เขายกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นดู อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงวันแล้ว รีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาซื้อกับข้าวเที่ยงมาไว้ เพียงแค่แวะที่ร้านประจำไร่ทุกคนก็ส่งสายตามองเขาแบบยิ้ม ๆ แน่ล่ะ ก็นางจันทร์นิลเล่นป่าวประกาศไปทั้งไร่ ว่าเขากับพิราอรเป็นผัวเมียกันเรียบร้อยแล้ว เป็นการกำจัดลูกเมียน้อยได้อย่างแนบเนียน อีกทั้งยังช่วยตัดปัญหาครอบครัวของลูกสาวตัวเองด้วย บางทีพัชระก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องหรือไม่ เขาแค่อยากมีส่วนช่วยอรินดาไม่ให้เจอกับเรื่องเลวร้ายมากกว่าที่เป็นอยู่
ส่วนหญิงสาวที่อยู่ในห้องนอนนั้น ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความร้อนของอากาศภายในห้อง พิราอรเคยนอนแต่ในห้องนอนเปิดแอร์ ไม่เคยต้องมานอนในบ้านไม้มีเพียงพัดลมเก่า ๆ แบบนี้ หญิงสาวปาดเหงื่อออกจากใบหน้า แล้วเดินออกไปนอกบ้าน ไม่พบแม้แต่เงาของพัชระ ความคิดที่จะหนีเก็บพับเอาไว้ เพราะถูกนางจันทร์นิลขู่เอาไว้ก่อนหน้า
‘นังอ้อนถ้าแกหนีอีกฉันจะหาผัวให้แกเดือนละคนเลยคอยดูสิ แค่ไอ้เพชรคนเดียวมันไม่พอใช่ไหม’
คำพูดประโยคนี้ของนางจันทร์นิลทำให้หญิงสาวถึงกับกลัวขึ้นมาจริง ๆ พิราอรยังไม่อยากเอาตัวเองเข้าเสี่ยงในตอนนี้ เอาไว้คิดให้รอบคอบมากกว่านี้ก่อน อย่างน้อยอยู่กับพัชระคนเดียวก็ย่อมโหดร้ายน้อยกว่าอยู่กับคนงานคนอื่น
เพราะอะไรเธอถึงต้องมาอยู่ในจุดนี้ หญิงสาวน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง นับตั้งแต่มารดาได้เสียชีวิตลงจากโรคร้าย สาวน้อยในวัยสิบห้าปีก็ดูเหมือนจะไร้ที่พึ่งในชีวิตไป ผ่านมาสิบปีทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไร้ความหวังในชีวิต และยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ยิ่งทำให้เธอต้องทุกข์ระทมมากจนไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป
‘คุณอ้อนครับ เปิดประตูให้ผมหน่อยครับ คุณพ่อแย่แล้ว’ เสียงเคาะประตูแรง ๆ เหมือนมีเรื่องร้อนใจ ทำให้พิราอรรีบคว้าเสื้อมาคลุมแล้วไปเปิดประตูให้กรพฤกษ์
‘คุณพ่อเป็นอะไรคะคุณพฤกษ์’
‘คุณพ่อเป็นลมในห้องผมครับ นั่งคุยกันแล้วก็วูบไปเลย’
‘คุณพ่อ !’
ด้วยความเป็นห่วงบิดาพิราอรจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในเรื่องนี้ รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของอรินดาในทันที แต่ภายในห้องกลับไม่มีแม้แต่เงาของบิดาหรือน้องสาวต่างมารดาของเธอเลย
ปัง !
‘คุณพฤกษ์ !’ หญิงสาวถลึงตามองเขาอย่างตกใจ ลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้สองแม่ลูกนั่นออกไปงานเลี้ยงของผู้ใหญ่ประจำจังหวัด ส่วนบิดาก็ยังไม่กลับจากการเยี่ยมญาติในกรุงเทพฯ เหมือนกรพฤกษ์จะบอกว่าติดงานเลยไม่ได้ไปด้วย หรือว่าเขาจงใจเพื่อกระทำเรื่องนี้
‘คุณอ้อนรู้ไหมครับ ว่าผมรักคุณอ้อนมากแค่ไหน’
‘คุณพฤกษ์อย่าเข้ามานะคะ ไม่งั้นอ้อนร้องให้ป้าสร้อยช่วยจริง ๆ ด้วย’
‘ป้าสร้อยจะขึ้นมาทำอะไรบนนี้ครับ’
‘คุณพฤกษ์มีคุณรินอยู่แล้ว จะมาทำรุ่มร่ามใส่อ้อนไม่ได้นะคะ’ พิราอรก้าวถอยหลังกรพฤกษ์ก็ก้าวตามมาติด ๆ
‘ลองดูไหมล่ะครับว่าผมจะทำได้ไหม’
‘ช่วยด้วยค่า ๆ ๆ’ พิราอรวิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้อง แต่ก็ถูกเขารวบตัวเอาไว้แล้วดันให้ชิดติดผนัง เสื้อคลุมถูกกระชากออก ตามด้วยชุดนอนผ้าลูกไม้แสนบางเบา สายเสื้อถูกดึงจะขาดหลุดออกจากหัวไหล่ หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระทุ้งหัวเข่าใส่น้องชายเขา
‘โอ๊ย ! จะไปไหนมาเนี่ย’
ผลัวะ ! ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับสองแม่ลูกที่ยืนจ้องเธอตาแทบถลน กรพฤกษ์ก็สวมวิญญาณหน้าตัวเมีย บอกว่าทุกคนเข้าใจผิด เธอเข้ามาหาเขาเอง มายั่วยวนเขาถึงภายในห้อง
‘คุณอ้อนบอกว่าถ้าไม่ทำเธอจะร้องว่าผมเป็นคนลวนลามเธอ เสื้อผ้าเธอก็ฉีกทึ้งมาเองทั้งนั้น’
‘คนเลว ทำผิดแล้วมาโยนให้อ้อนทำไม’ พิราอรแค่นเสียงใส่เขาอย่างเหลืออด ทำไมผู้ชายที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูดีมีชาติตระกูล ถึงได้ตอแหลเก่งได้โล่ขนาดนี้ สองแม่ลูกไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น นางจันทร์นิลเดินเข้ามาหาพิราอร
เพียะ !
พร้อมกับตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้างามจนเกิดรอยแดงปื้นไปทั้งแถบ ส่วนคนเป็นลูกก็ตรงไปหาสามี
ฉาด !
“ถึงจะถูกยั่วยังไงก็ไม่ควรจะไปกอดพี่อ้อนอย่างนั้น”
จากนั้นนางจันทร์นิลก็ให้คนลากเธอลงมาจากห้องนอนของอรินดา พามายังบ้านของพัชระผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึงสิบปี เขากับเธอการใช้ชีวิตก็เหมือนอยู่กันคนละโลก เรื่องราวก็มาบรรจบลงตรงนี้ ตรงที่เธอไม่สามารถจะหนีไปจากที่นี่ได้ เพราะมีคนของนางจันทร์นิลคอยเป็นหูเป็นตาให้ทุกช่องทาง
เสียงรถมอเตอร์ไซค์ขี่มาจอดอยู่นอกบ้าน พิราอรจำได้ว่าเป็นของพัชระ หญิงสาวจึงไม่คิดขยับตัวไปไหนนอกจากนั่งนิ่ง ๆ อยู่ภายในห้องนอน เสียงเหมือนเขาเดินเข้าไปในห้องครัว สักพักก็เดินมาหยุดหน้าห้องนอน
“คุณอ้อนออกมากินข้าวเที่ยงได้แล้ว” พัชระเปิดประตูเข้ามาเรียก พิราอรจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังเขาออกไป
เห็นส้มตำไก่ย่างกับข้าวเหนียวก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา เป็นอาหารที่หญิงสาวชอบกินเป็นพิเศษ พัชระลากเก้าอี้ออกลงนั่ง เธอจึงลากเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งบ้าง
“พี่เพชรไปซื้อมาจากร้านน้าพลอยเหรอ”
“อืม” เขาบอกแล้วฉีกไก่ย่างยัดเข้าปากไปด้วย พิราอรจึงตักส้มตำเข้าปากบ้าง รสชาติไม่จัดมากพอดีกับที่เธอเคยกินอยู่เลย และดูเหมือนจะกินได้เยอะกว่าอีกคนเสียด้วย
“หิวเหรอคุณอ้อน” สักพักพัชระก็ถามคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว
“หิวด้วย แล้วก็คิดถึงส้มตำร้านน้าพลอยด้วย ไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกไปซื้อกินเลย”
“เดี๋ยววันหลังพาไปซื้อบ่อย ๆ” พัชระตอบแล้วตักส้มตำเข้าปากต่อ ทำให้พิราอรรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา หากมีวันหลังนั่นแสดงว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตเป็นภรรยาของเขาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาผู้ชายซึ่งจงรักภักดีกับนางจันทร์นิลและอรินดา เรียกว่าแทบจะถวายชีวิตให้ก็ได้
‘ไม่ ฉันไม่ต้องการชีวิตแบบนี้’
“เดี๋ยวกินอิ่มแล้วเราไปซื้อเตียงกัน”
“ซื้อเตียง ?” แค่พูดถึงเตียง ภาพเมื่อเช้าก็ลอยเข้ามาให้หญิงสาวต้องใจสั่นเล่น เล่นเตียงหักเตียงพังกันแบบนั้น รู้ไปถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น
“ใช่สิ ในตลาดมีขายอยู่ ซื้อแล้วให้เขาเอามาส่งเลย”
“วันหลังก็ได้มั้ง”
“วันนี้แหละ กำลังข้าวใหม่ปลามันกันอยู่”
“พี่เพชร !”
“จะอายทำไมคุณอ้อน ก็มันเรื่องจริงไหมล่ะ เรื่องผัว ๆ เมีย ๆ กันคนธรรมดาสามัญอย่างผมก็พูดตรง ๆ แบบนี้แหละ อย่ามาทำเป็นรับไม่ได้”
พิราอรรู้สึกเหมือนถูกต่อว่าทั้งที่ตัวเองไม่ผิด เขามันเห็นแก่ได้ไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวรวบจานช้อนแล้วเดินเข้าไปล้างในห้องครัวอย่างเงียบ ๆ ดีนะที่เขามีไฟฟ้ามีประปาใช้ ไม่ได้อยู่แบบแห้งแล้งเหมือนคนงานคนอื่น คิดอีกทีก็เพราะเขาเป็นช่างไฟฟ้าของที่นี่ ระบบงานทุกอย่างจึงทำได้ดี เธอรู้เพียงว่าเขาจบสายอาชีพมาไม่ได้ต่อมหาวิทยาลัย และทำงานเป็นช่างที่นี่มาตั้งแต่ต้น เหมือนจะเคยได้ยินว่ามีสาว ๆ มาตามจีบพัชระอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยจริงจังกับใครสักคน พัชระมีภาษีเหนือกว่าคนอื่นในไร่ ตรงที่เขามีความรู้ด้านอาชีพติดตัวมานี่แหละ