[01] เจอแฟนเก่า

1224 Words
บทที่ 01 เจอแฟนเก่า @มหาวิทยาลัยเอพริล “แกไม่น่าหยิบปากกาไอแพดฉันมาเลย” ฉันบ่นอุบอิบให้เพื่อนสนิทที่คบกันตั้งแต่สมัยมัธยมซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าบึ้งตึง เพราะความเหงาทำให้เธอเอารายงานไปทำที่คอนโดฉัน แต่ดันหยิบปากกาไอแพดของฉันติดกระเป๋ากลับไปด้วยแล้ววันนี้เพื่อนเรียนทั้งวันจึงไม่มีเวลาเอามาคืน ฉันจึงต้องมาเอาเองถึงคณะวิศวะ ถ้าวันนี้ไม่ต้องใช้ ฉันไม่มาที่นี่แน่นอน ไม่ใช่ว่ามาเอาไม่ได้นะ เพราะคณะบริหารที่ฉันเรียนตั้งอยู่ข้างๆ คณะวิศวะที่เพื่อนเรียนเพียงแค่ฉันไม่อยากมา แต่พอมาถึงเธอก็ลากมากินข้าวต่อที่โรงอาหารทันที “มันติดกระเป๋า…” สมาย เงยหน้าจากจานข้าวที่กำลังกินเพื่อตอบคำถามฉัน “แล้วทำไมต้องลากฉันมากินข้าวที่นี่ด้วย รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่อยากอยู่นาน” ฉันพึมพำเสียงเบามือเล็กเขี่ยข้าวในจานไปด้วย จนเนื้อไก่กรอบแทบจะกระเด็นออกจากจานข้าวอยู่แล้ว “ไม่เจอหรอก วันนี้ฉันมาเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้ายังไม่เจอพี่…” “แกห้ามพูดถึงนะ” ฉันถลึงตาใส่เพื่อนทันที ทำให้สมายส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนฉันได้เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ที่ฉันไม่อยากมาเพราะ… แฟนเก่าเรียนคณะวิศวะ เราสองคนจบกันไม่ดี ฉันไม่อยากเจอผู้ชายแบบนั้น ผู้ชายที่มีความคิดแปลกๆ “ซิน…” เสียงเรียกของเพื่อนดังขึ้น ฉันจึงเงยขึ้นมองพลางเลิกคิ้วแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแฟนเก่ากำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร ใบหน้าของสมายบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ากำลังรู้สึกผิด เธอคงรู้สึกผิดที่ชวนฉันมากินข้าวที่นี่แต่ฉันไม่โทษเพื่อนหรอก รู้ว่าที่สมายชวนเพราะเธอมีเวลาว่างแค่ยี่สิบนาที ส่วนฉันอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะมีเรียน ถ้าจะออกไปกินข้าวที่อื่นเธอคงกลับมาเรียนคลาสต่อไปไม่ทัน พี่ทิคเกอร์ หยุดฝีเท้าในตอนที่เลื่อนสายตามาประสานกับฉัน ท่าทางของเขาเหมือนอยากคุยกับฉัน เพราะตั้งแต่ที่เราเลิกกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกัน แต่ฉันไม่อยากคุย ไม่อยากเจอ พรึบ! “ฉันไปนะแก ไว้เจอกัน” ฉันเอ่ยบอกในตอนที่ดันตัวลุก มือเล็กหยิบจานข้าวของตัวเองเพื่อจะนำไปเก็บ “เดี๋ยวเรียนเสร็จฉันโทรหา วางจานข้าวไว้ตรงนี้แหละ ฉันเก็บเอง” “…” ฉันพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว พี่ทิคเกอร์อยู่ปีสามเป็นรุ่นพี่ฉันหนึ่งปีแถมยังเป็นรักแรก เราสองคนคบกันได้แค่สามเดือน แต่คุยและศึกษาดูใจกันนานเป็นปี ทว่าทุกอย่างก็จบลงเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ฉันจับได้ว่าพี่ทิคเกอร์ชอบพาผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักเข้าโรงแรมและรู้เพิ่มเติมว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก เขาทำทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวผับ ทำให้ได้รู้ว่าพี่ทิคเกอร์เป็นผู้ชายที่ชอบความสัมพันธ์แบบวันไนต์แสตนด์ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ถ้าชอบความสัมพันธ์แบบนั้นแล้วจะมาจีบ มาขอคบฉันทำไม ถ้าจะโทษว่าเขานอกกายก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเราสองคนยังไม่เคยมีอะไรกัน ที่ผ่านมาพี่ทิคเกอร์เป็นผู้ชายสุภาพ ให้เกียรติมาตลอดจะหอมแก้มหรือจับมือก็ขออนุญาตฉันทุกครั้ง ตอนที่ฉันรู้เรื่องนี้แทบไม่เชื่อ จนกระทั่งเห็นกับตา ทำให้ฉันช็อกไปเลย ความรักครั้งแรกฉันเจ็บปวดมาก จนต้องพยุงร่างกายกับจิตใจที่บอบช้ำหนีไปนั่งจิบเบียร์ฟังเสียงคลื่นที่พัทยานานถึงหนึ่งอาทิตย์ แต่หลังจากกลับจากพัทยา ฉันก็โอเคขึ้นนิดหน่อย ไม่ร้องไห้เสียใจ ซึ่งตอนนี้ฉันมูฟออนได้แล้ว ในเมื่อเขากล้าทรยศความรักที่ฉันมีให้ ทำไมฉันต้องเสียใจให้กับผู้ชายแบบนั้นนานด้วย “ซวยจริงๆ ทำไมต้องเจอด้วย” ฉันเอ่ยพึมพำในตอนที่เดินกลับไปที่รถของตัวเอง แต่ก็ต้องชะลอการเดินให้ช้าลงเมื่อมีรถบิ๊กไบก์คันหนึ่งขับผ่านหน้าไปจอดในโรงจอดรถ แต่นั่นที่จอดรถของอาจารย์ไม่ใช่เหรอ? ที่ฉันรู้เพราะมีป้ายประดับไว้อย่างชัดเจน ผู้ชายที่ขับบิ๊กไบก์ไม่ใช่อาจารย์ด้วยนะ เพราะเขาใส่ชอปวิศวะ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นนักศึกษา แต่อาจจะเป็นลูกของอาจารย์เจ้าของที่จอดรถตรงนั้นก็ได้ ฉันจึงตัดสินใจข้ามถนนไปที่รถของตัวเอง “นักศึกษา!” เสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันจึงหันไปมองอีกครั้ง ทำให้เห็นอาจารย์ท่านหนึ่งจอดรถอยู่ด้านหน้าที่จอดรถที่รุ่นพี่คนนั้นเข้าไปจอด อาจารย์ลดกระจกลงสายตามองไปที่พี่ผู้ชายคนนั้นซึ่งกำลังถอดหมวกกันน็อคเต็มใบออกจากใบหน้า “นั่นที่จอดรถของอาจารย์ ไม่เห็นป้ายเหรอ?” “เห็นครับ แต่ผมรีบ…” “ไปจอดที่อื่น” “อีกสองนาทีอาจารย์ธิเบตเช็กผมขาดแล้ว อาจารย์ไปหาที่จอดรถใหม่นะ สวัสดีครับ” พี่คนนั้นยกมือไหว้อาจารย์ทั้งๆ ที่ยังถือหมวกกันน็อค จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในตึกเรียนไม่ได้สนใจอาจารย์ที่มองตามเลยแม้แต่น้อย “ฟารัน! ให้ตายสิเด็กคนนี้ ซนตลอด” เสียงอาจารย์บ่นตามหลังแต่ก็ยอมขับรถไปจอดที่อื่น ทำให้ฉันได้เพียงแค่มองตามไปเงียบๆ ท่าทางแบบนี้พี่คนนั้นคงไม่ใช่ลูกอาจารย์เหมือนที่ฉันคิดในตอนแรก แต่เมื่อกี้ฉันเห็นหน้าพี่เขาด้วย ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ไหนไหม หน้าตาดีมาก ท่าทางคงเป็นลูกครึ่ง “ซินเนียร์” เสียงเรียกดังขึ้นทำให้ฉันเลื่อนสายตาไปมองแต่เมื่อเห็นว่าเป็นแฟนเก่าจึงรีบเดินหนีไปที่รถของตัวเอง หมับ! “เดี๋ยวสิ…” “ปล่อย” ฉันเอ่ยบอกเสียงแข็งเมื่อพี่ทิคเกอร์เดินมาคว้าข้อมือเล็กไว้ ทำให้เขายอมปล่อย ฉันจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ทว่าก็ถูกมือหนาผลักดันไว้ “พี่ขอคุยกับเราหน่อยได้ไหม” “แต่ฉันไม่อยากคุยด้วย” ฉันเอ่ยบอกเสียงแข็ง สรรพนามทุกอย่างที่เคยพูดเปลี่ยนไปในทันที ฉันเป็นคนรักใครรักมากก็จริง แต่ถ้าไม่ชอบใคร ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะการถูกคนรักหักหลังมันเจ็บปวดมาก กว่าจะผ่านช่วงแรกที่เจ็บปวดมากๆ มาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจะไม่กลับไปยืนในจุดที่เจ็บปวดอีก “แต่พี่…” “ถอยไป ถ้าไม่ถอยฉันจะตะโกนให้ทุกคนมาช่วย” ฉันเอ่ยพูดอีกประโยคด้วยท่าทางเอาจริง ทำให้เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วยอมถอย ร่างเล็กจึงรีบเปิดประตูรถขับออกไปทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD