“หลินซี…”
หลินฮวาร้องเรียกด้วยเสียงสะอื้นหลังจากเห็นร่างของน้องสาวที่นางไม่เคยสนใจไยดีมาตลอดหลายปีค่อยๆ ทรุดตัวลงกระแทกพื้น นางถลาเข้าประคองร่างเล็กบอบบางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดไว้ได้ ดวงตาสองสีอำพันที่ในยามปกติดูสวยงามดั่งดวงตะวันในยามราตรี บัดนี้กลับปิดสนิท
“หลินซี อย่าไปอะไรนะ…”
มือเรียวเอื้อมไปปิดบาดแผลบริเวณดวงตาข้างขวาของน้องสาว ซึ่งในขณะนี้เลือดไหลรินออกมาประหนึ่งสายน้ำก็มิปาน
“อย่าเป็นอะไรนะ อย่าเป็นอะไรนะน้องพี่…”
หลินฮวาทำตัวไม่ถูก สมองของนางขาวโพลนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะพยามหยุดเลือดที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุดเพียงใด ทว่ามันก็กลับสูญเปล่า เลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณขอบตาของหลินซีไม่หยุดประหนึ่งเขื่อนแตกก็มิปาน
“หลินซี…”
หลินฮวาสะอึกสะอื้น ไหล่บางไหวสั่นไม่เป็นจังหวะ น้ำตานองหน้าอาบแก้มขาวเป็นทางยาว จมูกแดงกล่ำเกิดจากการปาดเช็ดน้ำตา ทว่าหยาดน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหลริน พลางส่งเสียงเรียกผู้เป็นน้องสาวไม่หยุด
ความผิดของนาง…เป็นนางเองที่คิดจะฆ่าน้องสาวของตนเอง
“ทำไมล่ะ? ฮึก…ฮือ ต้องมาปกป้อง...คนอย่างพี่ด้วย” หลินฮวารำพึงรำพันด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในดวงตาสีมรกตฉาบฉายด้วยความรู้สึกผิดที่ยากจะพรรณนา
“นะ…นี้ ตื่นมาพูดพี่หน่อย….จะดุหรือด่าพี่ก็ได้ ขอร้องล่ะ”
ตื่นมาคุยกับพี่เถอะนะ…น้องสาวของพี่
ไม่เหลือมาดขององค์หญิงแห่งเปลวเพลิงผู้เย่อหยิ่งอีกแล้ว ตอนนี้นางเป็นแค่หญิงสาวที่กลัวการสูญเสียน้องสาวไป
กึก กึก
มือเรียวเขย่าตัวของน้องสาวคนเล็กพลางกอดแนบแน่นทั้งน้ำตา
ขอแค่น้องสาวของพี่ฟื้นขึ้นมา…จะให้ทำอะไรพี่ก็ยอมทั้งนั้น
ผิวขาวเนียนประดุจไข่มุกบริสุทธิ์จากใต้ท้องทะเลของหลินซี ตอนนี้กลับมีรอยแผลอยู่หลายจุด กระทั่งอาภรณ์ยังฉีกขาดเป็นบางส่วน
ทำไมหลินซีที่นางรังเกียจนัก รังเกียจหนา ถึงปกป้องนางเอาไว้ หลินฮวาไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวนางตั้งใจจะกำจัดอีกฝ่ายออกไปจากครอบครัวแท้ๆ
มันเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ…ถ้าทำให้ท่านแม่และท่านพี่ชื่นชมในตัวนาง
แต่เพราะอะไรกัน? ทำไมนางจึงไม่รู้สึกดีเลย ตัวนางกลับยิ่งเสียใจด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตั้งใจเอาไว้แบบนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ทำไมนางจึงร้องไห้ด้วยล่ะ…
ไม่เกลียดหลินซีแล้วหรือ?
“หลินฮวา! เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? ยะ…แย่แล้ว อะ…อาจารย์เร็วเข้า” เป็นเสียงของหลิงมู่ตวาดลั่นเรียกบรรดาอาจารย์ที่กำลังพุ่งฝ่าเปลวเพลิงสีดำบางส่วนที่ยังลุกไหม้เข้ามา
“เสี่ยวฮวาถอยไปก่อน ให้ข้าตรวจดูอาการของหลินซีหน่อย” จินหยางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่หลินเยว่จะฝ่าเปลวเพลิงตามเข้ามาอีกคนพลางเรียกหลินฮวาเสียงเเผ่ว
“ฮวาฮวา ฮวาฮวา”
ทว่าหลินฮวาคล้ายสติหลุดลอย นางเอาแต่กอดร่างหลินซีเอาไว้แนบแน่น…พลางพูดขอโทษไม่หยุด
“ฮวา…ฮวา” ก่อนที่อาการของหลินซีจะแย่ไปกว่านี้ หลินเยว่ก็ทำการตัดสินใจอย่างฉับพลัน
เพี๊ยะ!
หลินเยว่ตบไปที่หน้าของหลินฮวาเพื่อเรียกสติของพี่สาว
“เยว่เอ๋อร์…”
“ท่านพี่ตั้งสติหน่อยเถิด ท่านคิดจะฆ่าน้องเล็กอีกครั้งหรืออย่างไร?” หลินเยว่เอ่ยเสียงแข็ง
หลังจากหลินฮวาถูกเรียกสติกลับคืน นางก็ผละตัวออกมาจากร่างหลินซีทันที
ทางด้านจินหยางก็รีบตรวจดูอาการของหลินซีพลางใช้พลังลมปราณของตนรักษาบาดแผลบางส่วนให้แก่เด็กสาว จินหยางเป็นเพียงไม่กี่คนในสำนักที่สามารถแปรเปลี่ยนลมปราณของตนให้มีลักษณะเฉพาะและใช้รักษาอาการบาดเจ็บได้
“เสียเลือดมากเกินไป บาดแผลสาหัส เซวียนเจิ้นรีบพาน้องหลินซีไปหาผู้อาวุโสเหม่ยเร็วเข้า…” เมื่อตรวจดูอาการของหลินซีอย่างถี่ถ้วน จินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ทางด้านเซวียนเจิ้นพยักหน้าพร้อมบอกให้ศิษย์ที่มุงดูอยู่หลีกทาง
หลินฮวามองดูน้องสาวคนเล็กที่ทั่วทั้งร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต ในใจของนาง…แม้อยากจะตามไป ทว่า...นางกลับรู้สึกผิดอย่างยิ่ง ยิ่งมองคราบโลหิตบนมือของตน ยิ่งรู้สึกผิดเป็นทวีคูณ
“เฮอะ…ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ ท่านพ่อกับท่านแม่คงผิดหวังในตัวเจ้ามาก น้องสาวผู้น่าสมเพช” หลินเสวี่ยนกงกล่าวขึ้นต่อหน้าหลินฮวาที่กำลังรู้สึกผิดและจิตใจพังทลายลง
ซิ้ง!
กระบี่สีทองของหลินเยว่ชักออกจากฝักอย่างรวดเร็วปานอัสนี ปลายกระบี่ห่างจากคอหอยของหลินเสวี่ยนกงเพียงนิ้วเดียว ทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยง พลางตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เป็นบ้าอะไรของเจ้า! เยว่เอ๋อร์”
“หุบปาก…มิฉะนั้นอย่าหาว่าน้องไม่เตือน” น้ำเสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็งของหลินเยว่ดังขึ้น
หลินเสวี่ยนกงเมื่อได้ยินดังนั้นก็มีใบหน้าเขียวคล้ำ เขาปัดกระบี่ของหลินเยว่ออก ก่อนจะเดินออกจากบริเวณสนามประลองด้วยสีหน้าท่าทางที่คล้ายจะไม่พอใจนัก
หลินฮวาขณะนี้ตกสู่ห้วงภวังค์อีกครั้ง ภาพและเสียงของหลินซีในอดีตยังคงวนเวียนในหัวของนางซ้ำแล้ว…ซ้ำเล่า
ในวันนั้น…
“พี่ฮวา…” เสียงสดใสของหลินซีเมื่อครั้งอายุสี่ขวบดังขึ้น
หลินซีในตอนนั้นยังอายุเพียงสี่ขวบ เสียงนั้นยังคงก้องกังวาลอยู่ในหัวของนางไม่จางหาย
ภาพที่หลินซีวิ่งเข้ามากอดนางเอาไว้แนบแน่นด้วยความรัก ยังไม่จางหายไปจากความทรงจำ
“มีอะไรงั้นหรือ? น้องสาวคนสวยของพี่” หลินฮวาในตอนนั้นไม่ได้รังเกียจอะไรในตัวน้องสาวคนนี้เลย
“ไปเล่นกันเถอะ พี่ฮวา” หลินซีตัวน้อยยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีอำพันเงางามเปล่งประกายระยิบระยับประหนึ่งอัญมณี กำลังจับจ้องมาที่หลินฮวาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“วันนี้เราจะเล่นอะไรกันดี…” หลินฮวาเอ่ยพร้อมกับลูบศีรษะของน้องสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดู จากนั้นสองพี่น้องก็พากันวิ่งเล่นในคฤหาสน์ตระกูลหลินอย่างสนุกสนาน
สายธารแห่งกาลเวลาล่วงผ่านไปไม่หยุดหย่อน แม้ท่านพ่อจะมีภรรยาถึงสองคน ทว่านางก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก ถึงแม้ท่านแม่ของหลินซีจะเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลหลิน ทว่าก็ไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรนางกับท่านแม่เลยสักครั้ง ทั้งยังดูแลและเอาใจใส่ตัวนางประหนึ่งเป็นลูกสาวอีกคนด้วยซ้ำ
“วันนี้น้องสนุกมากๆ เลย ขอบคุณนะเจ้าค่ะ…ท่านพี่”
หลินฮวามองเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุขล้นพ้น ครู่เดียวเท่านั้นหลินซีตัวน้อยก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งเล่นมาทั้งวัน
หลินซีหลับไปแล้ว…
ตั้งแต่หลินฮวาเกิดมา ยังไม่เคยเห็นฮูหยินใหญ่ไป่ยวี่ออกจากห้องดลนสักครั้ง
ซึ่งจากที่หลินฮวาทราบ ฮูหยินใหญ่ไป่ยวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสู้กับจักรพรรดิอสูรสามตัวที่รุกรานเมืองหย่งเฉินเมื่อสิบกว่าปีก่อน นับตั้งแต่ตอนนั้นร่างกายของนางก็เริ่มทรุดลงเรื่อยๆ หลังจากคลอดหลินซี…อาการเจ็บป่วยของนางก็ยิ่งทรุดหนักยิ่งกว่าเดิม
“มีอะไรงั้นหรือ? ฮวาเอ๋อร์” หลินฮวาสะดุ้งเฮือก หลังจากได้ยินเสียงหวานละมุนเอ่ยเรียก
“ฮวาเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย แฮะ…เเฮะ” หลินฮวากล่าวพลางหัวเราะเสียงแห้ง
“เจ้ายังเป็นเด็กอยู่…ไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรมากมายหรอก ช่วงวัยนี้ควรจะเล่นให้สนุก” ฮูหยินไป่ยวี่กล่าวพลางหัวเราะ มือเรียวขาวซีดเห็นกระดูกลูบหัวเด็กสาวอย่างเอ็นดู ทําเอาหลินฮวารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
กระทั่งแม่แท้ๆ ของนางยังไม่เคยลูบหัวนางอย่างเอ็นดูเช่นนี้เลยสักครั้ง..
“ฮวาเอ๋อร์…ช่วยเป็นพี่สาวที่ดีให้เสี่ยวซีได้ไหม” ฮูหยินไป่ยวี่เอ่ยเสียงอ่อนขณะลูบหัวของหลินฮวาอย่างอ่อนโยน
แม้จะยังสงสัยในคำพูดของฮูหยินไป่ยวี่อยู่บ้าง ทว่าหลินฮวาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เด็กสาวตอบตกลงไปอย่างเรียบง่าย จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุข
หลังจากเดินออกมาจากห้องของฮูหยินไป่ยวี่ได้ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงดังเหน็บแนมดังขึ้น “เฮอะ…ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเด็กนั่นอีกล่ะ! ท่านแม่บอกไปแล้วมิใช่หรืออย่างไร? ห้ามไปสนิทกับนางเด็กแพศยานั้นอีก” หลินเสวี่ยนกงในวัยเจ็ดขวบกอดอกพูดอย่างจองหอง ข้างๆ ของเด็กหนุ่มเป็นหลินเยว่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
“พูดจาอะไรเช่นนั้นท่านพี่…ฮูหยินใหญ่ออกจะใจดีด้วยซ้ำ”
“เจ้า…คงโดนนางหลอกแล้วกระมัง เจ้ารู้ไหมว่า…นางทำอะไรกับท่านแม่ไว้บ้าง อย่าทำให้พี่และท่านแม่ต้องผิดหวังในตัวเจ้าไปมากกว่านี้เลย” หลินเสวี่ยนกงดุด่าหลินฮวาที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงเดินจากไปพร้อมกับหลินเยว่
หลังจากกลับห้อง หลินฮวาก็ถูกท่านแม่ด่าทอรุนแรง ทั้งยังถูกตีจนได้รับแผล พร้อมสั่งห้ามไปยุ่งกับน้องคนเล็กอีกเด็ดขาด
หลินฮวาถึงกับกำหมัดพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากบนใบหน้าของเด็กสาว
ฮึก…ฮือ ลูกทำอะไรก็ผิดไปหมด…ลูกไม่ใช่ลูกสาวของท่านหรืออย่างไรกัน?
ในที่สุดวันเปิดชีพจรลมปราณก็มาถึง หลินฮวาในวัยหกขวบภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก หลังจากสามารถเปิดชีพจรลมปราณได้ถึงเจ็ดชีพจร
“พี่ฮวา…สุดยอดไปเลย ซีซีอยากเก่งเหมือนกับท่านพี่” หลินซีตัวน้อยเอ่ยขึ้น ดวงสีอำพันคู่งามจับจ้องมายังพี่สาวด้วยสายตาปลื้มปิติและยินดีจากใจจริง
“รีบตามพี่ให้ท่านเล่า…น้องสาวของพี่” ทว่าเหตุการณ์กลับแย่ลงยิ่งกว่าเดิม หลินซีเปิดชีพจรได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น…ทั้งยังไม่สามารถฝึกฝนวิชายุทธ์อะไรได้เลย เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่กำเนิด
มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตระกูลหลินของพวกเรา ตระกูลหลินถูกมองในแง่ลบเป็นอย่างมาก บรรดาชาวบ้านหรือกระทั่งขุมอำนาจต่างๆ ในเมืองหย่งเฉินต่างพากันมองตระกูลหลินด้วยสายตาที่รังเกียจ
ดังนั้นท่านแม่จึงพยายามเกลี้ยกล่อมเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลหลินให้ขับไล่ฮูหยินไป่ยวี่และหลินซีออกจากตระกูล ทว่าท่านพ่อก็ค้านชนฝา…ไม่ยอมที่จะขับไล่สองแม่ลูกเด็ดขาด
ท่านแม่จึงกลับมาด้วยนํ้าตาไหลนองบนใบหน้าพร้อมกล่าวกับสามพี่น้องด้วยความโกรธ
“พวกเจ้าเห็นหรือยัง? สองแม่ลูกแพศยานั้นกำลังหลอกลวงท่านพ่อของพวกเจ้าอยู่ แม้แต่แม่ที่เป็นภรรยาอีกคน…เขายังไม่ยอมฟังเลย ฉะนั้นพวกลูกห้ามไปทำดีกับสองแม่ลูกแพศยานั้นเด็ดขาด”
“ขอรับท่านแม่ ในที่สุดพวกมันก็ยอมโผล่หางที่แท้จริงออกมาแล้ว…” หลินเสวี่ยนกงเอ่ยเสียงขรึงขลังพลางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ส่วนหลินเยว่ก็ยังคงอ่านหนังสือเช่นเคย ทว่านางก็รับรู้ใจความเป็นอย่างดี
เป็นเพราะสองคนนั้นงั้นหรือ…ท่านพ่อถึงได้ไม่แสดงความรักกับท่านแม่หรือพี่น้องของนางเลย
ที่ผ่านมาตัวนางคงถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกลวงมาโดยตลอดกระมัง?
หลินฮวาโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งและยิ่งมากขึ้นไปอีกหลังจากรับรู้ว่าตนเอง…อาจถูกหลอกลวงด้วยคราบผู้ดีจอมปลอมของฮูหยินใหญ่ไป่ยวี่!