดังๆ เธอก็รีบซ่อนของในมือ แล้วกอดตัวเองร้องห่มร้องไห้ ราวกับว่าเสียใจขนาดหนัก ปากก็พร่ำว่าผมไม่ต้องรับผิดชอบ เธอง่ายเอง บลาๆๆ ผมเลยใส่กางเกง ยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เก็บเสื้อพาดบ่า เดินตรงไปที่ประตูห้อง แล้วทิ้งคำพูดไว้ให้เธอแค่ประโยคเดียวสั้นๆ “ก็ดี” ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า หลังจากนั้นประมาณสิบวิ ผมว่าผมได้ยินเสียงกรี๊ดออกมาจากห้องนั้นด้วยล่ะ ทั้งที่คิดว่าปิดประตูสนิทดีแล้วนา... ผมไม่อยากเจอดอกเหมยอีก อย่างน้อยๆ ก็ช่วงนี้ ไม่ใช่เพราะหลงเหลือเยื่อใยอะไรกับเธอจริงๆ สาบานได้ แต่ทั้งหมดที่เธอทำไว้ โดยเฉพาะเรื่องที่เธอพยายามโกหก จนทำให้ตัวเองหมดคุณค่าแบบนั้น ผมว่ามันน่ารังเกียจจะตาย “คิวๆ ตกลงอันนี้มันแปลว่าอะไร?” เสียงใสๆ กับแรงดึงที่แขนเสื้อ ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิด หันมองคนตัวเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาข้างๆ และกำลังมองมาตาแป๋ว พอแก๊งค์ของดอกเหมยออกไป พวกเราก็สรวลเสเฮฮากันตามปกติ ไอ้เม้งสั่งเค้กก้อนเท่าบ้านมาฉลองวันเกิดให้ตัวเอง ตัวเล็กที่ชื่นชอบขนมหวานเลยกินจนพุงกาง ผมไม่ได้พูดเวอร์นะ ยัยนี่กินเยอะจนกระโปรงแทบปริ ต้องขอยืมชุดเตะบอลของไอ้เม้งมาเปลี่ยน ถึงนั่งขัดสมาธิได้นี่ไง ความเป็นผู้หญิงของเพื่อนผมนี่เท่ากับศูนย์จริงๆ -_- ที่ต้องหิ้วเธอมาด้วยเพราะโทรศัพท์เครื่องที่มีเบอร์บรรดากิ๊ก ผมปิดเครื่องทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วจำเบอร์ใครไม่ได้สักคน เลยจำเป็นต้องใช้ยัยนี่พิสูจน์ให้ดอกเหมยเห็นว่าผมไม่ได้ป๊อดจนไม่กล้ามาสู้หน้าใครๆ และไม่ได้นอนร้องไห้อยู่ที่ไหนเพราะคืนที่เราหายไปด้วยกันผมบ่มีไก๊ เลยโดนเธอสลัดรัก อย่างที่เธอบอกไอ้เม้งกับผู้ชายคนอื่นๆ ไปทั่ว แต่กับกลุ่มเพื่อน เธอคงบอกว่าโดนผมฟันแล้วทิ้งมั้ง? ยัยลูกหมีถึงปรี๊ดจัดขนาดนั้น “เฮ้ ตัวเล็ก จะบอกอะไรให้ฟัง ^o^ มีข่าวลือว่าแฟนเธอน่ะ มันเคยล่มปากอ่าวด้วยนะ” ใครเอาเซนต์เบอร์นาร์ดยัดปากไอ้เม้งมาวะ ผมส่งสายตาพิฆาตไปให้ไอ้ตัวการที่นั่งยิ้มแป้นอยู่บนโซฟาถัดจากตัวเล็กไป ไอ้นี่ก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร มันสนิทกับผมแบบที่แค่มองตาก็รู้แล้วว่าตัวเล็กไม่เข้าข่ายสาวในสต็อกผมเลยสักอย่าง มันรู้นิสัยดอกเหมยที่เป็นญาติตัวเองดีด้วยซ้ำแต่ไม่เตือนผมเลยซักคำ โธ่...ไอ้เพื่อนรัก! ตัวเล็กหันมองเม้ง สลับกับมองผม ก่อนยิงคำถามหน้าซื่อ แต่ทำเอาพวกเราฮากลิ้ง “คิวขับเรือเป็นด้วยเหรอ =O=;;” ไอ้เม้งหัวเราะจนตกเก้าอี้ไปแล้ว -_- จะว่าไปก็ไม่อยากเชื่อ ตอนเห็นตัวเล็กครั้งแรก เพื่อนๆ ผมก็ออกอาการหมาป่าล่าหนูน้อยหมวกแดงจนน่าโมโห แต่พอได้อยู่ใกล้จนคุ้นกัน ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ที่น่ารัก น่าทะนุถนอมของพวกเพื่อนผมทุกคนไปแล้ว ดูสิ เดี๋ยวส่งน้ำอัดลม เดี๋ยวส่งขนมให้ เดี๋ยวชวนคุยสัพเพเหระ ยัยนี่ก็หัวเราะคิกคักอยู่นั่น ลืมไปแล้วมั้งว่าตอนเข้ามาที่นี่ครั้งแรก เธอทำหน้าแหยงๆ เหมือนพวกเพื่อนผมเป็นอุนจิบนเห็บหมายังไงยังงั้น เธอก็เป็นแบบนี้แหละ... ตัวเล็กน่ะ เป็นเหมือนสายฝนเย็นฉ่ำ ชื่นใจ เป็นเหมือนสายรุ้งแสนงามที่ไม่อาจจับต้องได้ เพราะอยู่สูงเกินกว่าสองมือจะไขว่คว้า หรือดึงเธอลงมาให้ตกต่ำ ผมไม่เคยบอกใคร แต่ตัวเล็กคือความมหัศจรรย์ในชีวิตผม ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้... ผมคงตายไปแล้วนับแต่ตอนนั้น... [End: Cupid talk] เช้าวันต่อมา ฉันยังไม่รู้เลยว่าประโยคการบ้านที่คริสโซให้มาแปลว่าอะไร... แต่ที่ฉันรู้คือตอนนี้มันกลายเป็นเทสย่อยก่อนเรียนที่ฉันกำลังเค้นซอกหลืบของสมองหาคำตอบอยู่ตอนนี้ไง! ไม่น่าเลย...เมื่อวานตอนกลับจากงานปาร์ตี้ ฉันไม่น่าติดลมนั่งเชียร์บอลเย้วๆ กับไอ้หมาคิวทั้งคืนจนไม่ได้ติวเลยอ๊า อย่าบอกนะว่าการเรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย์สุดหล่อครั้งที่สอง ฉันจะได้สร้างความประทับใจให้อาจารย์ด้วยการส่งกระดาษเปล่า โฮๆ ก๊อกๆ! “อาจารย์คณิน ขอเวลาสักครู่นะคะ” “ได้ครับอาจารย์ศศิ นักเรียนทำเทสไปก่อนนะครับ อย่าลอกกันนะ เดี๋ยวครูมา” กู๊ดจ๊อบ! ทันทีที่แผ่นหลังหล่อๆ (?) ของอาจารย์ลับไปจากสายตา ฉันก็ตะปบกระดาษคำตอบของคริสโซที่รู้เลยว่าทำเสร็จซักพักแล้วเพราะมันเริ่มหมุนปากกาเล่นอย่างเบื่อๆ ตามสไตล์คนทำข้อสอบไว มาลอกแบบซึ่งๆ หน้าทันที = =+ ‘When a dog growls, it'll make a rumbling noise, usually because it is __.’ ตอบข้อ B: furious โอ...ฉันจะจำไว้จนวันตาย T^To ตุบ! ไอ้หมาคิวมันปาก้อนกระดาษใส่ฉัน - -^ ‘Stupid’ อะไรปิดๆ พยายามจะเขียนชื่อตัวเองแต่เขียนผิดรึไง แล้วมาบอกฉันทำไมวะ ไร้สาระโคตร ฉันขยำๆ กระดาษใบเล็กนั้นโยนทิ้ง แล้วตั้งหน้าตั้งตาลอกข้ออื่นต่อ แต่หมาบ้ามันก็ยังเป็นจอมหาเรื่อง ขี้แกล้งอยู่วันยังค่ำ ก้อนกระดาษอันที่สองถูกขว้างมา ตามด้วยอันที่สาม สี่ ห้า ซึ่งมีข้อความเหมือนกันแบบบรรจงลอกกันมาไม่มีผิดเพี้ยน ‘โง่’ ‘โง่’ ‘ยัยโง่ 55+’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD