“ท่านพ่อ ไปยอมนางแพศยานั่นทำไม พวกเราต่างหากที่เป็นคนโดนกระทำ” หลินฮวาโวยวาย
“เงียบซะ! ถ้าพี่ของเจ้าไม่ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้น คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” หลินฮวารู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม จึงตวาดออกไป “กรี๊ดด ท่านพ่อเห็นนางแพศยาดีกว่าพวกเรา…”
หลินฮวายังไม่ทันกล่าวจนจบ บรรยากาศในห้องโถงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง นางไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวน้องสาวคนเล็กขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
น่ากลัว น่ากลัว หลินซีก้าวเดินเข้ามาหานางอย่างช้าๆ ดวงตาสีทองคู่นั้นที่เคยใสซื่อบริสุทธิ์ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจธารน้ำแข็ง
"นะ…นี่ หยุดนะ! คะ...คิดจะทำอะไร” หลินฮวาเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“พี่หญิงรองควรสงบปากสงบคำเสียบ้าง คำพูดเมื่อครู่ทําให้น้องรู้สึกไม่ดีนัก พวกเราเป็นถึงตระกูลลำดับหนึ่งในแคว้นหลาน ไม่ควรมีมารยาทต่ำทรามเช่นนี้ หวังว่าพี่หญิงรองจะเข้าใจนะเจ้าค่ะ…” หลินเผยรอยยิ้มเย็นพลางลูบใบหน้าของนางด้วยสีหน้าเหี้ยมพลันเอ่ยเสียงแผ่วเสมือนเป็นคำเตือนว่า ถ้ายังไม่หุบปาก…นางโดนฆ่าแน่ๆ
หลินฮวาไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน จากนั้นหลินซีจึงหันไปกล่าวกับท่านพ่อเสียงแข็งและเดินออกจากห้องโถงหลักไปพร้อมกันกับหยู่เจี่ย
เจ็บใจนัก…ข้าไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย!
วันเวลาผ่านไปหลายปี จนตัวนางเข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวงซ่างกู่เป็นปีที่สองแล้ว นางทั้งได้รับคำชื่นชมมากมายจากบรรดาศิษย์พี่ร่วมสำนัก คณาอาจารย์ กระทั่งผู้อาวุโสบางคน
หลังจากวันนั้นที่โถงหลักของตระกูล หลินซีก็เก็บตัวเงียบมาโดยตลอด นางจะมาออกมาจากห้องเฉพาะวันที่มีเรียนกับอาจารย์ฝึกสอนบางคนที่ท่านพ่อจ้างมา อีกทั้งความสามารถในการเรียนรู้ของหลินซียังดีเยี่ยม จึงทำให้ท่านแม่ไม่พอใจและหันตำหนิตัวนางหลายครั้งหลายคราว
ผ่านไปไม่นาน นางเด็กนั้นก็ได้รับการเชิญเข้าเรียนสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่จากท่านพ่อ เฮอะ…ที่แท้ก็ไปออดอ้อนท่านพ่อนี้เอง
ในวันเปิดเรียนของสำนักศึกษาซ่างกู่มาถึง
ในวันนี้นี่เอง…ท่านพี่เสวี่ยนกงก็มาหาที่ห้องส่วนตัวของนางในสำนัก พร้อมยื่นตำรายุทธ์สีดำบางอย่างมาให้ ทั้งยังจะมอบให้อีก…ถ้าหากนางสามารถไล่หลินซีออกจากสำนักศึกษาหลวงไปได้
หลังจากเสร็จพิธีต้อนรับศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่…
หลินฮวาก็พุ่งพรวดเข้าไปท้าประลองตามที่หลินเสวี่ยนกงบอกให้ทำทันที
ทว่าหลินซีมีสีหน้าแปลกใจ ทั้งยังตอบกลับมาด้วยมารยาทของชนชั้นสูง ทำให้หลินฮวารู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องปั้นหน้าฝืนทนเอาไว้ แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือหลินซีกลับกล้ายื่นเงื่อนไขกลับมาเสียอย่างงั้น
เป็นแค่คนไร้ค่าแท้ๆ ช่างไม่เจียมกะลาหัว
สักพักหลินซีพลันเอ่ยถามถึงเข็มกลัดที่ติดอยู่ตรงอาภรณ์ ตัวนางจึงตอบกลับไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจเล็กๆ
“เก่งมากเลยเจ้าค่ะ ท่านพี่” นี้เป็นคำพูดที่นางยังคงจดจำไม่ลืม นี้เป็นคำพูดของหลินซีที่มักจะพูดกับตัวนางตั้งแต่ยังเด็ก
หลินซีกล่าวพลางยิ้มพลาง ทว่าถึงกับทำให้ตัวนางชะงักไปชั่วครู่ นางเด็กแพศยานี้…คิดจะหลอกลวงอะไรข้าอีก ดังนั้นนางจึงรีบตัดบทแล้วพาหลินซีไปยังสนามประลองทันที
ทว่าหลินซีกลับเหยียดหยามเกียรติของนางด้วยการใช้อาวุธปราณขั้นต่ำ
นะ…นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!
การประลองเริ่มขึ้น หลินซีพุ่งตัวเข้ามาหานางปานอัสนีบาตหมายจะจัดการนางให้เร็วที่สุด
หลินฮวาชะงักเล็กน้อยก่อนจะรีบใช้วิชายุทธ์หลากหลายกระบวนท่าออกมาในครั้งเดียว เพื่อที่จะจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ถึงมันจะทำให้ร่างกายของนางได้รับภาระหนักก็ตามที
แต่หลินซีกลับทำลายความภาคภูมิใจของนางย่อยยับ ต้อนนางให้จนตรอก ข้าแพ้แล้วอย่างงั้นหรือ? ส่วนลึกในจิตใจของหลินฮวากลับทำอะไรบ้าบิ่น อัญเชิญมารอสูรที่เป็นศาสตร์การอัญเชิญต้องห้ามที่บันทึกอยู่หน้าสุดท้ายของตำรายุทธ์สีดำเล่มนั้น ก่อนที่สติของนางจะเลือนลาง นางเห็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน เป็นภาพของหลินซีที่กำลังแบกร่างของนางและคอยหลบการโจมตีจากมารอสูรที่กำลังจู่โจมเข้ามาไม่หยุดหย่อน
นางพึ่งนึกขึ้นได้…นี้มันเป็นศาสตร์การอัญเชิญต้องห้าม ข้านี้โง่เขลาจริงๆ
“ท่านพี่…” หลินซีหลังจากที่เห็นนางเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย ก็รีบเอ่ยเรียกขึ้นมา
“ปล่อยไป…” ขณะนั้น… ตัวนางที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังจึงกล่าวคำพูดเช่นนั้นออกไป “คนที่แพ้แม้แต่คนที่ไม่มีพรสวรรค์อย่างข้า ช่างน่าสมเพชนัก”
สายตาของท่านพี่เสวี่ยนกงเปลี่ยนไป “แม้แต่ท่านพี่เสวี่ยนกง...ยังรัง…” จากนั้นสติของหลินฮวาก็หมดลง ทว่าก่อนสติจะหมดลงโดยสมบูรณ์ก็มีเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หลับให้สบายนะเจ้าค่ะ…ท่านพี่” เสียงอ่อนโยนนั่นทำให้นางหลับไหลไปอย่างสมบูรณ์
หลินฮวาที่กำลังหลับไหลคล้ายได้ยินเสียงเอะอะโวยวายรอบตัว อีกทั้งลมปราณในตันเถียนเหมือนกำลังจะฟื้นตัวแล้ว นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือร่างของหลินซีที่เปอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและมีบาดแผลตามร่างกายหลายจุด
น้องสาวที่ตัวนางรังเกียจมาตลอดหลายปี กำลังปกป้องนางอยู่…
“หลินซี…” ตอนนั้นนางคิดอย่างไรกัน? ถึงรังเกียจน้องสาวคนนี้ ทั้งๆ ที่ฮูหยินไป่ยวี่และหลินซีไม่เคยคิดร้ายต่อนางเลยสักครั้ง
ข้าช่างโง่เขลายิ่งนัก เห็นถูกเป็นผิด เห็นผิดเป็นถูก
“ท่านพี่…ดีใจที่ท่านปลอดภัย” เสียงของหลินซีช่างแผ่วเบายิ่งนัก ทว่ารอยยิ้มอ่อนโยนดั่งมวลบุปผาปรากฏขึ้นบนใบหน้างามที่ครึ่งหน้าเต็มไปด้วยคราบโลหิต
หลินฮวาเบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกใจ ร่างเล็กของหลินซีค่อยๆ ล้มลงไปกองกับพื้นประหนึ่งหุ่นเชิดที่ไร้การชักใย
“หลินซี…”
หลินฮวากลับสู่ปัจจุบัน ขณะนี้นางถูกกักตัวไว้ เพื่อรอการไตร่สวนจากผู้อาวุโสของสำนักจากการที่ตัวนางอัญเชิญมารอสูรออกมา ซึ่งเป็นศาสตร์ต้องห้ามของแคว้นหลาน
ทว่าหลินฮวาก็ได้ขอร้องศิษย์พี่เซวียนเจิ้น ให้พานางดูอาการของหลินซีก่อน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไป…” จินหยางเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน
“แน่ใจเจ้าค่ะ! เสี่ยวฮวา…” อยากจะไปขอโทษน้องสาวของนางสักครั้ง…
ผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ก็มาถึงยังหอรักษาของสำนักศึกษาหลวงชั้นนอก พอเข้ามายังด้านในหอก็พบเจอหลิงมู่และหลินเยว่ที่ยังยืนคุยกันอยู่
บนเตียงกับร่างเล็กของหลินซีกำลังหลับไหล บาดแผลทั่วทั้งร่างถูกรักษาจนหายดี ไม่ได้ทิ้งแผลเป็นเอาไว้ นางกำลังหลับสนิท ดูเหมือนอาการจะปลอดภัยแล้ว หลินฮวาถอนหายอย่างโล่งอก
“ข้าไปก่อนนะ…” หลิงมู่เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็ยิ้มให้แล้วก็พาตัวศิษย์พี่จินหยางออกไปพักผ่อน
ตอนนี้หลินฮวาอยู่ในห้องสองคนกับหลินเยว่ บรรยากาศภายในห้องด้านในของหอรักษาดูอัดอัด
หลินฮวาไม่กล้าพูดอะไรออกมา ปกติแล้วหลินเยว่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะพูดอะไรมากมายนักเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร ทว่านางในตอนนี้ไม่กล้าเงยหน้าไปคุยหลินเยว่เลย จนกระทั่งได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
หลินเยว่เดินเข้ามาใกล้ๆ พลางเอ่ยปากเสียงแผ่วเบา ทว่าน้ำเสียงที่นางส่งออกมาแฝงไปด้วยความโกรธ “อย่าทําอะไรแบบนี้อีก”
หลินเยว่เอ่ยจบ ก็ลูบหันไปลูบหัวของร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะโบกมือลาและออกจากห้องไป
หลินฮวางุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปยังร่างเล็กที่กำลังหลับสนิท ใบหน้าเรียวงามของนางช่างงดงาม และมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน มือเรียวของนางกุมมือน้องสาวไว้แน่น ก่อนจะเอาใบหน้าลงสัมผัสกับมือเล็กอ่อนที่หยาบกระด้างจากการฝึกฝนกระบี่ทุกวันมาหลายปี
“รีบๆ ตื่นขึ้นมาเถอะนะเสี่ยวซี พี่มีเรื่องอยากจะพูดกับน้องเยอะเลย” หลินฮวาเอ่ยอย่างแผ่วเบา
นางกำลังร้องไห้…
“ทั้งหมดที่ผ่านมา…” นางพยายามกลั้นนํ้าตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
ในที่สุดนางก็ได้ปลดปล่อยความทุกข์ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาเสียที
พี่ขอโทษนะ…เสี่ยวซี